xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองป่วนพีดีเฮ้าส์ฯยอดขายตก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – พีดีเฮ้าส์ฯ แจงยอดขาย2เดือนแรก90ล้านบาท จากเป้ายอดขายปีนี้ 600 ล้านบาท แจงพลาดเป้าเล็กน้อยเหตุผลกระทบการเมือง เชื่อแค่ระยะสั้น พร้อมเดินหน้าขยายสาขาใหม่เพิ่ม5สาขา ตามเผยแผนการตลาดปี53 หวังครอบคลุมลูกค้าทุกภาค พร้อมเปิดตัวแบบบ้านใหม่ 8 แบบระดับราคา 2 ล้านบาทเศษเอาใจลูกค้าต่างจังหวัดฯ ดึงธนาคารไทยพาณิชย์- กสิกรไทย- ยูโอบี ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ

นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลอป จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ กล่าวถึงแผนการลงทุนและการตลาดของบริษัทในปี53ว่า ตามแผนงานระยะยาว5ปีของบริษัทที่วางไว้ในปีน้บริษัทจะขยายสาขาใหม่ๆทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเพิ่มอีก 5 สาขา ซึ่งจะส่งผลให้ในปีนี้บริษัทจะมีสาขาที่เปิดให้บริการลูกค้าทั้งสิ้น20 สาขา ซึ่งจะส่งผลให้ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์เป็นรายแรกที่มีสาขาให้บริการครอบคลุมครบทุกภูมิภาค
ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกนี้จะมีปัจจัยลบด้านการเมือง ซึ่งเกิดจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงเกิดขึ้น แต่จากการประเมินสถานการณ์การในช่วง4-5วันของการชุมนุมที่ผ่านมา ยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้นตามที่หลายฝ่ายกังวล ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีเพราะหากเกิดปัญหาความรุนแรงขึ้นจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้านการลงทุน และการตัดสินใจสร้างบ้านของผู้บริโภค ซึ่งอาจจะส่งผลต่อตลาดร่วมในปีนี้
“ปัญหาการเมืองและการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้น ในความรู้สึกของประชชนทั่วไปรู้สึกชินและปรับตัวได้แล้วกับการเมืองในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงประเมินว่าผลกระทบด้านการเมือง อาจจะส่งผลต่อตลาดธุรกิจรับสร้างบ้านในระยะสั้นเท่านั้น และจะไม่เป็นอุปสรรคต่อแผนการลงทุนและแผนการตลาดของบริษัทฯ”
โดยในไตรมาส 2นี้พีดีเฮ้าส์ฯเตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 3 แห่ง นำร่องสาขาแรกในจังหวัดภาคใต้ได้แก่ สาขาภูเก็ต และในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนจะเปิดเพิ่มสาขาในกรุงเทพฯอีก 2 สาขาคือรามอินทราและศรีนครินทร์ ส่วนอีก 2 สาขาจะเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้การขยายสาขาของบริษัทฯจะเป็นในรูปแบบแฟรนไชส์ ที่มีผู้สนใจร่วมลงทุนภายใต้แบรนด์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์
“สำหรับแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ฯ ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่บริษัทฯนำมาต่อยอดธุรกิจของตัวเองให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ โดยตั้งเป้าจะขยายให้ครบ 50 สาขาภายในปี 56 รวมถึงความตั้งใจและเป้าหมายสำคัญอีกประการก็คือ การพัฒนาผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดรับสร้างบ้าน ให้มีความรู้ความเข้าใจในการบริหารธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างดีพอและมีความเป็นมืออาชีพ ภายใต้การสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของพีดีเฮ้าส์ ทั้งในเรื่องการบริหารจัดการ การตลาด การควบคุมคุณภาพ การจัดซื้อ และงานระบบบัญชี ฯลฯ ถือได้ว่าเป็นการสร้างผู้ประกอบการน้ำดีให้เข้ามาแข่งขันในตลาดรับสร้างบ้าน เพื่อลดปัญหาเดิมๆ ได้แก่ “สร้างบ้านไม่ได้มาตรฐาน” และ “สร้างบ้านไม่ได้บ้าน” อันเกิดจากผู้ประกอบการขาดความเป็นมืออาชีพ และเชื่อมั่นว่าแฟรนไชส์รับสร้างบ้านที่บริษัทฯพัฒนาระบบขึ้นมาจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ชัดเจน สำหรับการจะช่วยให้ภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นที่ยอมรับในวงกว้างอย่างเป็นรูปธรรมที่แท้จริง ด้วยการขยายสาขากระจายออกไปทั่วประเทศเพื่อให้บริการรับสร้างบ้านแก่ผู้บริโภคและประชาชน”
นายสิทธิพร กล่าวว่า อย่างไรก็ตามใน ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวมทุกสาขาไว้ 600 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 400 ล้านบาท โดยในช่วง 2 เดือนเศษที่ผ่านมามียอดขายรวม 90 ล้านบาทเศษ ซึ่งถือว่าตัวเลขยอดขายยังต่ำกว่าที่คาดไว้ ส่วนหนึ่งยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางการเมือง อย่างไรก็ดีเชื่อว่ากำลังซื้อที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯจะกลับมาในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้า บริษัทฯเตรียมเปิดตัวแบบบ้านใหม่ 8 แบบ ด้วยระบบก่อสร้างคาน-เสาสำเร็จรูปที่เรียกว่า Multi-joint Lock System ในระดับราคาบ้าน 2 ล้านบาทเศษ ซึ่งเมหาะกับครอบครัวใหม่ ที่มีสมาชิกครอบครัวขนาด 3-4 คน พร้อมกันนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ, ธนาคารกสิกรไทย, และธนาคารยูโอบีฯ ร่วมปล่อยกู้ดอกเบี้ยพิเศษและผ่อนชำระระยะยาว ให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการสร้างบ้านกับบริษัทฯในทุกๆสาขา ซึ่งจะเป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถมีบ้านได้เร็วขึ้น
สำหรับการร่วมมือกับสถาบันการเงินครั้งนี้ บริษัทฯได้มีการทำการวิจัยและสำรวจความคิดเห็น ของผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ในระยะ 3 ปีข้างหน้านี้ จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,400 รายจากทั่วประเทศ พบว่า 87% มีความต้องการกู้เงินหรือใช้สินเชื่อปลูกสร้างบ้านแทนการออมเงินจนครบเพื่อจะสร้างบ้าน เหตุผลประการแรกเป็นเพราะกลุ่มตัวอย่างเห็นว่าทำให้มีบ้านหลังใหม่ได้เร็วขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น