xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กซีลดสต๊อคคุมต้นทุน ซุ่มโมเดลใหม่ขยายจังหวัดรอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – บิ๊กซี ลั่นแผน 3 ปีจากนี้ ผุดเพิ่ม 4 สาขาต่อปี ไม่หวั่นปัญหาการเมือง ซุ่มโมเดลใหม่ ขยายจังหวัดระดับรอง เผยปี 52 รายได้ขายสินค้าโตแค่1% ขณะที่รายได้พื้นที่เช่าโต 10% พร้อมเร่งลดต้นทุนหั่นสต๊อก 3 วันเหลือ 30 วัน

นางสาวรำภา คำหอมรื่น รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนลงทุนปี 2553 – 2555 คาดว่าจะเปิดสาขาใหม่แบบไฮเปอร์มาร์เก็ตได้เฉลี่ย 3-4 สาขาต่อปี โดยปีนี้ตั้งงบประมาณไว้ที่ 2,000 ล้านบาท เปิดเพิ่มอีก 3-4 สาขา สาขาแรกปีนี้คือที่มหาชัย พื้นที่ 12,000 ตารางเมตร จากปัจจุบันมีจำนวน 67 สาขา ส่วนร้านเพียวมี 19 สาขา ร้านมินิบิ๊กซีมี 11 สาขา
ส่วนปีที่แล้วลงทุนเพียง 1,100 ล้านบาท เปิดเพียงสาขาเดียวน้อยกว่าช่วงปี 2551 ที่ลงทุนมากถึง 5,900 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่มากถึง 12 สาขา เนื่องจากปีที่แล้วได้ชะลอการลงทุนเพราะปัญหาต่างๆ
อย่างไรก็ตาม บิ๊กซีอยู่ระหว่างเปิดสาขาที่มีรูปแบบเล็กกว่าขนาดมินิคอมแพ็ค
โดยมีพื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางเมตร แต่ยังเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตที่มีทั้งพื้นที่ขายสินค้าและพื้นที่เช่า เพื่อขยายในจังหวัดระดับรองที่มีศักยภาพพอ
นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อเป็นการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนและปัญหาการเมืองที่ยังวุ่นวายอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและลอจิสติกส์ บริหารต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดยล่าสุดได้ลดสินค้าคงคลังจากเดิม 33 วัน เหลือ 30 วัน ช่วยลดต้นทุนได้ดีมาก
อีกทั้งได้ลงทุนด้านไอทีและซอฟท์แวร์ “ดีมานด์เทค” เพื่อใช้คำนวณดูว่าการทำโปรโมชั่นแบบไหน อย่างไรที่ให้ผลคุ้มค่ามากที่สุด เพื่อนำส่วนต่างตรงนั้นมาทำการตลาดได้
สำหรับผลประกอบการปี 2552 มียอดขายรวม 68,068 ล้านบาท เติบโต 1.1% และมีกำไรเพิ่มขึ้น 5% ขณะที่ รายได้จากการให้เช่าพื้นที่มีมากถึง 4,063 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2552 ที่มี 1,033 ล้านบาท
“ปี 2552 เจอปัญหามากมาย ทั้งไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ผลกระทบต่อเนื่องจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เหตุการณ์รุนแรงเดือนเมษายน ส่งผลกระทบต่อรายได้ไตรมาสสามที่ติดลบ 4.5% ซึ่งบิ๊กซีไม่เคยมียอดขายที่ติดลบมาก่อนเลย ก่อนที่จะกลับมาดีขึ้นไตรมาสสี่ เติบโต 1.45% ทั้งๆที่ช่วงครึ่งปีแรกยอดขายรวมเติบโต 3.9% ก่อนกลับมาดีขึ้นช่วงไตรมาสที่สี่เติบโต 1.45% ส่งผลให้ทั้งปีเติบโต 1.1%

ส่วนปี 2553 นี้บริษัทฯคาดว่ารายได้รวมจะมีการเติบโตประมาณ 4-5%
สำหรับทิศทางการทำธุรกิจนั้น นางสาวรำภา ยืนยันว่า จะเดินหน้าต่อในรูปแบบที่ทำอยู่และประสบความสำเร็จ คือ การทำไฮเปอร์มาร์เก็ตที่มีทั้งพื้นที่ข่ายสินค้าและพื้นที่ร้านค้าเช่า ซึ่งพบว่า จะมีความยืดหยุ่นดี ปัจจุบันสัดส่วนของรายได้มาจาก ขายสินค้าในสโตร์ 59% และรายได้พื้นที่ให้เช่า 41%

นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า ปีนี้เราต้องลดความเสี่ยงทางธุรกิจให้มากที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าปีนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีก แต่ในแง่ธุรกิจเราก็ยังเดินหน้าต่อ โดยจะมีการทำตลาด โปรโมชั่น ส่งเสริมการขายตลอดทั้งปี เพื่อกระตุ้นการซื้อของผู้บริโภค
ล่าสุดพบว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้น โดยในส่วนของผู้ถือบัตร บิ๊กการ์ด ซึ่งมีประมาณ 4 ล้านรายแล้วนั้น พบว่า มีอัตราการเข้าใช้บริการที่บิ๊กซีเฉลี่ย 2.5 ครั้งต่อเดือน แอคทีฟประมาณ 35% และมีการใช้จ่ายประมาณ 850 บาทต่อบิลต่อครั้ง
ในปีนี้บริษัทฯจะยังเดินหน้าขยายตลาดสินค้าไพรเวทเลเบลต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมามี 2 แบรนด์คือ แฮปปี้บาท และ บิ๊กซี ซึ่งมีประมาณ 1,301 เอสเคยู โดยมียอดขายในปี 2552 ในแง่ปริมาณเติบโต 6.3% และยอดขายในแง่มูลค่าเติบโต 3% ตั้งเป้าหมายในปี 2553 นี้ จะมีสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 1,700 เอสเคยู ยอดขายในแง่ปริมาณเพิ่มขึ้น 10% และในแง่มูลค่าเพิ่มขึ้น 4.5%
กำลังโหลดความคิดเห็น