ตาก- ไฟป่าชายแดนเริ่มลุกลาม พบจุด HOT SPOT นับ 10 จุด ตามอุทยานฯทั่วเมืองตาก และชายแดนพม่า ทำหมอกควันปกคลุมทั่วพื้นที่ ขณะที่ปายนักท่องเที่ยวลดลงเพราะเลี่ยงเผชิญควันไฟ
นายอุดมศักดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา หัวหน้าสถานีควบคุมและดับไฟป่า แม่สอด-ตาก กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้นำชุดควบคุมไฟป่าออกลาดตระเวนตามป่า เส้นทางสายตาก-แม่สอด พบว่ามีไฟป่าเกิดขึ้น 2 จุด และได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมและดับไฟไปแล้ว โดยขณะนี้พื้นที่ชายแดนไทย-พม่า มีหมอกควันปกคลุมพื้นที่ทั่วไป เนื่องจากมีชาวบ้านเริ่มเผาพื้นที่เพื่อเตรียมทำการเกษตร ประกอบกับมีการเกิดไฟป่าในประเทศพม่าเพิ่มขึ้นหลายแห่ง ทำให้เกิดหมอกควันมาปกคลุมในพื้นที่ฝั่งไทยด้วย ซึ่งทางฝั่งพม่ายังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบในการป้องกันไฟป่าโดยตรงทำให้ไฟป่าลุกลาม
จากการออกพื้นที่สำรวจทางอากาศและการใช้ระบบเทคโนโลยีและเครื่องมือ Google Earth และ PointAsia.com เพื่อช่วยในการหาจุดและพิกัดป่าที่ถูกไฟป่าเผาไหม้ ทางหน่วยพบจุด HOT SPOT (จุดหรือบริเวณที่มีค่าความร้อนมากกว่าปกติบนพื้นที่ผิวโลก) ในพื้นที่ป่าที่รับผิดชอบ ทั้งในเขตอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ และอุทยานแห่งชาติอื่นๆ แล้ว นับ 10 จุด ทำให้เราต้องเร่งสร้างแนวกันไฟป่าและจัดเวรยามเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
“มีพื้นที่ป่าที่หน่วยงานเราต้องเฝ้าระวัง กว่า 250,000 ไร่ และเราได้สร้างแนวป้องกันไฟป่าไปแล้วกว่า 70 กม. สำหรับสถานการณ์ไฟป่าปี 2553 นี้ คาดว่าน่าจะเริ่มรุนแรงตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป”
ขณะที่ นายฐากร ล้อมศตพร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ปัญหาไฟป่าและควันไฟในแม่ฮ่องสอน ปีนี้มีแนวโน้มน่าเป็นห่วง เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งเร็วกว่าปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ไฟ -ควันไฟป่า ยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่อ.ปาย อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตนได้เดินทางตรวจพื้นที่ พบว่านักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวปายลดน้อยลงมาก สอบถามทราบว่านักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงการเดินทางมาเที่ยวอำเภอปายเพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากขณะนี้สภาพอากาศในพื้นที่อำเภอ มีควันไฟปกคลุมทุกพื้นที่ แม้ว่าสภาพอากาศยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานก็ตาม ดังนั้น เราจึงต้องเร่งรณรงค์ให้ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาไฟป่าอย่างเร่งด่วน
นายอุดมศักดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา หัวหน้าสถานีควบคุมและดับไฟป่า แม่สอด-ตาก กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้นำชุดควบคุมไฟป่าออกลาดตระเวนตามป่า เส้นทางสายตาก-แม่สอด พบว่ามีไฟป่าเกิดขึ้น 2 จุด และได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมและดับไฟไปแล้ว โดยขณะนี้พื้นที่ชายแดนไทย-พม่า มีหมอกควันปกคลุมพื้นที่ทั่วไป เนื่องจากมีชาวบ้านเริ่มเผาพื้นที่เพื่อเตรียมทำการเกษตร ประกอบกับมีการเกิดไฟป่าในประเทศพม่าเพิ่มขึ้นหลายแห่ง ทำให้เกิดหมอกควันมาปกคลุมในพื้นที่ฝั่งไทยด้วย ซึ่งทางฝั่งพม่ายังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบในการป้องกันไฟป่าโดยตรงทำให้ไฟป่าลุกลาม
จากการออกพื้นที่สำรวจทางอากาศและการใช้ระบบเทคโนโลยีและเครื่องมือ Google Earth และ PointAsia.com เพื่อช่วยในการหาจุดและพิกัดป่าที่ถูกไฟป่าเผาไหม้ ทางหน่วยพบจุด HOT SPOT (จุดหรือบริเวณที่มีค่าความร้อนมากกว่าปกติบนพื้นที่ผิวโลก) ในพื้นที่ป่าที่รับผิดชอบ ทั้งในเขตอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ และอุทยานแห่งชาติอื่นๆ แล้ว นับ 10 จุด ทำให้เราต้องเร่งสร้างแนวกันไฟป่าและจัดเวรยามเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
“มีพื้นที่ป่าที่หน่วยงานเราต้องเฝ้าระวัง กว่า 250,000 ไร่ และเราได้สร้างแนวป้องกันไฟป่าไปแล้วกว่า 70 กม. สำหรับสถานการณ์ไฟป่าปี 2553 นี้ คาดว่าน่าจะเริ่มรุนแรงตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป”
ขณะที่ นายฐากร ล้อมศตพร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ปัญหาไฟป่าและควันไฟในแม่ฮ่องสอน ปีนี้มีแนวโน้มน่าเป็นห่วง เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งเร็วกว่าปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ไฟ -ควันไฟป่า ยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่อ.ปาย อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตนได้เดินทางตรวจพื้นที่ พบว่านักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวปายลดน้อยลงมาก สอบถามทราบว่านักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงการเดินทางมาเที่ยวอำเภอปายเพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากขณะนี้สภาพอากาศในพื้นที่อำเภอ มีควันไฟปกคลุมทุกพื้นที่ แม้ว่าสภาพอากาศยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานก็ตาม ดังนั้น เราจึงต้องเร่งรณรงค์ให้ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาไฟป่าอย่างเร่งด่วน
