ASTV ผู้จัดการรายวัน – นักลงทุนโล่งอก! แดงชุนนุมไม่แรกไม่หนัก มั่นใจรัฐบาลเอาอยู่ ดันสถาบัน – ต่างชาติเข้าเก็บหุ้น ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 7.39 จุด วอลุ่มซื้อขาย 1.5 หมื่นล้าน ล่าสุด 35 ประเทศ ประกาศเตือนประชาชนกรณีมาท่องเที่ยวไทย โดยปรับขึ้นเป็นระดับ 4 จากเต็ม 5 เช่นเดียวกับยอดจองโรงแรมที่ลดลงไปแล้ว 10 -20%
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยในการชุนนุมวันแรกของกลุ่มเสื้อแดง(12มี.ค.) ดัชนปิดที่ระดับ 733.34 จุด เพิ่มขึ้น 7.39 จุด หรือ 1.02% มูลค่าการซื้อขาย 15,032.40 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงบ่ายดัชนีหุ้นยืนแดนบวกอย่างต่อเนื่อง หลังการชุมนุมวันแรกเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อยและสลายตัวในที่สุด บวกกับแนวโน้ม Flow จากต่างชาติยังไหลเข้าต่อเนื่อง และแรงเก็งกำไรนักลงทุนบางกลุ่มที่คาดว่าการชุมนุมในวันที่ 14 มี.ค.จะไม่รุนแรงและยืดเยื้อ โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 733.34 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 722.89 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 224 หลักทรัพย์ ลดลง 80 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 148 หลักทรัพย์ ขณะที่การซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุนพบว่า สถาบัน เป็นผู้นำในการซื้อสุทธิ 804.73 ล้านบาท ตามมาด้วย นักลงทุนต่างประเทศที่ซื้อสุทธิ 475.41 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 89.85 ล้านบาท โดยมีเพียงนักลงทุนรายย่อย ซึ่งยังมีความกังวลต่อการชุมนุมในวันที่เหลือ และต้องการขายออกเพื่อรับกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น โดยขายสุทธิ 1,370 ล้านบาท
นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวานนี้ตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่องและหุ้นปรับตัวสูงกว่าที่คาดไว้ โดยคาดว่านักลงทุนเห็นว่า Sentiment การลงทุนดีขึ้นหลังจากการชุมนุมทางการเมืองในวานนี้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ภาครัฐสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และได้ทยอยสบายการชุมนุมในจุดต่างๆไปแล้ว ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มเข้ามาซื้อเก็บหุ้นเพื่อหวังผลตอบแทนการลงทุน โดยคาดว่าการชุมนุมในช่วง 13-14 มี.ค.จะไม่มีความรุนแรงเช่นกัน และจากการที่นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทย ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ยืนอยู่ได้ในทิศทางบวก
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้าต้องแบ่งเป็น 2 กรณี คือ การชุมนุมในวันอาทิตย์ไม่เกิดเหตุรุนแรงและยืดเยื้อเชื่อว่าสัปดาห์หน้าตลาดหุ้นจะอยู่ในทิศทางขาขึ้นบวกได้ต่อ รวมกับแรงซื้อนักลงทุนต่างชาติจะยิ่งให้ดัชนีไปต่อได้ และอาจทดสอบแนวต้านใหม่ที่ 750 จุด แต่หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงต้องมาประเมินสถานการณ์กันใหม่ในช่วงสัปดาห์หน้า คาดว่าจะส่งผลให้ดัชนีลดลงแต่ไม่สามารถไปประมินได้ว่าเท่าไร เบื้องต้นคาดว่าไม่หลุดแนวรับที่ 715 จุด
โดยให้แนวรับสัปดาห์ไว้ที่ 715 จุด แนวต้าน 738 จุด และหากสถานการณ์การเมืองไม่รุนแรงสัปดาห์หน้าหุ้นจะขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 750 จุด
35 ประเทศออก Travel Advisory
รายงานข่าวจากศูนย์อำนวยการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว หรือ ศอช. เปิดเผยว่า ล่าสุด ณ วันที่ 11 มี.ค.53 มีประเทศที่ประกาศแนะนำนักท่องเที่ยว(Travel Advisory) รวมทั้งสิ้น 35 ประเทศ เพิ่มขึ้นจากเมื่อต้นสัปดาห์ที่มีจำนวน 32 ประเทศ โดย 3 ประเทศที่เพิ่มมา ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ประกาศเตือนในระดับ 4(Reconsider your need to travel) จากที่มีทั้งหมด 5 ระดับ คือให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทยให้มีการทบทวนการเดินทาง เริ่มประกาศมาวันที่ 9 มี.ค.53 , ประเทศสิงคโปร์ ประกาศแนะนำในระดับ 2 คือให้ติดตามข่าวสารการชุมนุมในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด (Exercise Caution) และ ฮ่องกง เริ่มประกาศ Travel Advisory ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.53 โดยประกาศเตือนในระดับ 4
ส่วนประเทศที่ประกาศแนะนำนักท่องเที่ยวไปก่อนหน้านี้ หลายประเทศได้เพิ่มระดับการเตือนให้สูงขึ้น เช่น จีน เพิ่มจากระดับ 1 เป็น 2 ,โรมาเนีย เพิ่มจากระดับ 2 เป็น 4 ,รัสเซีย เพิ่มจากระดับ 2 เป็น 4 ไต้หวันเพิ่มจากระดับ 1 เป็น 4เป็นต้น แต่มีหลายประเทศที่ยังคงระดับการแนะนำเท่าเดิม เช่น ญี่ปุ่น ระดับ 2, สวิสเซอร์แลนด์ ระดับ 2 ,สหรัฐอเมริกา ระดับ 2แคนาดา ระดับ 3 เป็นต้น
ยอดจองโรงแรมวูบ 10-20%
นายศักรินทร์ ช่อไสว ผู้จัดการสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) กล่าวว่า ล่าสุด พบว่า จำนวนการจองห้องพักของนักท่องเที่ยวในช่วงสัปดาห์นี้ต่อเนื่องสัปดาห์หน้า เริ่มชะลอตัวลงราว 10-20% ขณะที่อัตราการจองเข้าพักโรงแรมใน 3 จังหวัด ภูเก็ต
กระบี่ และพังงา สำหรับเดือน เม.ย. 53 มีแนวโน้มที่ลดลง หรือชะลอตัวลงกว่าที่ควรจะเป็น โดยภูเก็ต มีอัตราการจองที่ 23% พังงา 35% และ กระบี่ 32 % จากปกติช่วงเวลาดังกล่าวอัตราการจองจะเฉลี่ยที่ 35-40%
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยในการชุนนุมวันแรกของกลุ่มเสื้อแดง(12มี.ค.) ดัชนปิดที่ระดับ 733.34 จุด เพิ่มขึ้น 7.39 จุด หรือ 1.02% มูลค่าการซื้อขาย 15,032.40 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงบ่ายดัชนีหุ้นยืนแดนบวกอย่างต่อเนื่อง หลังการชุมนุมวันแรกเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อยและสลายตัวในที่สุด บวกกับแนวโน้ม Flow จากต่างชาติยังไหลเข้าต่อเนื่อง และแรงเก็งกำไรนักลงทุนบางกลุ่มที่คาดว่าการชุมนุมในวันที่ 14 มี.ค.จะไม่รุนแรงและยืดเยื้อ โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 733.34 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 722.89 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 224 หลักทรัพย์ ลดลง 80 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 148 หลักทรัพย์ ขณะที่การซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุนพบว่า สถาบัน เป็นผู้นำในการซื้อสุทธิ 804.73 ล้านบาท ตามมาด้วย นักลงทุนต่างประเทศที่ซื้อสุทธิ 475.41 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 89.85 ล้านบาท โดยมีเพียงนักลงทุนรายย่อย ซึ่งยังมีความกังวลต่อการชุมนุมในวันที่เหลือ และต้องการขายออกเพื่อรับกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น โดยขายสุทธิ 1,370 ล้านบาท
นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวานนี้ตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่องและหุ้นปรับตัวสูงกว่าที่คาดไว้ โดยคาดว่านักลงทุนเห็นว่า Sentiment การลงทุนดีขึ้นหลังจากการชุมนุมทางการเมืองในวานนี้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ภาครัฐสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และได้ทยอยสบายการชุมนุมในจุดต่างๆไปแล้ว ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มเข้ามาซื้อเก็บหุ้นเพื่อหวังผลตอบแทนการลงทุน โดยคาดว่าการชุมนุมในช่วง 13-14 มี.ค.จะไม่มีความรุนแรงเช่นกัน และจากการที่นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทย ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ยืนอยู่ได้ในทิศทางบวก
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้าต้องแบ่งเป็น 2 กรณี คือ การชุมนุมในวันอาทิตย์ไม่เกิดเหตุรุนแรงและยืดเยื้อเชื่อว่าสัปดาห์หน้าตลาดหุ้นจะอยู่ในทิศทางขาขึ้นบวกได้ต่อ รวมกับแรงซื้อนักลงทุนต่างชาติจะยิ่งให้ดัชนีไปต่อได้ และอาจทดสอบแนวต้านใหม่ที่ 750 จุด แต่หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงต้องมาประเมินสถานการณ์กันใหม่ในช่วงสัปดาห์หน้า คาดว่าจะส่งผลให้ดัชนีลดลงแต่ไม่สามารถไปประมินได้ว่าเท่าไร เบื้องต้นคาดว่าไม่หลุดแนวรับที่ 715 จุด
โดยให้แนวรับสัปดาห์ไว้ที่ 715 จุด แนวต้าน 738 จุด และหากสถานการณ์การเมืองไม่รุนแรงสัปดาห์หน้าหุ้นจะขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 750 จุด
35 ประเทศออก Travel Advisory
รายงานข่าวจากศูนย์อำนวยการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว หรือ ศอช. เปิดเผยว่า ล่าสุด ณ วันที่ 11 มี.ค.53 มีประเทศที่ประกาศแนะนำนักท่องเที่ยว(Travel Advisory) รวมทั้งสิ้น 35 ประเทศ เพิ่มขึ้นจากเมื่อต้นสัปดาห์ที่มีจำนวน 32 ประเทศ โดย 3 ประเทศที่เพิ่มมา ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ประกาศเตือนในระดับ 4(Reconsider your need to travel) จากที่มีทั้งหมด 5 ระดับ คือให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทยให้มีการทบทวนการเดินทาง เริ่มประกาศมาวันที่ 9 มี.ค.53 , ประเทศสิงคโปร์ ประกาศแนะนำในระดับ 2 คือให้ติดตามข่าวสารการชุมนุมในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด (Exercise Caution) และ ฮ่องกง เริ่มประกาศ Travel Advisory ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.53 โดยประกาศเตือนในระดับ 4
ส่วนประเทศที่ประกาศแนะนำนักท่องเที่ยวไปก่อนหน้านี้ หลายประเทศได้เพิ่มระดับการเตือนให้สูงขึ้น เช่น จีน เพิ่มจากระดับ 1 เป็น 2 ,โรมาเนีย เพิ่มจากระดับ 2 เป็น 4 ,รัสเซีย เพิ่มจากระดับ 2 เป็น 4 ไต้หวันเพิ่มจากระดับ 1 เป็น 4เป็นต้น แต่มีหลายประเทศที่ยังคงระดับการแนะนำเท่าเดิม เช่น ญี่ปุ่น ระดับ 2, สวิสเซอร์แลนด์ ระดับ 2 ,สหรัฐอเมริกา ระดับ 2แคนาดา ระดับ 3 เป็นต้น
ยอดจองโรงแรมวูบ 10-20%
นายศักรินทร์ ช่อไสว ผู้จัดการสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) กล่าวว่า ล่าสุด พบว่า จำนวนการจองห้องพักของนักท่องเที่ยวในช่วงสัปดาห์นี้ต่อเนื่องสัปดาห์หน้า เริ่มชะลอตัวลงราว 10-20% ขณะที่อัตราการจองเข้าพักโรงแรมใน 3 จังหวัด ภูเก็ต
กระบี่ และพังงา สำหรับเดือน เม.ย. 53 มีแนวโน้มที่ลดลง หรือชะลอตัวลงกว่าที่ควรจะเป็น โดยภูเก็ต มีอัตราการจองที่ 23% พังงา 35% และ กระบี่ 32 % จากปกติช่วงเวลาดังกล่าวอัตราการจองจะเฉลี่ยที่ 35-40%
