ASTVผู้จัดการรายวัน – คิงส์สเตลล่า รุกหนักสเปรย์ปรับอากาศรอบ 46 ปี ชูกลยุทธ์น่านน้ำสีม่วงโค่นบัลลังก์เกลด 3 ปี กวาดแชร์ 55% เท 30 ล้านบาท ปั้นนาโน แอ๊คทีฟ 5 กลิ่น เดินเกมสร้างพฤติกรรมแบ่งแยกการใช้งาน อัดสเปรย์ดับกลิ่นสัตว์เลี้ยงหัวหอก ปีนี้ตั้งเป้าโต 30% ในรอบหลายปี กวาดรายได้ 300 ล้านบาท ลั่นเตรียมบุกน้ำหอมปรับอากาศรถยนต์
นายชนะพันธุ์ กิตติเกษมศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพูลทรัพย์อินเตอร์ เคมีคอล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสเปรย์ปรับอากาศคิงส์สเตลล่า เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทดำเนินการตลาดเชิงรุกในรอบ 46 ปี หลังจากบริษัทมีความพร้อมด้านกำลังการผลิต โดยได้ทุ่มงบ 60 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ ที่ บางบ่อ แล้วเสร็จเมื่อปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีกำลังผลิต 10 ล้านชิ้นต่อปีและสามารถเพิ่มเป็น 3 เท่าตัว โดยบริษัทใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีม่วง (Purple Ocean Strategy) หรือการคิดนอกกรอบและแตกต่างภายใต้ 6 กลยุทธ์ คือ 1. P คือ Planning การวางแผนการตลาดรัดกุม และเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่มจาก 10 รายการเป็น 15 รายการต่อปี
ส่วนกลยุทธ์ที่ 2. คือ U หรือ Unique ทุกกิจกรรมต้องการแตกต่างหรือการใช้สื่อและช่องทาง วิธีที่แปลกใหม่ 3. R คือ Realities เป็นจริงได้โดยการทดสอบกับผู้บริโภคทุกครั้ง 4. P คือ People Focus ใช้คนเป็นศูนย์กลาง โดยทำงานเป็นทีม กลยุทธ์ที่ 5. L หรือ Lean ทำน้อยๆ แต่ทำบ่อยๆ กลยุทธ์ที่ 6. E คือ Earth Concern .ใส่ใจสิ่งแวดล้อมโดยผลิตภัณฑ์ทุกชนิดไม่มีสารทำให้เกิดมลพิษจากภาวะเรือนจก
นายชนะพันธุ์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบ 30 ล้านบาท รุกตลาดสเปรย์ปรับอากาศภายในบ้าน ล่าสุดได้เปิดตัวคิงส์ สเตลล่า นาโน แอ๊คทีฟ ภายใต้คอนเซปต์”เกราะความหอม ถนอมบรรยากาศ” โดยกลยุทธ์การตลาดบริษัทสร้างพฤติกรรมการใช้ของผู้บริโภคให้มีการแบ่งแยกการใช้ดับกลิ่นไม่พึงประสงค์จากเดิมผู้บริโภคใช้สเปรย์ดับกลิ่นอาหารภายในบ้านเป็นหลัก ซึ่งผู้บริโภคไทยยังไม่มีการแบ่งแยกการใช้งาน โดยบริษัทได้เปิดตัวสินค้าใหม่ 5 สูตร คือ คลีนโฮม ขจัดกลิ่นสัตว์เลี้ยง และเบบี้ พาวเดอร์ กลิ่นหอมแบบเด็กๆ ฯลฯ
ขณะเดียวกันปรับช่องทางจำหน่ายสินค้า โดยให้ความสำคัญกับการเทรดิชันนัลเทรดเพิ่มจาก 30% เป็น 40% และโมเดิร์นเทรดจาก 70% เป็น 60% นอกจากนี้บริษัทวางแผนรุกตลาดน้ำหอมปรับอากาศภายในรถยนต์มากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่มูลค่า 700-800 ล้านบาท เติบโต 10% ซึ่งปัจจุบันเกลด เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 60% แอมบิเพอร์ คาร์ 30% ส่วนตลาดสเปรย์ภายในบ้าน 400-500 ล้านบาท เติบโต 5-6%
จากการทำตลาดปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโต 30% หรือมีรายได้ 300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโตกว่า 10% นับว่าปีนี้บริษัทมีการเติบโตในรอบหลายปี โดยแบ่งเป็น รายได้จากการส่งออกปีนี้ 60 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 40 ล้านบาท ทั้งนี้จากการใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีม่วงผลักดันให้บริษัทขึ้นเป็นผู้นำตลาดสเปรย์ปรับอากาศภายในบ้าน 3 ปี ครองส่วนแบ่ง 55% จากปัจจุบันคิงส์สเตลล่าเป็นอันดับ 2ของตลาด มีส่วนแบ่ง 25% ขณะที่เกลดเป็นผู้นำครองส่วนแบ่ง 55%
นายชนะพันธุ์ กิตติเกษมศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพูลทรัพย์อินเตอร์ เคมีคอล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสเปรย์ปรับอากาศคิงส์สเตลล่า เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทดำเนินการตลาดเชิงรุกในรอบ 46 ปี หลังจากบริษัทมีความพร้อมด้านกำลังการผลิต โดยได้ทุ่มงบ 60 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ ที่ บางบ่อ แล้วเสร็จเมื่อปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีกำลังผลิต 10 ล้านชิ้นต่อปีและสามารถเพิ่มเป็น 3 เท่าตัว โดยบริษัทใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีม่วง (Purple Ocean Strategy) หรือการคิดนอกกรอบและแตกต่างภายใต้ 6 กลยุทธ์ คือ 1. P คือ Planning การวางแผนการตลาดรัดกุม และเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่มจาก 10 รายการเป็น 15 รายการต่อปี
ส่วนกลยุทธ์ที่ 2. คือ U หรือ Unique ทุกกิจกรรมต้องการแตกต่างหรือการใช้สื่อและช่องทาง วิธีที่แปลกใหม่ 3. R คือ Realities เป็นจริงได้โดยการทดสอบกับผู้บริโภคทุกครั้ง 4. P คือ People Focus ใช้คนเป็นศูนย์กลาง โดยทำงานเป็นทีม กลยุทธ์ที่ 5. L หรือ Lean ทำน้อยๆ แต่ทำบ่อยๆ กลยุทธ์ที่ 6. E คือ Earth Concern .ใส่ใจสิ่งแวดล้อมโดยผลิตภัณฑ์ทุกชนิดไม่มีสารทำให้เกิดมลพิษจากภาวะเรือนจก
นายชนะพันธุ์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบ 30 ล้านบาท รุกตลาดสเปรย์ปรับอากาศภายในบ้าน ล่าสุดได้เปิดตัวคิงส์ สเตลล่า นาโน แอ๊คทีฟ ภายใต้คอนเซปต์”เกราะความหอม ถนอมบรรยากาศ” โดยกลยุทธ์การตลาดบริษัทสร้างพฤติกรรมการใช้ของผู้บริโภคให้มีการแบ่งแยกการใช้ดับกลิ่นไม่พึงประสงค์จากเดิมผู้บริโภคใช้สเปรย์ดับกลิ่นอาหารภายในบ้านเป็นหลัก ซึ่งผู้บริโภคไทยยังไม่มีการแบ่งแยกการใช้งาน โดยบริษัทได้เปิดตัวสินค้าใหม่ 5 สูตร คือ คลีนโฮม ขจัดกลิ่นสัตว์เลี้ยง และเบบี้ พาวเดอร์ กลิ่นหอมแบบเด็กๆ ฯลฯ
ขณะเดียวกันปรับช่องทางจำหน่ายสินค้า โดยให้ความสำคัญกับการเทรดิชันนัลเทรดเพิ่มจาก 30% เป็น 40% และโมเดิร์นเทรดจาก 70% เป็น 60% นอกจากนี้บริษัทวางแผนรุกตลาดน้ำหอมปรับอากาศภายในรถยนต์มากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่มูลค่า 700-800 ล้านบาท เติบโต 10% ซึ่งปัจจุบันเกลด เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 60% แอมบิเพอร์ คาร์ 30% ส่วนตลาดสเปรย์ภายในบ้าน 400-500 ล้านบาท เติบโต 5-6%
จากการทำตลาดปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโต 30% หรือมีรายได้ 300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโตกว่า 10% นับว่าปีนี้บริษัทมีการเติบโตในรอบหลายปี โดยแบ่งเป็น รายได้จากการส่งออกปีนี้ 60 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 40 ล้านบาท ทั้งนี้จากการใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีม่วงผลักดันให้บริษัทขึ้นเป็นผู้นำตลาดสเปรย์ปรับอากาศภายในบ้าน 3 ปี ครองส่วนแบ่ง 55% จากปัจจุบันคิงส์สเตลล่าเป็นอันดับ 2ของตลาด มีส่วนแบ่ง 25% ขณะที่เกลดเป็นผู้นำครองส่วนแบ่ง 55%
