ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดนมรวม 40,000 ล้านบาท เดือดรับเศรษฐกิจฟื้น เชื่อการแข่งขันรุนแรง หลีกแข่งราคาโฟกัสคุณประโยชน์ เจาะกลุ่มเป้าหมายชัดเจน “ซีพี-เมจิ” รุกหนักทุ่ม 150 ล้านบาทลุย ชี้ปีนี้ปีทองโยเกิร์ต มั่นใจภาพรวมรายได้สิ้นปีโตแน่ 15% หลังปีก่อนทำได้ 8% แตะ 3,300 ล้านบาท
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสิรฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมสดพาสเจอร์ไรส์ โยเกิร์ต และนมเปรี้ยว ภายใต้แบรนด์ “เมจิ” และ “เมจิ ไพเกน” เปิดเผยว่า ภาพรวมการแข่งขันของตลาดรวมนมทุกประเภทมูลค่า 40,000 ล้านบาทในปีนี้ เชื่อว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามามากขึ้นรวมถึงผู้เล่นรายเดิมที่เริ่มขยับแผนการทำตลาดออกมาให้เห็นกันสูงขึ้น
เนื่องมาจากสัญญาณบวกในเรื่องของเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวมาตั้งแต่ปลายปีก่อน ส่งผลให้ผู้บริโภค มีการใช้จ่ายในการซื้อผลิตภัณฑ์นมสูงขึ้นมาโดยตลอดในช่วง1-12 เดือนที่ผ่านมา สังเกตได้จากยอดขายของบริษัท มีการเติบโตขึ้น ไม่ต่ำกว่า 10% ในเดือนม.ค.-ก.พ. เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน หรือทั้งปีคาดว่าภาพรวมตลาดนมจะเติบโตขึ้นอีก 8-10%
อย่างไรก็ตาม มองว่าการแข่งขันในตลาดรวมปีนี้ จะมุ่งเน้นไปในเรื่องของการให้ความรู้ และนำเสนอคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ มากกว่าในเรื่องของราคา มีการเจาะกลุ่มเป้าหมายชัดเจนขึ้น หลังจากในปีก่อนโดยเฉลี่ยมีการปรับราคาลงแข่งขันกันราว 10% ปีนี้มองว่าราคาจะปรับขึ้นตามกลไกของตลาดเท่านั้น
ในส่วนของซีพี-เมจิ ปีนี้จะมุ่งเน้นนำเสนอคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ และเจาะกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนมากขึ้น มีการสื่อสารไปยังผู้บริโภคกลุ่มหลัก อย่างกลุ่มผู้หญิง และวัยรุ่นที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพเป็นหลัก ภายใต้งบการตลาดรวมกว่า 150 ล้านบาท ใช้มากกว่าปีก่อนถึง 2 เท่าตัว จาก 50 ล้านบาท เชื่อว่าจะส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในปีนี้เติบโตขึ้นได้อีกไม่ต่ำกว่า 12-15% จากปีก่อนที่มีรายได้เติบโต 8% จาก 3,300 ล้านบาท มาจาก กลุ่มนมสดพาสเจอร์ไรส์ 70% กลุ่มนมเปรี้ยมพร้อมดื่ม15% กลุ่มโยเกิร์ตถ้วย 10% และกลุ่มดริ้งกิ้ง โยเกิร์ต 5%
นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามปีนี้มองว่าในกลุ่มนมเปรี้ยว จะเป็นกลุ่มนมที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด ราว 20% จากมูลค่าตลาดที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยในตลาดนี้ ซีพี-เมจิ มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 7% ปีนี้คาดว่าจะสามารถมีอัตราการเติบโตได้ที่ 20% เช่นกัน และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้เป็น 10% โดยมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของโรงงาน อีก 100% รองรับความต้องการของตลาดที่คาดว่าจะเติบโตในปีนี้
นอกจากนี้ยังมองว่าในกลุ่มโยเกิร์ตถ้วย ปีนี้จะมีการเติบโตค่อนข้างมาก เพราะมีผู้เล่นเข้ามาในตลาดมากขึ้น ในส่วนของบริษัทเองก็ได้เตรียมแผนที่จะเปิดตัวรสชาติใหม่อีก 2 รสชาติ ในช่วงกลางปีนี้ไว้ด้วย เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มียอดขายเติบโตขึ้น
จากปัจจุบัน ซีพี-เมจิ มีส่วนแบ่งอยู่ประมาณ 7-8% ในตลาดรวมนม 40,000 ล้านบาท โดยมีผลิตภัณฑ์ใน 3 กลุ่ม คือ ในตลาดกลุ่มนมสดพาสเจอร์ไรส์มูลค่า3,800 ล้านบาท ซีพี-เมจิ มีส่วนแบ่งอยู่ 49%, กลุ่มนมเปรี้ยมพร้อมดื่มมูลค่า 6,000 ล้านบาท ซีพี-เมจิ มีส่วนแบ่งอยู่ 7 % และกลุ่มโยเกิร์ตถ้วยมูลค่า 3,000 ล้านบาท ซีพี-เมจิ มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 8%
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสิรฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมสดพาสเจอร์ไรส์ โยเกิร์ต และนมเปรี้ยว ภายใต้แบรนด์ “เมจิ” และ “เมจิ ไพเกน” เปิดเผยว่า ภาพรวมการแข่งขันของตลาดรวมนมทุกประเภทมูลค่า 40,000 ล้านบาทในปีนี้ เชื่อว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามามากขึ้นรวมถึงผู้เล่นรายเดิมที่เริ่มขยับแผนการทำตลาดออกมาให้เห็นกันสูงขึ้น
เนื่องมาจากสัญญาณบวกในเรื่องของเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวมาตั้งแต่ปลายปีก่อน ส่งผลให้ผู้บริโภค มีการใช้จ่ายในการซื้อผลิตภัณฑ์นมสูงขึ้นมาโดยตลอดในช่วง1-12 เดือนที่ผ่านมา สังเกตได้จากยอดขายของบริษัท มีการเติบโตขึ้น ไม่ต่ำกว่า 10% ในเดือนม.ค.-ก.พ. เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน หรือทั้งปีคาดว่าภาพรวมตลาดนมจะเติบโตขึ้นอีก 8-10%
อย่างไรก็ตาม มองว่าการแข่งขันในตลาดรวมปีนี้ จะมุ่งเน้นไปในเรื่องของการให้ความรู้ และนำเสนอคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ มากกว่าในเรื่องของราคา มีการเจาะกลุ่มเป้าหมายชัดเจนขึ้น หลังจากในปีก่อนโดยเฉลี่ยมีการปรับราคาลงแข่งขันกันราว 10% ปีนี้มองว่าราคาจะปรับขึ้นตามกลไกของตลาดเท่านั้น
ในส่วนของซีพี-เมจิ ปีนี้จะมุ่งเน้นนำเสนอคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ และเจาะกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนมากขึ้น มีการสื่อสารไปยังผู้บริโภคกลุ่มหลัก อย่างกลุ่มผู้หญิง และวัยรุ่นที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพเป็นหลัก ภายใต้งบการตลาดรวมกว่า 150 ล้านบาท ใช้มากกว่าปีก่อนถึง 2 เท่าตัว จาก 50 ล้านบาท เชื่อว่าจะส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในปีนี้เติบโตขึ้นได้อีกไม่ต่ำกว่า 12-15% จากปีก่อนที่มีรายได้เติบโต 8% จาก 3,300 ล้านบาท มาจาก กลุ่มนมสดพาสเจอร์ไรส์ 70% กลุ่มนมเปรี้ยมพร้อมดื่ม15% กลุ่มโยเกิร์ตถ้วย 10% และกลุ่มดริ้งกิ้ง โยเกิร์ต 5%
นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามปีนี้มองว่าในกลุ่มนมเปรี้ยว จะเป็นกลุ่มนมที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด ราว 20% จากมูลค่าตลาดที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยในตลาดนี้ ซีพี-เมจิ มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 7% ปีนี้คาดว่าจะสามารถมีอัตราการเติบโตได้ที่ 20% เช่นกัน และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้เป็น 10% โดยมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของโรงงาน อีก 100% รองรับความต้องการของตลาดที่คาดว่าจะเติบโตในปีนี้
นอกจากนี้ยังมองว่าในกลุ่มโยเกิร์ตถ้วย ปีนี้จะมีการเติบโตค่อนข้างมาก เพราะมีผู้เล่นเข้ามาในตลาดมากขึ้น ในส่วนของบริษัทเองก็ได้เตรียมแผนที่จะเปิดตัวรสชาติใหม่อีก 2 รสชาติ ในช่วงกลางปีนี้ไว้ด้วย เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มียอดขายเติบโตขึ้น
จากปัจจุบัน ซีพี-เมจิ มีส่วนแบ่งอยู่ประมาณ 7-8% ในตลาดรวมนม 40,000 ล้านบาท โดยมีผลิตภัณฑ์ใน 3 กลุ่ม คือ ในตลาดกลุ่มนมสดพาสเจอร์ไรส์มูลค่า3,800 ล้านบาท ซีพี-เมจิ มีส่วนแบ่งอยู่ 49%, กลุ่มนมเปรี้ยมพร้อมดื่มมูลค่า 6,000 ล้านบาท ซีพี-เมจิ มีส่วนแบ่งอยู่ 7 % และกลุ่มโยเกิร์ตถ้วยมูลค่า 3,000 ล้านบาท ซีพี-เมจิ มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 8%