ASTVผู้จัดการรายวัน - รีไลฯเผยปี52ยอดขายโตตามเป้า 15% แม้ผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลต่อตลาดรวม แจงลูกค้าไว้ใจสั่งผลิตสินค้าต่อนเอง พร้อมเตรียมออกสินค้าใหม่หัวงเพิ่มรายได้10% แจงแผนตลาดปีนี้เน้นออกสินค้าเจาะตลาดในประเทศ จับมือบรัทคู่ค้ารักษายอดออเดอร์
นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีไล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทก๊อกน้ำ ฝักบัว อุปกรณ์ห้องน้ำ อุปกรณ์เพื่อสุขภาพและอุปกรณ์อเนกประสงค์ฯลฯ แบรนด์วัตสัน (Watson) กล่าวว่า ผลการดำเนินธุรกิจในปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบวิกฤตเศรษฐกิจ
“ แต่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเชื่อถือและไว้วางใจใช้บริษัทมานาน จึงส่งผลให้มียอดขายโดยรวมเป็นไปตามเป้าหมายโดยมีอัตราเติบโตประมาณ 15% ซึ่งผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์Watsonในกลุ่มอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ-เสริมความปลอดภัยมียอดจำหน่ายประมาณ 40 % ของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในปี52และมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดคือ 65%ของตลาดในประเทศขณะที่ผลิตภัณฑ์กลุ่มอุปกรณ์ห้องน้ำมียอดจำหน่ายเป็นอันดับที่สองประมาณ 30% ของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในปีที่แล้วและผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำและฝักบัวอีกประมาณ 20% และกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่น10%”
สำหรับในปี53บริษัทมีแผนที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดในช่วงปลายไตรมาสแรก ได้แก่ผลิตภัณฑ์ประเภทฉากกั้นห้องอาบน้ำแบบบานเลื่อน นอกจากนี้ช่วงไตรมาสสองจะมีการแนะนำก็อกน้ำรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างน้อย 2 รุ่น และคาดว่าไตรมาสที่3จะมีการอุปกรณ์เสริมในห้องน้ำอีก 3 รุ่น ฯลฯ
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมทั้งให้ความสำคัญในงานขาผลิตภัณฑ์กับกลุ่มงานโครงการมากกว่าปีที่ผ่าน โดยคาดหมายว่าจะส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการเพิ่มขึ้น ณ สิ้นปี 53ประมาณ 20% สำหรับสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายในประเทศไทยประมาณ65% และต่างประเทศประมาณ 35 %
“ปัจจุบันรีไลฯมีผลิตภัณฑ์ส่งไปยังต่างประเทศกว่า 15 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นลาว เขมร เวียดนาม พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา บังคลาเทศ เนปาล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การ์ต้า จอร์แดน เนเธอร์แลนด์ และซาอุดิอารเบีย”
นายวสันต์กล่าวว่า สำหรับแผนการตลาดของบริษัทในปี 53แผนการตลาดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ แผนการตลาดในประเทศจะเน้นการทำตลาดแบบออกรวม ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องมากขึ้น การสนับสนุนคู่ค้าในการด้านจัดส่งผลิตภัณฑ์ให้ทันตามเวลาที่กำหนดโดยมีเป้าหมายสูงถึง 98% จากปีที่ผ่านมาซึ่งทำได้เพียง 90%
ส่วนแผนการตลาดในตลาดต่างประเทศนั้น จะเน้นความรวมมือบริษัทคู่ค้าโดยคำนึงถึงความต้องการของคู่ค้าเป็นหลัก เนื่องจากวัฒนธรรมทางการตลาดของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไป โดยเฉพาะกับตลาดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และยังได้แต่งตั้งที่ปรึกษาฝ่ายต่างประเทศเพิ่มเพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มใหม่เช่นกลุ่มตลาดยุโรป ออสเตรเลียและอาฟริกาโดยตรง โดยมีงบประมาณด้านการตลาดทั้ง 2 ส่วนประมาณ 8 % จากยอดขายของปีนี้
นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีไล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทก๊อกน้ำ ฝักบัว อุปกรณ์ห้องน้ำ อุปกรณ์เพื่อสุขภาพและอุปกรณ์อเนกประสงค์ฯลฯ แบรนด์วัตสัน (Watson) กล่าวว่า ผลการดำเนินธุรกิจในปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบวิกฤตเศรษฐกิจ
“ แต่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเชื่อถือและไว้วางใจใช้บริษัทมานาน จึงส่งผลให้มียอดขายโดยรวมเป็นไปตามเป้าหมายโดยมีอัตราเติบโตประมาณ 15% ซึ่งผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์Watsonในกลุ่มอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ-เสริมความปลอดภัยมียอดจำหน่ายประมาณ 40 % ของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในปี52และมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดคือ 65%ของตลาดในประเทศขณะที่ผลิตภัณฑ์กลุ่มอุปกรณ์ห้องน้ำมียอดจำหน่ายเป็นอันดับที่สองประมาณ 30% ของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในปีที่แล้วและผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำและฝักบัวอีกประมาณ 20% และกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่น10%”
สำหรับในปี53บริษัทมีแผนที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดในช่วงปลายไตรมาสแรก ได้แก่ผลิตภัณฑ์ประเภทฉากกั้นห้องอาบน้ำแบบบานเลื่อน นอกจากนี้ช่วงไตรมาสสองจะมีการแนะนำก็อกน้ำรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างน้อย 2 รุ่น และคาดว่าไตรมาสที่3จะมีการอุปกรณ์เสริมในห้องน้ำอีก 3 รุ่น ฯลฯ
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมทั้งให้ความสำคัญในงานขาผลิตภัณฑ์กับกลุ่มงานโครงการมากกว่าปีที่ผ่าน โดยคาดหมายว่าจะส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการเพิ่มขึ้น ณ สิ้นปี 53ประมาณ 20% สำหรับสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายในประเทศไทยประมาณ65% และต่างประเทศประมาณ 35 %
“ปัจจุบันรีไลฯมีผลิตภัณฑ์ส่งไปยังต่างประเทศกว่า 15 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นลาว เขมร เวียดนาม พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา บังคลาเทศ เนปาล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การ์ต้า จอร์แดน เนเธอร์แลนด์ และซาอุดิอารเบีย”
นายวสันต์กล่าวว่า สำหรับแผนการตลาดของบริษัทในปี 53แผนการตลาดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ แผนการตลาดในประเทศจะเน้นการทำตลาดแบบออกรวม ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องมากขึ้น การสนับสนุนคู่ค้าในการด้านจัดส่งผลิตภัณฑ์ให้ทันตามเวลาที่กำหนดโดยมีเป้าหมายสูงถึง 98% จากปีที่ผ่านมาซึ่งทำได้เพียง 90%
ส่วนแผนการตลาดในตลาดต่างประเทศนั้น จะเน้นความรวมมือบริษัทคู่ค้าโดยคำนึงถึงความต้องการของคู่ค้าเป็นหลัก เนื่องจากวัฒนธรรมทางการตลาดของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไป โดยเฉพาะกับตลาดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และยังได้แต่งตั้งที่ปรึกษาฝ่ายต่างประเทศเพิ่มเพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มใหม่เช่นกลุ่มตลาดยุโรป ออสเตรเลียและอาฟริกาโดยตรง โดยมีงบประมาณด้านการตลาดทั้ง 2 ส่วนประมาณ 8 % จากยอดขายของปีนี้