ASTVผู้จัดการรายวัน - พีเอไอ อัดงบ 90 ล้านบาท ลงทุนสร้างคลินิกแห่งใหม่ครบวงจร พร้อมขยายธุรกิจ เพิ่ม 5 สาขาย่อย เตรียม 50 ล้านบาท ลงทุนตามหัวเมืองใหญ่เน้นแหล่งท่องเที่ยวรองรับคนอยากสวยเพิ่มขึ้น คาดปี 53 รายได้โต 20%
นายพีระ เตียวตรานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรีชา แอสธิติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจความงาม ศูนย์ศัลยกรรมความงาม ผิวหนังและเลเซอร์ ภายใต้ชื่อ พีเอไอ (PAI) เผยว่า จากช่วงปีที่ผ่านมาลูกค้าเกรดเอเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ส่วนใหญ่ลูกค้าชาวเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ซึ่งชาวเอเชีย เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ และไทย นิยมมาเสริมจมูก เสริมหน้าอก ดูดไขมัน ดึงหน้าและทำตาสองชั้น สำหรับลูกค้าชาวยุโรปนั้นนิยมเดินทางมาแปลงเพศ
จากเทรนด์ดังกล่าวจึงมองว่าปีนี้พฤติกรรมคนนิยมทำสวยมีแนวโน้มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาอย่างมาก ทางพีเอไอจึงได้มุ่งเน้นการเจาะตลาดขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจในระยะ 2 ปีนี้ โดยในต่างประเทศได้ลงทุนเปิดคลินิกศัลยกรรมที่เมืองฮานอย ประเทศเวียดนามเป็นที่แรก
ลักษณะการเข้าทำธุรกิจจะเป็นการร่วมลงทุนกับนักธุรกิจชาวเวียดนามจำนวน 3 ราย ใช้งบประมาณก่อสร้างและตกแต่งทั้งสิ้น 50 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดได้ก่อสร้างและตกแต่งเสร็จเรียบร้อยพร้อมเปิดในอีก 4 เดือนข้างหน้า ให้บริการด้านความงามอย่างครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการจากที่มีลูกค้าชาวเวียดนามเดินทางมาใช้บริการที่ศูนย์ฯ ในประเทศไทยเป็นจำนวนมากขึ้นในแต่ละปี ล้วนแล้วแต่เป็นลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง คาดว่าเมื่อเปิดให้บริการที่เวียดนามอย่างเป็นทางการแล้วจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีแน่นอน
การดำเนินธุรกิจในไทยนั้น บริษัทฯ ได้ย้ายสถานที่ตั้งศูนย์ศัลยกรรมความงาม ผิวหนังและเลเซอร์ มาที่ทองหล่อ (สุขุมวิท55) เมื่อปลายเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อขยายพื้นที่ศูนย์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งได้ลงทุนก่อสร้างและตกแต่งศูนย์แห่งนี้ราว 90 ล้านบาท หลังจากเปิดให้บริการแห่งนี้ในระยะ 3 เดือนมีลูกค้าคนไทยเข้ามาปรึกษา และเลือกใช้บริการกับศูนย์ศัลยกรรมกว่า 2,500 คน และลูกค้าต่างชาติเข้ามาประมาณ 75-80 คน
นอกจากนี้บริษัทฯ ได้เตรียมแผนการขยายเปิดสาขาเพิ่มเติม ในช่วงแรกจะเปิด 5 สาขาในลักษณะศูนย์ศัลยกรรมขนาดกลาง จะเริ่มดำเนินการต้นปี 54 เน้นไปตามหัวเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต เป็นต้น ตั้งงบการลงทุนสำหรับขยายสาขาในช่วงแรกนี้ไว้ประมาณ 50 ล้านบาท โดยจะส่งแพทย์ที่ทำงานอยู่ที่ศูนย์ใหญ่ไปประจำอยู่ที่สาขาเหล่านี้
สำหรับปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 20% จากปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ประมาณ 15%
นายพีระ เตียวตรานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรีชา แอสธิติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจความงาม ศูนย์ศัลยกรรมความงาม ผิวหนังและเลเซอร์ ภายใต้ชื่อ พีเอไอ (PAI) เผยว่า จากช่วงปีที่ผ่านมาลูกค้าเกรดเอเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ส่วนใหญ่ลูกค้าชาวเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ซึ่งชาวเอเชีย เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ และไทย นิยมมาเสริมจมูก เสริมหน้าอก ดูดไขมัน ดึงหน้าและทำตาสองชั้น สำหรับลูกค้าชาวยุโรปนั้นนิยมเดินทางมาแปลงเพศ
จากเทรนด์ดังกล่าวจึงมองว่าปีนี้พฤติกรรมคนนิยมทำสวยมีแนวโน้มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาอย่างมาก ทางพีเอไอจึงได้มุ่งเน้นการเจาะตลาดขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจในระยะ 2 ปีนี้ โดยในต่างประเทศได้ลงทุนเปิดคลินิกศัลยกรรมที่เมืองฮานอย ประเทศเวียดนามเป็นที่แรก
ลักษณะการเข้าทำธุรกิจจะเป็นการร่วมลงทุนกับนักธุรกิจชาวเวียดนามจำนวน 3 ราย ใช้งบประมาณก่อสร้างและตกแต่งทั้งสิ้น 50 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดได้ก่อสร้างและตกแต่งเสร็จเรียบร้อยพร้อมเปิดในอีก 4 เดือนข้างหน้า ให้บริการด้านความงามอย่างครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการจากที่มีลูกค้าชาวเวียดนามเดินทางมาใช้บริการที่ศูนย์ฯ ในประเทศไทยเป็นจำนวนมากขึ้นในแต่ละปี ล้วนแล้วแต่เป็นลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง คาดว่าเมื่อเปิดให้บริการที่เวียดนามอย่างเป็นทางการแล้วจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีแน่นอน
การดำเนินธุรกิจในไทยนั้น บริษัทฯ ได้ย้ายสถานที่ตั้งศูนย์ศัลยกรรมความงาม ผิวหนังและเลเซอร์ มาที่ทองหล่อ (สุขุมวิท55) เมื่อปลายเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อขยายพื้นที่ศูนย์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งได้ลงทุนก่อสร้างและตกแต่งศูนย์แห่งนี้ราว 90 ล้านบาท หลังจากเปิดให้บริการแห่งนี้ในระยะ 3 เดือนมีลูกค้าคนไทยเข้ามาปรึกษา และเลือกใช้บริการกับศูนย์ศัลยกรรมกว่า 2,500 คน และลูกค้าต่างชาติเข้ามาประมาณ 75-80 คน
นอกจากนี้บริษัทฯ ได้เตรียมแผนการขยายเปิดสาขาเพิ่มเติม ในช่วงแรกจะเปิด 5 สาขาในลักษณะศูนย์ศัลยกรรมขนาดกลาง จะเริ่มดำเนินการต้นปี 54 เน้นไปตามหัวเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต เป็นต้น ตั้งงบการลงทุนสำหรับขยายสาขาในช่วงแรกนี้ไว้ประมาณ 50 ล้านบาท โดยจะส่งแพทย์ที่ทำงานอยู่ที่ศูนย์ใหญ่ไปประจำอยู่ที่สาขาเหล่านี้
สำหรับปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 20% จากปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ประมาณ 15%