xs
xsm
sm
md
lg

แดงโคราชสุดถ่อย! ป่วนพิธีพระราชทานเพลิงศพ เปิดเพลงไล่ "ป๋า"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูมิภาค - “แดงโคราช” สุดถ่อย ! ป่วนงานพิธีพระราชทานเพลิงศพนายทหารคนสนิท “ป๋าเปรม” กลางเมืองย่าโม เหิมหนักข้อเปิดเสียงเพลงก่อกวนพร้อมปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงโจมตีตลอดเวลา ขณะที่ฮาร์ดคอร์ 3 จังหวัดภาคเหนือจับรถไฟเข้ากรุงแล้ว สะพัดเครือข่าย “เจ๊” สั่งลุยเต็มที่เม็ดเงินหัวละ 5-700 บาท

วานนี้ (8 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น.พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เดินทางมาเป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ พ.อ.บริบูรณ์ ไทยสมัคร อายุ 72 ปีนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ที่ ฌาปนสถาน วัดสุทธจินดาวรวิหาร กองทัพบก (กองทัพภาคที่ 2) ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมีข้าราชการระดับสูงและคณบดีนักธุรกิจชาวโคราช เช่น พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2, พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ. 3 ), นายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนายทหาร รวมถึงญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตเข้าร่วมงานจำนวนมาก

ทั้งนี้ ก่อนที่ พล.อ.เปรม จะเดินทางมาทางถึงสถานที่จัดพระราชพิธี ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงโคราชกว่า 50 คน นำโดยนายฉลอง แสงราษฏร์เมฆินทร์ (น้อยแสง) , นายสมโภชน์ ประสาทไทย หัวหน้าศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย (พท.) จ.นครราชสีมา และนายจักรินทร์ กรองแก้ว หรือ อ้วน บัวใหญ่ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงโคราชได้เดินทางมาชุมนุมแสดงพลังขับไล่ พล.อ.เปรม อยู่ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาห่างจากสถานที่จัดงานประมาณ 50 เมตร

พร้อมนำรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียงมาปราศรัยและเปิดเพลงก่อกวนงานพระราชพิธีดังกล่าวตลอดเวลา ท่ามกลางการจัดกำลังเข้ามาสกัดกั้น และดูแลความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนกว่า 6 กองร้อย หรือ ราว 500 นาย โดยได้ตั้งแผงเหล็กและแท่งปูนซิเมนต์มากันไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าใกล้วัดวัดสุทธจินดาวรวิหาร สถานที่จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ

ขณะที่บริเวณภายในวัดสุทธจินดา กองทัพภาคที่ 2 ได้ระดมกำลังสารวัตรททหารจากมณฑลทหารบกที่ 21 (มทบ. 21) และสารวัตรทหาร ทหารอากาศ กองบิน 1 กองพลบินที่ 2 กองบัญชาการยุทธทางอากาศ จ.นครราชสีมากว่า 100 นายเข้ามาประจำตามจุดรอบบริเวณวัดอย่างเข้มงวด และยังมีเจ้าหน้าที่ทหารชุดค้นหาวัตถุระเบิด เข้ามาตรวจสอบภายในบริเวณวัดอย่างละเอียด เพื่อป้องกันการก่อเหตุร้ายหรือความไม่สงบขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวว่ากลุ่มพันธมิตรฯ โคราชส่วนหนึ่งประมาณ 30 คน ได้รวมตัวกันอยู่ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ หลังศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา เพื่อเตรียมจะเดินทางมาปกป้องพล.อ.เปรม และต่อต้านกลุ่มคนเสื้อแดงที่เข้ามาก่อกวนงานพระราชพิธี ซึ่งห่างจากจุดที่กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมประมาณ 500 เมตร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปเจรจาจึงยอมสลายการชุมนุมไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงระหว่างที่กลุ่มผู้ชุมนุมยืนรอ พล.อ.เปรม ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงได้สลับกันปราศรัยโจมตี และด่าทอ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผ่านเครื่องขยายเสียงติดรถยนต์อยู่ตลอดเวลาและเปิดเพลงให้ผู้ชุมนุมได้เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ต่อมา พ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.)นครราชสีมา ได้เดินเข้ามาขอร้องให้ยุติการใช้เครื่องขยายเสียง เพราะทำให้รบกวนเจ้าของงานและการจัดพระราชพิธีดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งใช้เวลาในการเจรจานานกว่า 5 นาที กลุ่มผู้ชุมนุมจึงยอมและมีข้อตกลงว่าจะไม่ใช้เครื่องขยายเสียงในช่วงที่ประกอบพิธี

จนกระทั่ง พล.อ.เปรม เดินทางมาถึงสถานที่จัดงาน กลุ่มคนเสื้อแดงได้ชูตีนตบและหัวใจตบ พร้อมส่งเสียงร้องโห่ฮาป่าเถื่อนขับไล่อยู่ตลอดเวลา กระทั่งเริ่มพิธีแกนนำให้เปิดเครื่องขยายเสียงอีกครั้ง ซึ่งส่งเสียงดังรบกวนงานดังกล่าวนานประมาณ 2 นาที พ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวินรอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ได้ตัดสินใจเดินฝ่าม็อบเข้าไปถอดปลั๊กไมโครโฟนออก และเจรจาให้กลุ่มคนเสื้อแดงกลับไป

สุดท้ายจึงยอมสลายการชุมนุมไปในที่สุด ซึ่งการกระทำพิธีเสร็จสิ้นไปด้วยความเรียบร้อย ทันที่ที่เสร็จสิ้นพิธีพระราชทานเพลิงศพ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันที

ฮาร์ดคอร์เหนือเข้ากรุงเทพฯ แล้ว

รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า หลังจากกลุ่มเสื้อแดง-รักเชียงใหม่ 51 รวมตัวกันที่สันป่าข่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมานั้นได้มีการรวบรวมเครือข่ายสายฮาร์ดคอร์ พวกนิยมความรุนแรง จาก จ.เชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน ขึ้นรถไฟเข้ากรุงเทพฯทันที ตั้งแต่ช่วงเย็นวันเดียวกัน ถึงกรุงเทพฯเมื่อเช้าวานนี้ (8 มี.ค.) เพื่อร่วมฝึกซ้อมการปฏิบัติการกับเครือข่ายฮาร์ดคอร์จากจังหวัดต่างๆ รวมถึงการรักษาความปลอดภัยการชุมนุม นปช.ที่จะมีขึ้นตั้งแต่ 12-14 มี.ค.ที่จะถึงนี้

แฉเกณฑ์คนต่างด้าวร่วมป่วนเมืองไทย

นอกจากนี้ ยังมีรายงานของหน่วยข่าวในพื้นที่ แจ้งตรงกันหลายหน่วยว่า เครือข่ายเสื้อแดงใน จ.เชียงใหม่ ยังนัดหมายคนต่างด้าวบางส่วนขึ้นรถเข้าร่วมการชุมนุมในครั้งนี้ด้วย โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่า จะรวมตัวกันขึ้นรถที่หน้าอนุสาวรีย์ 3 กษัตริย์ กลางเมืองเชียงใหม่ วันนี้ (9 มี.ค.) แต่ล่าสุดได้เปลี่ยนแปลงสถานที่แล้ว แต่ยังไม่สามารถยืนยันจุดนัดหมายชัดเจนนัก คนกลุ่มนี้จะมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯแยกจากขบวนหลักของคนเสื้อแดง โดยจะใช้เส้นทางสายลี้-เถินในการเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงจุดตรวจ

ขณะเดียวกันบรรดานักการเมือง หัวคะแนนในเครือข่ายของ “เจ๊ใหญ่-เจ๊เล็ก” พรรคไทยรักไทยเดิมและพรรคพลังประชาชนในปัจจุบัน ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว ออกระดมคนเข้าร่วมชุมนุม โดยมีการจ่ายเงินผ่านถุงเงินหลักแต่ละจังหวัดแล้ว ในอัตรา 500-700 บาท/คน แต่เมื่อถึงปลายทางอาจจะถูกหักหัวคิวจนทำให้ค่าจ้างคนเข้าร่วมชุมนุมแต่ละจังหวัด แต่ละพื้นที่แตกต่างกันออกไป

เม็ดเงินก่อนโตถึงมือบริษัทเบี้ยในพื้นที่ ชร.

ส่วนที่ จ.เชียงราย มีรายงานว่า ขณะนี้เม็ดเงินก้อนใหญ่ถูกส่งถึงมือบริษัทเบียร์ชื่อดังในพื้นที่ ซึ่งเป็น “ตัวจ่าย” สำคัญตั้งแต่ยุคไทยรักไทย จนถึงปัจจุบันด้วย และถือเป็น “สายตรง” ของนายใหญ่และนักการเมืองใหญ่ในพื้นที่ แต่เบื้องต้นมีการคาดหมายกันว่า จะมีคนเดินทางเข้าร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ ประมาณ 300 คนเท่านั้น แม้ว่า ขณะนี้จะมีคนลงชื่อทำบัตร นปช.แล้วกว่า 5 พันคนก็ตาม

อย่างไรก็ตาม พื้นที่ จ.เชียงราย ก็ยังต้องจับตาความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากขณะนี้ทั้งนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง – พายัพ ปั้นเกตุ 2 แกนนำ นปช.ที่เข้ามาปลุกระดมคนในพื้นที่ตั้งแต่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ยังคงปักหลักอยู่ในพื้นที่อยู่ และมีกำหนดเปิดเวทีอีกรอบที่ อ.แม่จัน ฐานใหญ่ของ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ในวันนี้ (9 มี.ค.) ก่อนที่จะเปิดเวทีใหญ่อีกรอบในวันที่ 10 มี.ค.นี้

ประเมินพะเยามี 200 คนแต่โดนหักหัวคิว

แต่สำหรับ จ.พะเยา เบื้องต้นมีการประเมินกันว่า จะมีคนเข้าร่วมประมาณ 200 คนเท่านั้น ว่ากันว่า ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่าง “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ – อรุณี ชำนาญยา” 2 ส.ส.พะเยาพรรคเพื่อไทย จนถึงขั้นมีการปล่อยข่าวโจมตีซึ่งกันและกันในห้วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะกระแสข่าวที่ระบุว่า อรุณี กำลังย้ายเข้าพรรคประชาธิปัตย์

ไม่เพียงเท่านั้น ดูเหมือนในท้องที่ จ.พะเยา จะมีปัญหาเรื่อง “หัวคิว” หนักที่สุด เช่น กรณีการนำรถเข้าร่วมขบวนขนคนเข้ากรุงเทพฯนั้น ที่เชียงใหม่ มีการจ่ายกันที่ 5,000 บาท/คัน –เชียงราย เหลือ ไม่เกิน 4,000 บาท/คัน แต่ที่พะเยา กลับกำหนดจ่ายให้เพียง 1,500 บาท/คันเท่านั้น ทำให้อาจจะไม่ได้รับการตอบสนองจากมวลชนในพื้นที่มากเท่าที่คาดหวัง

หน่วยข่าวประเมิน "เชื่องานนี้มีรุนแรง"

โดยกำลังคนสายเหนือตอนบนจะมุ่งหน้าเข้าไปสมทบกับภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบนที่ จ.นครสวรรค์ ซึ่งก่อนหน้านี้นายนาวิน บุญเศรษฐ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย ผู้ประสานงานกลุ่มคนเสื้อแดงภาคเหนือ และอดีตเลขานายกรัฐมนตรีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ระบุว่าจะออกเดินทางจากที่ตั้งแต่ละจุดเช้าวันที่ 12 มี.ค.ไปรวมพลกันที่สนามกีฬากลางนครสวรรค์ เพื่อรวมตัวกับทีมของ ดร.ประแสง มงคลศิริ อดีต ส.ส.อุทัยธานี ที่จะนำคนเสื้อแดงภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบนมาสมทบ ซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 150,000 คนจะใช้รถกระบะ 1 คันบรรทุกคน 15 คน ซึ่งจะต้องใช้รถกระบะ 10,000 คันก่อนจะใช้ฤกษ์เช้าตรู่เสาร์ที่ 13 มี.ค.

ทั้งนี้ หน่วยข่าวความมั่นคงหลายหน่วยวิเคราะห์ว่า ปัญหาเรื่องจำนวนของคนเสื้อแดงในการชุมนุมครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัจจัยหลัก แต่ประเด็นที่ต้องจับตาก็คือ เหตุแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกรูปแบบ โดยมีข่าวลือมาตลอด แต่ยังไม่มีหน่วยไหนสามารถยืนยันชัดเจนได้เท่านั้น เพราะถ้าหากเกิดเหตุรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของ มือที่ 3 หรือคนในเครือข่ายเสื้อแดงทำขึ้นเอง หรือฝ่ายรัฐบาลกระทำขึ้นมา ก็จะทำให้สถานการณ์บานปลายจนไม่สามารถควบคุมได้แน่นอน

เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรืองร้องพระร่วมชุมนุม

พระครูสุเทพสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง จ.เชียงใหม่ เรียกร้องให้พระสงฆ์ออกมาชุมนุม พร้อมทั้งให้ระวังการรับกิจนิมนต์จากคนแปลกหน้า เพราะอาจถูกนำไปเก็บตัวไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พระออกมาชุมนุม ทั้งนี้ จะจัดรถและภัตตาหารสำหรับพระสงฆ์ ตลอดการชุมนุม

ขณะที่นายสุคนธ์ ฟูมูนเจริญ รองเลขาธิการ นปช.แดงเชียงใหม่ กล่าวว่า จะจัดผ้าป่าระดมคนและระดมทุนเข้ากรุงเทพมหานคร และให้ตัวแทนแต่ละอำเภอนำซองผ้าป่าไปแจกจ่ายให้ประชาชนในชุมชนและตลาดสด ต่างๆ เพื่อรวบรวมนำมาทอดผ้าป่า ก่อนจะนำคนเสื้อแดงจากอำเภอต่างๆ เข้ากรุงเทพฯ ในวันที่ 12 มี.ค.นี้

ขวัญชัย"กร้าวถ้าโดนรังแกบ้านเมืองไม่สงบแน่

วันเดียวกันที่ห้องประชุมคำชโนด ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานประชุมร่วมกับ ส.ส.อุดรธานี และแกนนำคนเสื้อแดง เช่น นายขวัญชัย สาราคำ (ไพรพนา) ประธานชมรมคนรักอุดร โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตำรวจ ทหาร เข้าร่วมประชุมด้วย โดยในที่ประชุมนายอำนาจ ได้เรียกร้องให้กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมกันอย่างสงบ อยู่ในกรอบของกฎหมาย และถ้าหากเป็นไปได้อยากให้กลุ่มคนเสื้อแดงอุดรธานี เรียกร้องและต่อสู้อยู่ในพื้นที่

ขณะที่นายขวัญชัย กล่าวว่า การต่อสู้ทุกครั้งที่ผ่านมาไม่ใช่เป็นการต่อสู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และเพื่อรับน้ำเลี้ยงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ การต่อสู้นั้นเป็นเพื่อแค่ความรู้สึกของคนๆ หนึ่งที่เห็นดีด้วยกับนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ เหตุการณ์ที่จะเกิดต่อจากนี้ขอบอกได้เลยว่าความรุนแรงจะไม่มี แต่ถ้ามีการรังแกกันตนขอบอกได้เลยว่าบ้านเมืองจะไม่สงบสุข

ผู้ว่าฯโคราชสั่งทุกด่านตรวจค้นอาวุธเข้ม

ด้านนายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่นัดรวมพลกันที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในวันที่ 12 มี.ค.นี้ว่า ไม่มีการสกัดกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ให้เดินทางไปร่วมชุมนุม เพียงแต่จะมีการตั้งด่านตรวจตามปกติในแต่ละอำเภอเพื่อประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับพี่น้องกลุ่มคนเสื้อแดงและประชาชนทั่วไป รวมถึงการตรวจค้นอาวุธและสิ่งผิดกฎหมายเพื่อไม่ให้มีการลักลอบนำไปก่อความวุ่นวายเท่านั้น ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยเองก็ได้มีหนังสือคำสั่งให้ปฏิบัติภารกิจตามกรอบของกฎหมาย

ส่วนการตรวจตรารถอีแต๋น ที่มีข่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะระดมกลุ่มรถอีแต๋นเข้ากรุงเทพฯนั้นในส่วนของจังหวัดนครราชสีมา ไม่ได้ห้ามรถอีแต๋นเดินทางผ่านเส้นทางหลักแต่อย่างใด เพราะอาจจะมีผลกระทบต่อเกษตรกรที่ต้องใช้รถอีแต๋นเป็นพาหนะเพื่อเดินทางไปทำการเกษตร เพียงแต่จะมีการตรวจค้นหาอาวุธที่อาจจะมีการนำไปสร้างความรุนแรงเท่านั้น

ผอ.สำนักพุทธฯชี้พระร่วมม็อบผิดคำสั่งเถระ

นายจำลอง กิตติศรี ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรณีพระสงฆ์จะเดินทางไปร่วมชุมนุมใหญ่หรือประกาศชักชวนกันไปร่วมม็อบนั้นถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมแม้จะไม่ผิดวินัยสงฆ์ แต่ถือว่าขัดคำสั่งของมหาเถระสมาคมอย่างชัดเจน เรื่องห้ามพระภิกษุสามเณรยุ่งเกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ.2538 ซึ่งมีระเบียบข้อห้ามไว้หลายประการ เช่น ห้ามเข้าไปในที่ชุมนุม ห้ามเชิญชวนหรือทำการใดๆ ที่สนับสนุนช่วยเหลือโดยตรงกับการเลือกตั้งกับสภา การเมือง หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใด หากพบว่าพระรูปใดเข้าไปยุ่งการเมืองหากเป็นพระผู้น้อยจะให้เจ้าอาวาสดำเนินการ แต่หากเป็นพระผู้ใหญ่ระดับ เจ้าอาวาสทางเจ้าคณะตำบลก็จะเป็นผู้ดำเนินการ
กำลังโหลดความคิดเห็น