xs
xsm
sm
md
lg

ตำรวจนราฯเผยป่วนแบงก์7จุด ฝีมือ”แวอาลี”ใช้แนวร่วมใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจนราธิวาส รู้เบาะแสโจรใต้วางระเบิดป่วนนราฯ 7 จุด ใน 3 อำเภอแล้ว เป็นฝีมือ ”แวอาลี คอปเตอร์” ซึ่งประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ก่อนสั่ง ”อำรัน มิง” ให้กลุ่มสมาชิกแนวร่วมรุ่นใหม่ปฏิบัติการ

วานนี้ (4 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีเหตุคนร้าย ลอบวางระเบิดแสวงเครื่องบริเวณตู้เอทีเอ็ม.ของธนาคารกรุงไทย กรุงเทพ ออมสินและหน้าตู้เอทีเอ็ม.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในพื้นที่เขตเทศบาลของ 3 อำเภอ คือ อ.ระแงะ อ.เมืองนราธิวาส และ อ.สุไหงโก-ลก จำนวน 7 จุด เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา

โดย พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิตร ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ชาญ วิมลศรี รอง ผบก.ภ.จว.ราธิวาส ร่วมกับรอง ผบก.ฯอีก 4 นาย ร่วมกันตั้งคณะทำงานทั้งฝ่ายสืบสวนสอบสวน ฝ่ายรวบรวมพยานหลักฐาน ฝ่ายการข่าวและฝ่ายติดตามเบาะแสของกลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้จนทำให้คดีลอบวางระเบิดทั้ง 7 จุด ในพื้นที่ 3 อำเภอ มีความคืบหน้าไปได้ระดับหนึ่ง หลังจากที่ได้เรียกพยานบางส่วนมาให้ปากคำในเบื้องต้น พร้อมทั้งได้ให้พยานดูภาพโทรทัศน์วงจรปิดที่ติดตั้งไว้ตามเสาไฟฟ้าและหน้าบริเวณตู้เอทีเอ็ม.ที่บันทึกเอาไว้ได้ ค่อยข้างชัดเจน 2 จุด

คือ 1.ที่บริเวณหน้าตู้เอทีเอ็ม.ของธนาคารออมสิน สาขาตันหยงมัส อ.ระแงะ ที่คนร้ายได้แต่งกายด้วยเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีดำ และสวมหมวกกันน็อตสีฟ้าอำพรางใบหน้า โดยใช้เวลาก่อเหตุเพียง 30 วินาทีเท่านั้น หลังจากที่จอดรถจักรยานยนต์ แล้วเดินเข้าไปที่บริเวณหน้าตู้เอทีเอ็ม.ได้ยืนหันหน้าหันหลัง แล้วใช้มือขวาลวงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงขาวยาวสีดำ แล้วลวงเอาระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในกระป๋องเครื่องดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อโค้ก ออกมาวางไว้บนแป้นกดหน้าจอแล้วเดินไปขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

ส่วนกล้องวงจรปิดจุดที่ 2 ที่บันทึกภาพคนร้ายได้ค่อยข้างชัดเจน คือ ที่บริเวณหน้าตู้เอทีเอ็ม.ของธนาคารกรุงเทพ สาขาสุไหงโก-ลก โดยคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่ารุ่นฟีโน่สีดรีม มาจอดที่บริเวณหน้าตู้เอทีเอ็ม.แล้วคนร้ายที่นั่งซ้อนท้าย สวมหมวกสีดำขาว สวมเสื้อแขนสั้นลายขาวแดง และสวมกางเกง 3 ส่วน ในมือซ้ายถือถุงพลาสติก ลงจากรถจักรยานยนต์ มุ่งหน้าเดินเข้าไปที่ตู้เอทีเอ็ม. แล้วนำระเบิดแสวงเครื่องที่ใส่อำพรางไว้ในถุงพลาสติกวางลงบนพื้น ก่อนทำทีเข้าไปกดเงิน แล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ ที่เพื่อนจอดติดเครื่องอยู่หน้าตู้ เอ.ที.เอ็ม.หลบหนีไป ซึ่งใช้เวลาปฏิบัติการณ์ เพียง 20 วินาที เท่านั้น

ภาพวงจรปิดทั้ง 2 จุดนี้เจ้าหน้าที่สืบพบว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ เป็นกลุ่มสมาชิกแนวร่วมรุ่นใหม่ของกองกำลังติดอาวุธ RKK ที่มีอายุระหว่าง 18 - 22 ปีที่แฝงตัวเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่จุดเกิดเหตุ โดยได้รับคำสั่งจาก นายอำรัน มิง ซึ่งเป็นแกนนำระดับปฏิบัติการณ์ ที่เคยก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่อำเภอต่างๆ ของ จ.นราธิวาส มาอย่างโชกโชน และผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการสั่งการคือ นายแวอาลี คอปเตอร์

เจ้าหน้าที่ชุดติดตามความเคลื่อนไหวคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์นายแวอาลี ได้เรียกประชุมแกนนำเพื่อวางแผนก่อเหตุร้ายครั้งใหญ่ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการประชุมเพื่อวางมาตรการรับมือเอาไว้แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่านายอำรัน มิง จะส่งสมาชิกรุ่นใหม่แฝงตัวเข้ามาก่อเหตุร้ายขึ้นดังกล่าว

ส่วนกรณีภาพวงจรปิดนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการพิมพ์ส่งแจกจ่ายไปยังสถานีตำรวจภูธรทั้ง 19 สถานีในพื้นที่ 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้ในการตรวจสอบเปรียบเทียบกับกลุ่มเยาวชนต้องสงสัย ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์สัญจรไปมาบนท้องถนน รวมทั้งนำไปใช้สอบถามกับกลุ่มผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น เพื่อที่จะได้ติดตามตัวกลุ่มผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป

**รองผู้ว่าฯนราฯเต้นสั่งเช็ค CCTV มีปัญหา

ด้านนายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า จากข้อมูลของชุดสืบสวนพบเบาะแสจากภาพบันทึกกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพคนร้ายได้ขณะเตรียมการก่อนลงมือได้ค่อนข้างชัดเจนในหลายจุด ซึ่งพบว่าตรงกับฐานข้อมูลของฝ่ายปกครอง ที่เชื่อว่าเครือข่ายที่ลงมือสร้างสถานการณ์ลอบวางระเบิดหลายจุดใน จ.นราธิวาส เป็นกลุ่มของนายแวอาลี คอปเตอร์ และนายอำรัน มิง เนื่องจากบุคคลทั้ง 2 มีประวัติที่เกี่ยวพันกับการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ จ.นราธิวาส หลายเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา

“ทั้งนายแวอาลี และนายอำรัน มีข้อมูลพัวพันในคดีก่อความไม่สงบในพื้นที่ จ.นราธิวาส หลายเหตุการณ์ ดังนั้น เมื่อตรวจสอบข้อมูลภาพ และเชื่อมโยงเบาะแสที่ได้รับจากแหล่ข่าวชาวบ้านจึงมีความเป็นไปได้ที่การก่อเหตุระเบิดหลายจุดในนราธิวาสเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเป็นฝีมือแนวร่วมหรือเครือข่ายของคนกลุ่มนี้”

นายนิพนธ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้เร่งประสานไปยังหน่วยงานและผู้เกี่ยวข้องในการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของกล้องวงจรปิดที่มีการติดตั้งอยู่ในจุดสำคัญว่าสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่ โดยเฉพาะกล้องซีซีทีวี ที่ติดอยู่ในจุดสำคัญ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าจุดเหล่านี้จะสามารถบันทึกภาพสำคัญที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่ขยายผลไปสู่การจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้หลายครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น