ASTVผู้จัดการรายวัน - ม็อบเริ่มเหี่ยว แบงก์พาณิชย์แจ้ง ธปท.ปิดสาขาน้อยลง บางแห่งกลับมียอดเบิกถอนเงินลดลง เหตุประชาชนเลี่ยงออกนอกบ้าน บิ๊ก ธปท.มั่นใจสถานการณ์คลี่คลาย แต่หากยืดเยื้อการใช้จ่าย ลงทุน และยอดสินเชื่ออาจเดี้ยง
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์แจ้งขออนุญาตธปท.ปิดสาขาโดยรวมมีปริมาณลดลง จึงเชื่อว่าหากประเมินสถานการณ์คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นและไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง การขออนุญาตปิดสาขาจะน้อยลง ยกเว้นเฉพาะในสาขาที่มีสถานที่ตั้งติดกับพื้นที่ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
“จากการรายงานของแบงก์พาณิชย์ล่าสุดเมื่อวานนี้(16มี.ค.) ถือเป็นการปิดสาขาของแบงก์เป็นวันที่สองกลับลดลง เทียบกับวันแรก คือ วันที่ 15 มี.ค. ได้รับรายงานจากแบงก์พาณิชย์ 8 แห่ง ขอปิดสาขา 20 กว่าสาขา จึงเชื่อว่าวันต่อๆไป หากประเมินภาพแล้วไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นน่าจะมีการขอปิดสาขาธนาคารพาณิชย์ลดลงอีก"รองผู้ว่าการธปท.กล่าว
ขณะเดียวกันจากการรายงานของธนาคารพาณิชย์ในขณะนี้ พบว่า การทำธุรกรรมต่างๆ ในระบบการเงินยังคงดำเนินการได้ตามปกติ โดยธนาคารพาณิชย์ได้เตรียมสำรองสภาพคล่องไว้จำนวนมาก ขณะเดียวกันประชาชนก็ไม่ได้แตกตื่นจนตุนเงินสดเก็บไว้จนมากผิดปกติ ในทางตรงกันข้ามการเบิกถอนเงินผ่านสาขาธนาคารพาณิชย์บางแห่งกลับต่ำกว่าในช่วงเวลาปกติด้วยซ้ำ เพราะประชาชนหลีกเลี่ยงออกนอกบ้าน แสดงให้เห็นว่าประชาชนเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี
นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท.กล่าวว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ธปท.ยังไม่ได้รับรายงานการเบิกถอนที่ผิดปกติ อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์ชุมนุมยืดเยื้อออกไปอาจมีผลกระทบต่อการใช้จ่าย การลงทุน รวมถึงมีผลต่อการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในระยะสั้นบ้าง แต่หากสถานการณ์ดีขึ้นเชื่อว่าการปล่อยสินเชื่อจะกลับมาเร่งตัวได้ตามปกติเหมือนกับช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมาเมื่อเศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัว ความต้องการสินเชื่อของภาคธุรกิจและประชาชนจะกลับมาเร่งตัวขึ้น
**แบงก์แจ้งปริมาณปิดสาขาน้อยลง**
รายงานข่าวจากธปท.แจ้งว่า ล่าสุดในช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ ยอดการรายงานปิดสาขาชั่วคราวของธนาคารพาณิชย์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากช่วงเช้า โดยธนาคารพาณิชย์ 7 แห่ง แจ้งขอปิดสาขาหรือสาขาย่อยเป็นการชั่วคราวจำนวน 13 แห่ง โดยธนาคารกรุงไทยแจ้งปิดสาขามากที่สุด ได้แก่ สาขากระทรวงกลาโหม ราชดำเนิน กระทรวงศึกษา บางลำภู ถนนข้าวสาร รวมถึงสาขาย่อยทั้งทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา ซึ่งเป็นทำการตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.เป็นต้นไป และในส่วนของสาขาถนนข้าวสารได้แจ้งปิดตั้งแต่วันที่ 15-17 มี.ค.นี้
ส่วนธนาคารพาณิชย์ที่เหลือ 6 แห่งมีการแจ้งปิดสาขาเหลือเพียงแค่ 1 สาขาเท่านั้น โดยธนาคารนครหลวงไทยแจ้งปิดสาขาราชดำเนิน ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.นี้เป็นต้นไป และย้ายไปเปิดที่สาขาโบ๊เบ๊แทนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ธนาคารทหารไทยแจ้งปิดสาขาม.ศรีปทุม ในวันที่ 15-16 มี.ค. นอกจากนี้ยังมีธนาคารแจ้งขอปิดสาขาแบบวันต่อวัน คือ ปิดสาขาชั่วคราวในวันที่ 16 มี.ค.ได้แก่ ธนชาตแจ้งปิดสาขาย่อยราชดำเนินกลาง และให้ย้ายไปเหิดที่สาขาบางลำภูจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ธนาคารไทยพาณิชย์ปิดสาขาราชดำเนินกลางเช่นเดียวกัน และให้ย้ายไปเปิดที่สาขาปิ่นเกล้าแทนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ธนาคารกรุงเทพปิดสาขาชสะพานผ่านฟ้า และธนาคารกรุงศรีอยุธยาปิดที่สาขา ปตท.วิภาวดีรังสิต.
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์แจ้งขออนุญาตธปท.ปิดสาขาโดยรวมมีปริมาณลดลง จึงเชื่อว่าหากประเมินสถานการณ์คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นและไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง การขออนุญาตปิดสาขาจะน้อยลง ยกเว้นเฉพาะในสาขาที่มีสถานที่ตั้งติดกับพื้นที่ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
“จากการรายงานของแบงก์พาณิชย์ล่าสุดเมื่อวานนี้(16มี.ค.) ถือเป็นการปิดสาขาของแบงก์เป็นวันที่สองกลับลดลง เทียบกับวันแรก คือ วันที่ 15 มี.ค. ได้รับรายงานจากแบงก์พาณิชย์ 8 แห่ง ขอปิดสาขา 20 กว่าสาขา จึงเชื่อว่าวันต่อๆไป หากประเมินภาพแล้วไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นน่าจะมีการขอปิดสาขาธนาคารพาณิชย์ลดลงอีก"รองผู้ว่าการธปท.กล่าว
ขณะเดียวกันจากการรายงานของธนาคารพาณิชย์ในขณะนี้ พบว่า การทำธุรกรรมต่างๆ ในระบบการเงินยังคงดำเนินการได้ตามปกติ โดยธนาคารพาณิชย์ได้เตรียมสำรองสภาพคล่องไว้จำนวนมาก ขณะเดียวกันประชาชนก็ไม่ได้แตกตื่นจนตุนเงินสดเก็บไว้จนมากผิดปกติ ในทางตรงกันข้ามการเบิกถอนเงินผ่านสาขาธนาคารพาณิชย์บางแห่งกลับต่ำกว่าในช่วงเวลาปกติด้วยซ้ำ เพราะประชาชนหลีกเลี่ยงออกนอกบ้าน แสดงให้เห็นว่าประชาชนเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี
นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท.กล่าวว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ธปท.ยังไม่ได้รับรายงานการเบิกถอนที่ผิดปกติ อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์ชุมนุมยืดเยื้อออกไปอาจมีผลกระทบต่อการใช้จ่าย การลงทุน รวมถึงมีผลต่อการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในระยะสั้นบ้าง แต่หากสถานการณ์ดีขึ้นเชื่อว่าการปล่อยสินเชื่อจะกลับมาเร่งตัวได้ตามปกติเหมือนกับช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมาเมื่อเศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัว ความต้องการสินเชื่อของภาคธุรกิจและประชาชนจะกลับมาเร่งตัวขึ้น
**แบงก์แจ้งปริมาณปิดสาขาน้อยลง**
รายงานข่าวจากธปท.แจ้งว่า ล่าสุดในช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ ยอดการรายงานปิดสาขาชั่วคราวของธนาคารพาณิชย์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากช่วงเช้า โดยธนาคารพาณิชย์ 7 แห่ง แจ้งขอปิดสาขาหรือสาขาย่อยเป็นการชั่วคราวจำนวน 13 แห่ง โดยธนาคารกรุงไทยแจ้งปิดสาขามากที่สุด ได้แก่ สาขากระทรวงกลาโหม ราชดำเนิน กระทรวงศึกษา บางลำภู ถนนข้าวสาร รวมถึงสาขาย่อยทั้งทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา ซึ่งเป็นทำการตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.เป็นต้นไป และในส่วนของสาขาถนนข้าวสารได้แจ้งปิดตั้งแต่วันที่ 15-17 มี.ค.นี้
ส่วนธนาคารพาณิชย์ที่เหลือ 6 แห่งมีการแจ้งปิดสาขาเหลือเพียงแค่ 1 สาขาเท่านั้น โดยธนาคารนครหลวงไทยแจ้งปิดสาขาราชดำเนิน ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.นี้เป็นต้นไป และย้ายไปเปิดที่สาขาโบ๊เบ๊แทนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ธนาคารทหารไทยแจ้งปิดสาขาม.ศรีปทุม ในวันที่ 15-16 มี.ค. นอกจากนี้ยังมีธนาคารแจ้งขอปิดสาขาแบบวันต่อวัน คือ ปิดสาขาชั่วคราวในวันที่ 16 มี.ค.ได้แก่ ธนชาตแจ้งปิดสาขาย่อยราชดำเนินกลาง และให้ย้ายไปเหิดที่สาขาบางลำภูจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ธนาคารไทยพาณิชย์ปิดสาขาราชดำเนินกลางเช่นเดียวกัน และให้ย้ายไปเปิดที่สาขาปิ่นเกล้าแทนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ธนาคารกรุงเทพปิดสาขาชสะพานผ่านฟ้า และธนาคารกรุงศรีอยุธยาปิดที่สาขา ปตท.วิภาวดีรังสิต.