เด็ดดอกไม้รายทาง
โดย...อัญชะลี ไพรีรัก
เพิ่งกลับมาจากไปเยี่ยมน้องชายคนเล็กซึ่งเรียนปริญญาตรีอยู่ที่ ซิดนีย์ ออสเตรเลีย เที่ยวนี้ไปมาได้แค่ 7 วันเท่านั้น เพราะมีปัญหาเรื่องวีซ่า อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากคดีสนามบินสุวรรณภูมิ
ปีที่แล้วตั้งท่าว่าจะไปเยี่ยมน้องชายมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็แห้วสนิท เนื่องจากติดคดีสนามบินที่ตำรวจเพิ่งออกหมายเรียกหมาดๆ
คราวก่อนวิ่งหาผู้ใหญ่ให้ช่วยเจรจากับแผนกวีซ่า ออสเตรเลียโกลาหล ได้รัฐมนตรีต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ ส่งเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศมาช่วยเจรจา ทำไปทำมาเห็นท่าไม่ดี เจ้าหน้าที่กระทรวงฯเลยแนะนำให้ถอนเรื่องออกไปก่อน เพื่อป้องกันการถูก “ปฏิเสธ”วีซ่าซ้ำสอง เนื่องจากเคยโดนมาแล้วครั้งหนึ่งสมัยที่ยังทำวิทยุต่อต้านทักษิณที่คลื่น 92.25 เอฟเอ็ม
มาปีนี้เจออีหรอบเดิม กับคดีเดิมเลยจี๊ดขึ้นหัวใจ หันไปหันมาเหมือนหมาจนตรอก เลยฮึดปักหลักสู้ คิดเสียว่า ถ้าไม่สู้ก็จะไม่ได้เจอน้องตัวเป็นๆ
คราวนี้รัฐมนตรีฯส่งคุณชวนนท์ เลขาฯมาช่วย แต่แล้วเรื่องก็สะดุดอีกจนได้ ในที่สุดท่านเลขาฯรัฐมนตรีสวมบทโหด ถามแผนกวีซ่าตรงไปตรงมาว่า เพราะอะไร? เขาตอบว่า “กลัวหนีคดี” เพราะถูกกล่าวหาเป็น “ผู้ก่อการร้าย”
ระหว่างที่คิดว่า จะทำไงต่อไปดี แต่แล้วแผนกวีซ่าก็ดีใจหาย สู้อุตส่าห์ให้โอกาสเคลียร์ตัวเองด้วยการ ไล่ให้ไปขอเอกสารเพิ่มเติมจากตำรวจมายืนยันก่อนว่า ไม่ติดคดี และ ไม่หนีศาลในระหว่างอยู่ซิดนีย์ มีเวลาหาเอกสารจากตำรวจเพียงเสาร์ และ อาทิตย์ เพราะจะเดินทางเย็นวันพุธที่ 24 กพ....โอ้พ่อแก้ว แม่แก้ว ช่วยลูกปองด้วย
รีบพลิกคดีสนามบินฯ จากกูเกิลออกมาตรวจสอบว่าไปถึงไหน ได้ชื่อตำรวจผู้ใหญ่ที่เคยทำคดีมา 2–3 คน แต่ติดต่อไปกี่คนๆ ก็ไม่มีใครยอมทำเอกสารให้ โยนไปโยนมาบ้าง ปัดว่าไม่ใช่เรื่องบ้าง ร้อนถึงคุณสุริยะใส กตะศิลา ต้องมาวิ่งเต้นช่วยหาเอกสารจ้าละหวั่น
แต่จนแล้วจนรอดถึงบ่ายแก่ๆวันอาทิตย์แล้วก็ยังไม่ได้เอกสารยืนยันจากตำรวจแต่ประการใด
ในที่สุดตัดสินใจโทรหา “พี่ชายใจดี” คุณจุติ ไกรฤกษ์ และ ทันทีที่ทราบเรื่อง คุณจุติต่อสายถึง “แม่เลี้ยงติ๊ก” ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ทันที
อีกไม่กี่นาทีให้หลังก็ได้สายร้อนมาจาก พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่กรุณาโทรมาเองและนัดแนะว่าจะให้นายเวรเรืองรัตน์ หน้าห้องของท่านจัดเอกสารให้ครบถ้วนตามความต้องการของแผนกวีซ่า ออสเตรเลียทุกอย่าง
เช้าตรู่วันจันทร์ เอกสารจากผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส่งไปที่สถานทูตออสเตเรลีย แล้วกลับมานั่งรอใจสั่น
จนถึงเย็นวันอังคารทางสถานทูตออสเตเรลียแจ้งเป็นอีเมล์กลับมาว่า ยังไม่สามารถออกวีซ่าได้ และ ให้ตอบคำถาม 5 ข้อ มีทั้งรายละเอียดของน้องชายที่อยู่ซิดนีย์ รายละเอียดคดี รวมถึงคำยืนยันว่าไม่หนีคดีสนามบิน
งวดนี้ต้องกราบเท้า “คุณป้าแพมเมล่า บุนนาค” ถ้าไม่ได้ครูแพม ช่วยเขียนจดหมายที่มีความหนักแน่นของเนื้อหา และ มีภาษาที่งดงามแล้ว มีหวังศิษย์นอกคอก-ลูกสาวนอกไส้คนนี้จอดไม่ต้องแจว
เมื่อส่งคำตอบกลับในคืนวันอังคารแล้วก็นอนใจแป้ว ตั๋วเครื่องบินและที่พักยกเลิกไปหมดแล้ว ได้แต่นอนซมคิดถึงน้อง และ ป่วยใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ดีแต่ได้เพื่อนใจใน เฟซ บุ๊ค รวมถึงเพื่อนยามยากอย่างน้องแอ้ม–สโรชา, น้องแอน-จินดารัตน์ และ น้องเก๋-กมลพร ร้องเชียร์ว่า สู้ สู้
ตกบ่ายแก่ของวันพุธ ที่ 24 กพ. ก็ได้รับโทรศัพท์จากสถานทูตออสเตเรลียให้มารับ “วีซ่า” แต่เป็นวีซ่า พิเศษ กล่าวคือ 1.ห้ามเดินทางเข้าออสเตรเลียหลังวันที่ 26 กพ. 2. อยู่ได้เพียง 7 วันเท่านั้น 3. ห้ามเปลี่ยนสถานะวีซ่าไปเป็นอื่นที่ออสเตเรลีย ต้องกลับไทยมาก่อนจึงมีสิทธิกระทำได้
เย็นนั้นได้พี่ตุ้ม– การบินไทย หลานป้าแพ๊ท -พันธมิตรฯ บางลำพู รีบหาตั๋วให้วุ่น เพื่อบินออกไปให้ได้ในเที่ยวเช้าตรู่และจะถึงซิดนีย์ตอนค่ำ ในวันพฤหัสบดีที่ 25 กพ. ขืนชักช้าโอ้เอ้วีซ่าอาจจะหมดอายุเสียก่อนระหว่างอยู่กลางอากาศก็เป็นได้
ส่วนที่พักไม่ต้องพูดถึง ได้อาศัยนอนกับ “น้องอ้อย นสพ.ไทยมีเดีย” พันธมิตรฯซิดนีย์ดูแลเต็มเม็ดเต็มหน่วย และได้ พี่แหม่ม กับ พี่นิก สองพี่น้องจากเมืองเพชรบุรี นำอาหารจากร้านไทยโพธิ์ทองมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย
กว่าจะเหินฟ้าไปหาน้องชายได้ก็แทบรากเลือด ทั้งนี้ยังไม่นับต้องวิ่งขายรูปศิลปินชื่อดังให้ได้ 4 ใบ เพื่อให้ได้สตางค์ส่วนต่างมาเป็นค่าใช้จ่ายไปหาน้อง...เกิดมาเป็นคนจนต้องทนหน่อยน้อง
กลับมาถึง...ได้คุณสนธิตบหลังปลอบใจ เพราะหัวอกอันเดียวกันจากคดีเดียวกัน แต่ต่างสถานทูตฯ ของเราออสเตเรลีย แต่ของเจ้านายเป็นที่แคนาดา ด้านลูกพี่สิโดนหนัก ด้วยทางโน้นปฏิเสธออกวีซ่าให้ในข้อหา “อาชญากร”
แต่ไปซิดนีย์คราวนี้เจอนักการเมือง ประเภทเขี้ยวลากดินไปเล่นบ่อนสตาร์ ซิตี้ คึกคัก เลยมีเรื่องเล่าติดไม้ติดมือมานิดหน่อย
เรื่องเด่นเห็นจะเป็นเรื่อง เจ้าหน้าที่สถานกงศุลไทยในดูไบบางคน ยังกุลีกุจอช่วยเหลือเฟือไฟทักษิณและบริวารไม่บันยะบันยัง แถมบางคนผสมโรงด่ารัฐบาลประชาธิปัตย์ และ ติฉินนินทาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินโขมงโฉงเฉง
ส่วนที่สถานทูตไทยในปารีส ฝรั่งเศสก็ไม่แพ้กัน เวลามีนักการเมืองจากค่ายแม้วผ่านไปมาทีไร คนบางคนในสถานฑูตต้องปรี่ต้องรับรองแข็งขัน ลับหลังก็คุยกันว่า “อีกไม่นานแม้วจะกลับมาใหญ่” ล่าสุดเห็น “เจ๊สมอลล์” ไปดูลู่ทางลงทุนที่ปารีส ก็ได้คนไทยใจแม้วในสถานทูตบางคนรองมือรองตีนอย่างไม่ย่อท้อ
ด้านข่าวคราวญาติโกโหติกาของคุณพี่ฟักแม้วก็ใช่ย่อย ตอนนี้ตีกันอีรุงตุงนัง ด้วยเรื่องเงินๆทอง เพราะอาณาจักรยักษ์ใหญ่ก็กำลังเจอปัญหาหลังศาลวินิจฉัย แถมพาลดีพาลร้ายจะลามไปถึงบริษัทค้าบ้านและที่ดินด้วย
ฝั่งน้องสาวหน้ามน คนซาลาเปา ก็แทบคลั่ง เพราะออกเงินให้พี่ชายจ่ายค่าม๊อบแดงไปหลายตังค์ยังไม่ได้คืนเลย สักแดงเดียว จะเอ่ยปากทวงก็ใช่ที่ด้วยเกรงพี่สะใภ้ด่า ไอ้ครั้นจะไม่อาสาช่วยพี่ชายยามยากก็จะถูกหาว่า อกตัญญูที่ได้รับการเลี้ยงดูจากยากจนกลายเป็นคนมั่งมี ทีนี้ตังค์ไปไม่กลับมา ก็หน้าเหี่ยวเสียยิ่งกว่าจับได้ว่า ผัวออกนอกลู่นอกทางเสียอีก
ขณะที่พรรคพวกที่เคยออกหน้าให้ไปก่อน เพราะเห็นว่าชัยชนะแค่เอื้อม วันนี้เริ่มทวงถามกันจ้าละหวั่น ด้วยเกรงหนี้สูญ ทั้งคนขายกาแฟเอย ทั้งคนขายอะไหล่เอย พากันเดินเข้าเดินออกเซฟ เฮาส์ พหลโยธินกันให้ครึ่ด
แรกๆเมีย หย่าเกรงมีภัย เลยวานให้ป้า ร้านเพชร ช่วยจ่ายล่วงหน้าก่อน ตอนนี้คุณป้าก็บักโกรก ด้วยของเดิมยังไม่มา แต่ของใหม่ก็วานให้จ่ายโครมๆ วันดีคืนดีเลยหนีหน้าซะงั้น
ส่วนลูกน้องที่เคยทรยศชาติแก้สัญญาให้แม้วรวยโคตรๆ ร่วมกันโกงกินสนั่นหวั่นไหว โดนศาลฯสั่งสอนเสียผู้เสียคน กำลัง “ประสาทแดก” เพราะกลัวตัวเองจะลากธุรกิจความงามของเมียติดร่างแหไปด้วย
ฝากคุณหญิงสาวใหญ่อีกคนที่คิดเสมอว่า ยืนอยู่ข้างองคมนตรี พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ คงไม่โดนพ่วงไปกับแม้ว ที่ไหนได้เวลานี้วิ่งพล่านกันทีเดียว ยังไม่นับคนสนิทบิ๊ก จิ๊ว ที่รอแล้วรอเล่าก็ไม่ได้เป็น “เจ้าผู้ครองนครรัฐปัตตานี” เสียที อีหรอบนี้เห็นทีจะติดคุกกันตอนแก่ยกพวง
เห็นไหม? คนใกล้ชิดแม้ว โดนดีทีละคนสองคน ไม่เสียเงิน ก็เสียยศ หมดเกียรติทั้งวงศ์ตระกูล แถมมีสิทธิติดคุกด้วยคดีโกงชาติไปกับแม้วด้วย
เวลานี้เท่ากับว่า พวกหนึ่งใจเสาะตีตัวออกห่าง อีกพวกกอดคอกันสู้ ยกเว้นสามเกลอเสื้อแดง ที่ยังหาเช้ากินค่ำกับทักษิณ
พอดีพอร้าย...บั้นปลายชีวิตแม้วคงเหลือแต่กระดูก และ รอคอยความตายอย่างทุรนทุรายในต่างแดน
เหมือนคำทำนายของไพศาล ป่าซางไม่มีผิดเลย.