ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – อบจ.เชียงใหม่ เผย สนข.เตรียมส่งทีมร่วมประชุมหารือปัดฝุ่นโครงการผลักดันระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่ เพื่อนำเสนอรัฐบาลสนับสนุน หลังเคยศึกษาจัดทำแผนแม่บทเสร็จไปแล้วเมื่อปี 2550 แต่ยังไม่มีการดำเนินการ ระบุภายใน 5 ปี หากยังไร้ระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพเชียงใหม่ต้องเผชิญวิกฤตปัญหาจราจรแน่นอน
นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่(อบจ.) เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับการผลักดันระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่ว่า ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยหารือในเรื่องดังกล่าวกับผู้อำนวยการนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ซึ่งเบื้องต้น สนข. แจ้งว่าเตรียมที่จะส่งทีมงานมาประชุมหารือร่วมกับทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงเดือนมีนาคม เพื่อให้ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นสำหรับการนำเสนอรัฐบาลเพื่อผลักดันโครงการต่อไป
สำหรับแนวทางและรูปแบบของระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่ที่จะมีการผลักดัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จะใช้ผลการศึกษาตามโครงการจัดทำแผนแม่บทและออกแบบ เพื่อก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่ ที่ สนข. ว่าจ้างให้สถานบริการวิศวกรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดำเนินการศึกษาในช่วงปี 2549 และเสร็จในปี 2550 เป็นแนวทาง ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวระบุว่ารถประจำทางด่วนพิเศษ (Bus Rapid Transit หรือ BRT) เป็นระบบที่มีความเหมาะสมกับเมืองเชียงใหม่มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเมื่อมีการผลักดันโครงการจริงอาจจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม และปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ส่วนรูปแบบการลงทุนและการบริหารจัดการ มองว่าอาจจะเป็นไปได้ทั้งการที่รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการเอง หรือรัฐบาลลงทุนแล้วให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการ ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาตามความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้นายบุญเลิศ แสดงความเห็นว่า ขณะนี้การมีระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ ถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อเมืองเชียงใหม่ เพื่อลดปริมาณการใช้รถส่วนตัวทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ที่มีจำนวนมากขึ้นทุกวัน และบรรเทาปัญหาการจราจรหนาแน่น ทั้งมองว่าภายในเวลา 5 ปี นับจากนี้ หากเชียงใหม่ยังไม่มีระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ จะเกิดวิกฤตปัญหาจราจรขึ้นอย่างแน่นอน
อนึ่ง โครงการจัดทำแผนแม่บทและออกแบบ เพื่อก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่ เป็นโครงการที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ว่าจ้างให้สถานบริการวิศวกรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดำเนินการศึกษาในช่วงปี 2549 และศึกษาแล้วเสร็จพร้อมนำเสนอรายงานฉบับสมบูรณ์ให้ สนข.และรัฐบาลแล้วตั้งแต่ต้นปี 2550
โดยจากการศึกษาพบว่าระบบขนส่งมวลชนแบบรถประจำทางด่วนพิเศษ (Bus Rapid Transit หรือ BRT) เป็นระบบที่มีความเหมาะสมกับเมืองเชียงใหม่มากที่สุด ขณะที่เชื้อเพลิงที่ใช้จะเป็นไปในแบบผสมผสานระหว่างน้ำมันดีเซลกับไฟฟ้า หรือไฮบริด (Hybrid)
ทั้งนี้แผนพัฒนาระบบแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 สำหรับ 3-10 ปี และระยะที่ 2 สำหรับ 11-20 ปี ซึ่งระยะที่ 1 จะประกอบด้วยโครงข่าย 4 เส้นทางระยะทางรวมไป-กลับประมาณ 106 กิโลเมตร มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนก่อสร้างและติดตั้งระบบรวมราว 8,000 ล้านบาท
โครงข่าย 4 เส้นทาง ในระยะที่ 1 ของระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่ตามการศึกษา ประกอบด้วย เส้นทางที่ 1 ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่-สวนสัตว์กลางคืนเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นเส้นทางแนวเชื่อมเหนือ-ใต้ ของตัวเมือง ระยะทางไป-กลับรวมประมาณ 40 กิโลเมตร เส้นทางที่ 2 สนามกีฬา 700 ปี-ตลาดสันทราย เชื่อมด้านตะวันตก-ตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง ระยะทางไป-กลับรวมประมาณ 22 กิโลเมตร เส้นทางที่ 3 สวนสัตว์เชียงใหม่-บวกครก เชื่อมด้านตะวันตก-ตะวันออกของเมือง ระยะทางไป-กลับรวมประมาณ 34 กิโลเมตร และเส้นทางที่ 4 ท่าแพ-เม็งราย เป็นเส้นทางในย่านธุรกิจและการท่องเที่ยวในตัวเมือง ระยะทางไป-กลับรวมประมาณ 8 กิโลเมตร โดยในแต่ละเส้นทางจะมีการวางสถานีรับส่งผู้โดยสารทุก 300-600 เมตร
นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่(อบจ.) เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับการผลักดันระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่ว่า ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยหารือในเรื่องดังกล่าวกับผู้อำนวยการนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ซึ่งเบื้องต้น สนข. แจ้งว่าเตรียมที่จะส่งทีมงานมาประชุมหารือร่วมกับทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงเดือนมีนาคม เพื่อให้ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นสำหรับการนำเสนอรัฐบาลเพื่อผลักดันโครงการต่อไป
สำหรับแนวทางและรูปแบบของระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่ที่จะมีการผลักดัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จะใช้ผลการศึกษาตามโครงการจัดทำแผนแม่บทและออกแบบ เพื่อก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่ ที่ สนข. ว่าจ้างให้สถานบริการวิศวกรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดำเนินการศึกษาในช่วงปี 2549 และเสร็จในปี 2550 เป็นแนวทาง ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวระบุว่ารถประจำทางด่วนพิเศษ (Bus Rapid Transit หรือ BRT) เป็นระบบที่มีความเหมาะสมกับเมืองเชียงใหม่มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเมื่อมีการผลักดันโครงการจริงอาจจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม และปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ส่วนรูปแบบการลงทุนและการบริหารจัดการ มองว่าอาจจะเป็นไปได้ทั้งการที่รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการเอง หรือรัฐบาลลงทุนแล้วให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการ ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาตามความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้นายบุญเลิศ แสดงความเห็นว่า ขณะนี้การมีระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ ถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อเมืองเชียงใหม่ เพื่อลดปริมาณการใช้รถส่วนตัวทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ที่มีจำนวนมากขึ้นทุกวัน และบรรเทาปัญหาการจราจรหนาแน่น ทั้งมองว่าภายในเวลา 5 ปี นับจากนี้ หากเชียงใหม่ยังไม่มีระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ จะเกิดวิกฤตปัญหาจราจรขึ้นอย่างแน่นอน
อนึ่ง โครงการจัดทำแผนแม่บทและออกแบบ เพื่อก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่ เป็นโครงการที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ว่าจ้างให้สถานบริการวิศวกรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดำเนินการศึกษาในช่วงปี 2549 และศึกษาแล้วเสร็จพร้อมนำเสนอรายงานฉบับสมบูรณ์ให้ สนข.และรัฐบาลแล้วตั้งแต่ต้นปี 2550
โดยจากการศึกษาพบว่าระบบขนส่งมวลชนแบบรถประจำทางด่วนพิเศษ (Bus Rapid Transit หรือ BRT) เป็นระบบที่มีความเหมาะสมกับเมืองเชียงใหม่มากที่สุด ขณะที่เชื้อเพลิงที่ใช้จะเป็นไปในแบบผสมผสานระหว่างน้ำมันดีเซลกับไฟฟ้า หรือไฮบริด (Hybrid)
ทั้งนี้แผนพัฒนาระบบแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 สำหรับ 3-10 ปี และระยะที่ 2 สำหรับ 11-20 ปี ซึ่งระยะที่ 1 จะประกอบด้วยโครงข่าย 4 เส้นทางระยะทางรวมไป-กลับประมาณ 106 กิโลเมตร มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนก่อสร้างและติดตั้งระบบรวมราว 8,000 ล้านบาท
โครงข่าย 4 เส้นทาง ในระยะที่ 1 ของระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่ตามการศึกษา ประกอบด้วย เส้นทางที่ 1 ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่-สวนสัตว์กลางคืนเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นเส้นทางแนวเชื่อมเหนือ-ใต้ ของตัวเมือง ระยะทางไป-กลับรวมประมาณ 40 กิโลเมตร เส้นทางที่ 2 สนามกีฬา 700 ปี-ตลาดสันทราย เชื่อมด้านตะวันตก-ตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง ระยะทางไป-กลับรวมประมาณ 22 กิโลเมตร เส้นทางที่ 3 สวนสัตว์เชียงใหม่-บวกครก เชื่อมด้านตะวันตก-ตะวันออกของเมือง ระยะทางไป-กลับรวมประมาณ 34 กิโลเมตร และเส้นทางที่ 4 ท่าแพ-เม็งราย เป็นเส้นทางในย่านธุรกิจและการท่องเที่ยวในตัวเมือง ระยะทางไป-กลับรวมประมาณ 8 กิโลเมตร โดยในแต่ละเส้นทางจะมีการวางสถานีรับส่งผู้โดยสารทุก 300-600 เมตร
