xs
xsm
sm
md
lg

“แม่สาย”รั้งที่ 1-5 จว.“PM10-AQI”พุ่ง เชียงใหม่ใกล้ทะลุเกณฑ์-คนแม่ฮ่องสอนป่วยกว่าหมื่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – ฝุ่นละออง 5 จังหวัดภาคเหนือทะลุขีดแดง ขณะที่ AQI ชี้ชัดเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนแล้ว เผย “แม่สาย” ขึ้นแท่นอันดับ 1 PM10 –ดัชนีคุณภาพอากาศ เลวร้ายสูงสุด ด้าน สสจ.แม่ฮ่องสอน เตือนประชาชนเลี่ยงออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง ระบุอากาศวันนี้ไม่ปลอดภัย มีผู้ป่วยแล้วกว่าหมื่นคน

รายงานการตรวจวัดคุณภาพอากาศเฉลี่ย 24 ชั่วโมง คำนวณ ณ เวลา 09.00 น.วานนี้ (4 มี.ค.53) ของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ปรากฎในhttp://www.pcd.go.th/airquality/regional/defaultthai.cfm ระบุว่า ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM10) ในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือ 1 อำเภอ เกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม. )รวมถึงดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ก็ทะลุค่ามาตรฐาน ที่ 100 แล้ว

ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงสุดวัดได้ถึง 190.9 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI 131.0 รองลงมาคือ เมืองเชียงราย PM10 วัดได้ถึง 161.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI 118.0 อันดับ 3 คือพะเยา ที่มี PM10 สูงถึง 140.2 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI 109.0 ตามมาด้วยแม่ฮ่องสอน ล่าสุด PM10 วัดได้ถึง 131.6 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI อยู่ที่ 105.0 จังหวัดน่าน ที่มีค่า PM10 สูงถึง 129.1 –AQI อยู่ที่ 104.0 และลำปาง ที่มีค่า PM10 อยู่ที่ 123.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม.-AQI อยู่ที่ 101.0

ขณะที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ก่อนหน้านี้ทั้ง PM10 และAQI พุ่งสูงเกือบทะลุเกณฑ์มาตรฐานติดต่อกันมาหลายวัน ล่าสุดมีค่า PM10 อยู่ที่ 89.8 ไมโครกรัม/ลบ.ม. และ AQI อยู่ที่ 81.0 เท่านั้น

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย พร้อมด้วย พ.อ.จิรเดช กมลเพ็ชร ผบ.ฉก.ม 2 กองกำลังผาเมือง ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของฝ่ายทหาร ออกตรวจสภาพอากาศตามแนวชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่จัน อ.แม่สาย และ อ.แม่ฟ้าหลวง อย่างไรก็ตาม ไม่พบการเผาป่า-เผาหญ้าฟางมากนัก มีเพียงจุดเล็กๆ บริเวณชายแดนทั้งฝั่งไทย-พม่า ซึ่งน่าจะสร้างปัญหาเพียงบางแห่งเท่านั้น แต่ยังคงพบกลุ่มหมอกควันกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี

นายสุเมธ กล่าวว่า สภาพอากาศในภาพรวมยังคงมีหมอกควันปกคลุมหนาแน่น แม้การเผาป่าและหญ้าฟางมีไม่มากนัก ซึ่งน่าจะเกิดจากการสะสมเป็นเวลานาน แต่ไม่มีฝนตกหรือพายุลมพัดจนทำให้หมอกควันจางหายไป ดังนั้น จึงเป็นไปได้ที่จังหวัดจะขอโครงการฝนหลวง เพื่อใช้ชะล้างหมอกควันให้หมดไปโดยเร็ว ขณะที่มาตรการทั่วไปยังคงให้ทุกฝ่าย ร่วมมือลดการเผาและนำกฎหมายมาบังคับใช้อย่างจริงจัง พร้อมประสานประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด ทั้งฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า และแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าต่อไป

ส่วนที่พะเยา ซึ่งมีค่าฝุ่นละอองในอากาศเกินค่ามาตรฐานมาหลายวันแล้ว วานนี้(4 มี.ค.) มีหมอกควันปกคลุมทั้งจังหวัด ทัศนวิสัยสามารถมองเห็นได้ประมาณ 1 – 2 กม.เท่านั้น ซึ่งเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา กรมควบคุมมลพิษวัดค่าฝุ่นละอองในอากาศที่พะเยาได้ 147.5 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ขณะที่หลายหน่วยงานในพื้นที่ ต่างเร่งระดมในการที่จะหาทางแก้ไขปัญหา

ด้านนายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า ขณะนี้แม่น้ำ ลำคลอง เริ่มแห้งขอด ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมากกว่าปีก่อน โดยจังหวัดได้ประกาศให้ 4 อำเภอ(จาก 9 อำเภอ) ลุ่มแม่น้ำปิง ประกอบด้วย อ.เมืองตาก บ้านตาก สามเงา และวังเจ้า เป็นพื้นที่ประสบภัยแล้งรุนแรง และวันที่ 15 มีนาคม จะเริ่มเปิดศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง แก้ไขปัญหาภัยแล้ง หมอกควันไฟป่าในพื้นที่

พร้อมกับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้มลพิษที่เรียกว่า Subsidence Inversion รวมทั้งให้เข้าดับไฟในจุด HOT SPOT สาเหตุทำให้เกิดปัญหาหมอกควันปกคลุมพื้นที่ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน รวมทั้งส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ และสังคมในส่วนรวมอย่างเต็มที่

ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน นพ. สุวัฒน์ กิตติดิลกกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า คุณภาพอากาศขณะนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ปลอดภัย ทำให้มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และในช่วงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงขณะนี้ มีผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเข้ารับบริการในโรงพยาบาลมากถึง 10,559 รายแล้ว ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นละอองหนาแน่น หรือขับขี่ยวดยานพาหนะ ขอให้ใช้ผ้าปิดปากและจมูก สำหรับผู้ป่วยเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยภูมิแพ้ โรคปอดควรอยู่ในอาคารลดกิจกรรมที่ออกแรง และหากมีอาการไอ หอบหืด ควรรีบไปพบแพทย์ ส่วนประชาชนทั่วไปควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในที่โล่งแจ้งก่อน และออกกำลังกายในช่วงตอนเย็น เนื่องจากเป็นช่วงที่มีปริมาณฝุ่นละอองรบกวนน้อยที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น