เมื่อวันที่ 5-6 มีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทย ได้เชิญสื่อมวลชน ไปเยี่ยมชมลูกค้าเอสเอ็มที่ ซึ่งเป็นธุรกิจพื้นฐานสำคัญของประเทศ โดยคุณเวทย์ นุชเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ผู้บริหารสายงานธุรกิจขนาดกลาง และคุณประสิทธิ วสุภัทร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ที่ดูแลลูกค้าเอสเอ็มอี ภาคตะวันออกฉียงเหนือและภาคเหนือ และผู้บริหารสายงานที่ร่วมเดินทางไปพร้อมกับสื่อมวลชนตลอดทั้ง 2 วัน
เริ่มจากเข้าเยี่ยมชมกิจการโรงสีข้าว บจ.ตงฮั่วบัวใหญ่(1994) และโรงไฟฟ้า บจ.บัวใหญ่ไบโอเพาเวอร์ ที่จังหวัด อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ที่เริ่มต้นจากกิจการโรงสีข้าวเล็กๆ จนมาถึงรุ่นที่ 2 โดยคุณสุเทพ สุทัศน์ สุรชัย วิโรจน์ไพสิฐ รับช่วงดูแลต่อ และมีการพัฒนาขยายกิจการโรงสีข้าวใหม่ โดยเฉพาะการนำเครื่องจักรและเทคโทโนโลยีที่ทันสมัยผลิตข้าวสารที่เป็น House Brand ให้แก่ Tesco Lotus ในนามบริษัท ตงฮั้วไร้ซ์ จำกัด เพื่อจำหน่ายในประเทศ ส่งขายให้แก่ Modern Trade เป็นตลาดหลักรวมทั้งส่งออกไปยังต่างประเทศ
ที่สำคัญที่สุดผู้บริหารเห็นปัญหาหลักของโรงสีข้าว คือค่าไฟฟ้า และต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย จึงได้ก่อตั้งบริษัท บัวใหญ่ไบโดพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นโรงผลิตกระแสไฟฟ้า จากชีวมวลจากแกลบ อันเป็นผลพลอยได้ ( By Product ) จากกิจการโรงสีข้าว ผลิตไฟฟ้าใช้ในกิจการโรงสีและยังมีส่วนเกินจากการผลิตไฟฟ้ากระแสไฟฟ้านำไปขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นการคิดต่อยอดของผู้บริหารที่เก่ง น่านำเอาไปเป็นแบบอย่าง
หลังจากนั้นเยี่ยมชมกิจการเพาะเลี้ยงปลาเผาะ( ปลาปังก้า ) เพื่อจำหน่ายภายใต้ชื่อไทยปังก้าฟาร์ม จำกัด โดยคุณพิสิทธิ์ หล้าสุดตา เป็นผู้บริหาร ปลาเผาะเป็นปลาน้ำจืดเนื้อสีขาว เป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะแถบยุโรปและอเมริกา มูลค่าการส่งออกต่อปี 1,200 ล้านบาท ผู้บริหารมีการพัฒนาเลี้ยงปลาเผาะแบบครบวงจรตั้งแต่เพาะลูกปลา การอนุบาล การเลี้ยง ผลิตอาหาร จนกระทั่งจับขายและสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการปรับเปลี่ยนการเลี้ยงปลาเป็นระบบเกษตรอินทรีย์ (Organic Farm) โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและมุ่งเน้นการประหยัดพลังงาน การลี้ยงปลาเผาะ ตลอดจนนำน้ำจากการเลี้ยงปลาไปใช้ในการเกษตร และทำสวนโดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของ SME ที่อยู่มีอาชีพเกษตรกรที่ใช้ความรู้และนำเทคโนโลยีมาผสมผสานกับภูมิปํญญาไทยตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย พัฒนาต่อยอดจนประสบความสำเร็จ "มะจัง" เห็นว่าถ้าคนไทยมีแนวคิดและนำควารมรู้พื้นบ้านผสมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่อยอดการทำธุรกิจประเทศชาติก็จะเจริญก้าวหน้าเป็นผู้นำในภูมิภาคแน่ๆค่ะ
เริ่มจากเข้าเยี่ยมชมกิจการโรงสีข้าว บจ.ตงฮั่วบัวใหญ่(1994) และโรงไฟฟ้า บจ.บัวใหญ่ไบโอเพาเวอร์ ที่จังหวัด อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ที่เริ่มต้นจากกิจการโรงสีข้าวเล็กๆ จนมาถึงรุ่นที่ 2 โดยคุณสุเทพ สุทัศน์ สุรชัย วิโรจน์ไพสิฐ รับช่วงดูแลต่อ และมีการพัฒนาขยายกิจการโรงสีข้าวใหม่ โดยเฉพาะการนำเครื่องจักรและเทคโทโนโลยีที่ทันสมัยผลิตข้าวสารที่เป็น House Brand ให้แก่ Tesco Lotus ในนามบริษัท ตงฮั้วไร้ซ์ จำกัด เพื่อจำหน่ายในประเทศ ส่งขายให้แก่ Modern Trade เป็นตลาดหลักรวมทั้งส่งออกไปยังต่างประเทศ
ที่สำคัญที่สุดผู้บริหารเห็นปัญหาหลักของโรงสีข้าว คือค่าไฟฟ้า และต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย จึงได้ก่อตั้งบริษัท บัวใหญ่ไบโดพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นโรงผลิตกระแสไฟฟ้า จากชีวมวลจากแกลบ อันเป็นผลพลอยได้ ( By Product ) จากกิจการโรงสีข้าว ผลิตไฟฟ้าใช้ในกิจการโรงสีและยังมีส่วนเกินจากการผลิตไฟฟ้ากระแสไฟฟ้านำไปขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นการคิดต่อยอดของผู้บริหารที่เก่ง น่านำเอาไปเป็นแบบอย่าง
หลังจากนั้นเยี่ยมชมกิจการเพาะเลี้ยงปลาเผาะ( ปลาปังก้า ) เพื่อจำหน่ายภายใต้ชื่อไทยปังก้าฟาร์ม จำกัด โดยคุณพิสิทธิ์ หล้าสุดตา เป็นผู้บริหาร ปลาเผาะเป็นปลาน้ำจืดเนื้อสีขาว เป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะแถบยุโรปและอเมริกา มูลค่าการส่งออกต่อปี 1,200 ล้านบาท ผู้บริหารมีการพัฒนาเลี้ยงปลาเผาะแบบครบวงจรตั้งแต่เพาะลูกปลา การอนุบาล การเลี้ยง ผลิตอาหาร จนกระทั่งจับขายและสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการปรับเปลี่ยนการเลี้ยงปลาเป็นระบบเกษตรอินทรีย์ (Organic Farm) โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและมุ่งเน้นการประหยัดพลังงาน การลี้ยงปลาเผาะ ตลอดจนนำน้ำจากการเลี้ยงปลาไปใช้ในการเกษตร และทำสวนโดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของ SME ที่อยู่มีอาชีพเกษตรกรที่ใช้ความรู้และนำเทคโนโลยีมาผสมผสานกับภูมิปํญญาไทยตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย พัฒนาต่อยอดจนประสบความสำเร็จ "มะจัง" เห็นว่าถ้าคนไทยมีแนวคิดและนำควารมรู้พื้นบ้านผสมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่อยอดการทำธุรกิจประเทศชาติก็จะเจริญก้าวหน้าเป็นผู้นำในภูมิภาคแน่ๆค่ะ