xs
xsm
sm
md
lg

"มาร์ค"สวน"ป๊อก" เบรกใช้จีที200

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "อนุพงษ์"นำบิ๊กกองทัพ-ผู้ปฏิบัติในพื้นที่" การันตีเครื่องตรวจระเบิด จีที 200 ใช้ได้จริง และจะต้องใช้ต่อไป แจงสั่งซื้อเพราะเป็นความต้องการของผู้ปฏิบัติ ยันพร้อมให้ตรวจสอบทุจริต เผยในยุค"อนุพงษ์" ซื้อมากสุด ด้าน "มาร์ค"ย้ำ จีที 200 ไร้ประสิทธิภาพ มีความเสี่ยงสูงไม่ควรใช้ต่อไป

เมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ (18ก.พ.) ที่หอประชุมกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พร้อมด้วย พล.อ.วิโรจน์ บัวจรูญ ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.เอกชัย วัชรประทีป เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก พล.ต.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เจ้ากรมยุทธการทหารบก พล.ต.ศุภกร สงวนชาติศรไกร เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารบก และ น.อ.สมภพ ปีตะเสน หัวหน้ากองทำลายวัตถุระเบิด กรมสรรพาวุธทหารอากาศ เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สั่งระงับการจัดซื้อ เนื่องจากผลการทดสอบประสิทธิภาพของกระทรวงวิทย์ฯ สรุปว่า จีที 200 ไร้ประสิทธิภาพ

**อนุมัติซื้อเพราะผู้ปฏิบัติต้องการ

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวถึงทิศทางการใช้ จีที 200 ในอนาคตว่า ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็คงต้องเสี่ยงภัย คนที่ตายไป พ่อแม่ พี่น้องของเขาก็ไม่เคยฟ้องร้องกองทัพบกว่า ทำไมต้องให้เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง และไม่ให้เครื่องมืออะไรให้เขา เพราะฉะนั้นประเทศชาติต้องมีเครื่องมือให้เขา คนเหล่านี้รักษาปกป้องชีวิตคน รักษาความมั่นคงของชาติ ด้วยเครื่องมือนี้ โดยไม่ได้มีการประเมินทางวิทยาศาสตร์ กองทัพบกเองไม่ได้ประเมินทางวิทยาศาสตร์ เมื่อตนลงพื้นที่ ก็จะไปถามว่าใช้ได้ผลหรือไม่

"สรุปได้ในขณะนี้ว่า ความต้องการเกิดจากผู้ปฏิบัติ และผู้ปฏิบัตินั้นมีความบริสุทธิ์ใจ เพราะใช้ได้ผล จะสามารถชี้แจงทางวิทยาศาสตร์ได้หรือไม่ เขาไม่ทราบ ประสบการณ์ทั้งหมดคือประมาณ 300 กว่าครั้ง ที่ทำได้ นั่นเป็นปัญหาของความต้องการที่เกิดขึ้นมา ซึ่งถ้าผู้บังคับบัญชาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นส่วนยุทธการ ซึ่งเป็นผู้กำหนดความต้องการ และส่งมาให้ผมอนุมัติตั้งแต่ปี 48 เป็นต้นมา ถ้าผมไม่อนุมัติ ลองนึกว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะมองกองทัพบก และ ครอบครัวของผู้ใต้บังคับบัญชาที่เสียชีวิต จะมองกองทัพบกอย่างไร" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

**แจงข้อจำกัดการใช้สุนัข-ไฟโด้

พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงเสียงวิจารณ์ว่า ใช้สุนัขหรือไฟโด้แทนว่า ขอยกตัวอย่างว่าในกรณีที่การข่าวพบว่า กระสุน วัตถุระเบิด ถ้าเราจะใช้สุนัขต้องตรวจทุกบ้าน ทุกห้อง สุนัข ไปยืนอยู่ปากประตูบ้านแล้วไม่สามารถบอกได้ว่า บ้านนี้มีหรือไม่ อีกทั้งยังขัดกับวิถีของมุสลิม หรือแม้กระทั่งไฟโด้ ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ไอออน สแกน ต้องเอาเสื้อที่เปื้อน แล้วเอาไปเข้าเครื่อง ก็ต้องนำเสื้อทุกตัวในบ้านมาทำ

ส่วนที่มีคำถามว่า ถ้าซื้อแล้วใช้ไม่ได้ เพราะมีการทุจริต พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ต่อให้ใช้ได้ 100 % ถ้าทุจริต ก็ต้องดำเนินคดีตามกระบวนการ กฎหมาย ป.ป.ช. - สตง.หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการได้หมด ทบ.พร้อมให้ตรวจสอบได้หมดในการจัดซื้อ จัดจ้าง ไม่มีข้อโต้แย้งทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ของสื่อ และผู้ตรวจสอบจะต้องตรวจสอบ ผิดก็ลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นผม หรือผู้แทนผู้บังคับบัญชาทุกคน ประชาชนจะได้สบายใจ เรื่องความโปร่งใส"

เมื่อถามว่าจะใช้ต่อไปหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในชั้นต้นรัฐบาลยังไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้กองทัพบกใช้ ทบ. เองก็ยังไม่มีเครื่องทดแทน เราอนุญาตให้ใช้ได้ต่อไปก่อน และจะประเมินผลให้ละเอียดในการปฏิบัติ เราจะขอให้กระทรวงวิทย์ฯ จัดชุดชี้แจงแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ให้ผู้ใช้ได้ทราบ และจะลงไปดูการปฏิบัติจริง และจะใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์อะไรไปวิเคราะห์ว่า ใช้ได้ หรือไม่ได้ อย่างไร

เมื่อถามว่า กองทัพบกจะชะลอการจัดซื้อจีที 200 หรือไม่ และจะใช้เครื่องจีที 200 ที่มีอยู่จนหมดสภาพหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่โต้แย้งผลการทดสอบ แต่กำลังชี้แจงให้ทราบว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ เขามีความต้องการ ไม่ใช่กองทัพบกอยากซื้อ และเขามีส่วนในการใช้ ทั้งนี้เมื่อตนลงพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าเครื่องจีที 200 สามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ ซึ่งเขายืนยันว่า ใช้ได้ เพราะมีประสบการณ์เช่นนั้น ส่วนเรื่องความรับผิดชอบตนต้องรับผิดชอบ ถามว่าจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ผู้ที่ต้องพิจารณาคือผู้บังคับบัญชาตน ส่วนกองทัพบก ก็จะหาทางดำเนินการตามกฎหมาย

**ยันไม่มีความขัดแย้งกับรัฐบาล

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีพูดอย่าง แล้ว ผบ.ทบ. พูดอีกอย่าง ประชาชนจะเชื่อใคร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า นายกฯ พูดถึงผลจากการทดสอบโดยนักวิทยาศาสตร์ในห้องแลบ ว่าทำงานได้ 4 ครั้ง ต่อ 20 ครั้ง ถือว่าใช้ไม่ได้ แต่กรณีตน ทำให้ประชาชนทราบว่าทำไมถึงซื้อ โดยเอาประสบการณ์จากผู้ปฏิบัติ ว่าเป็นอย่างไร ดังนั้น ต้องเชื่อทั้ง 2 คน

เมื่อถามว่า การออกมาแถลงข่าวเหมือนยืนตรงข้ามกับนายกฯ อาจทำให้ประชาชนไม่สบายใจ ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ มีปัญหากัน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล แต่ที่นำผู้ปฎิบัติงานมาแถลงข่าว เพื่อเป็นการชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบว่า ทำไมถึงซื้อ เราไม่ได้ยืนตรงข้ามกับนายกฯ

**เรื่องฟ้องบริษัทสุ่มเสี่ยงเกินไป

เมื่อถามว่า หากเครื่องใช้ไม่ได้ จะฟ้องร้องบริษัทหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนจะดำเนินตามกฎหมาย แต่เป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงว่า จะฟ้องหรือไม่ฟ้อง เพราะส่วนหนึ่งลูกน้องตนบอกว่าสามารถใช้การได้ หากบริษัทบอกว่า พยานยืนอยู่ข้างหลัง ตรวจสอบแล้วเจอจะว่าอย่างไร

เมื่อถามว่า มีการถามถึงขวัญกำลังใจกำลังพลในพื้นที่หลังผลสอบจีที 200 ไร้คุณภาพหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้พูดกับหน่วยในพื้นที่ ซึ่งวันที่ 19 ก.พ. จะเดินทางลงพื้นที่ ก็จะทราบว่าเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่าเป็นการเลื่อยขาเก้าอี้ ผบ.ทบ.หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น ขอชื่นชมอาจารย์ เจษฎา เพราะสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ แต่น่าจะทำตั้งแต่เมื่อ 2 ปี และเชื่อว่า เรื่องนี้ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ซึ่งตนก็อยากรู้ว่า มันเป็นอย่างไร เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไร 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว

**ยันจีที 200 เพิ่มความเชื่อมั่นได้

พล.อ.วิโรจน์ บัวจรูญ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 และอดีต ผอ.รมน. ภาค4 ในปี 50-51 กล่าวว่า พ.อ.ทวีศักดิ์ หน่วย อีโอดี ทบ.ได้บอกว่า มีเครื่องมือชี้วัตถุระเบิดได้ในระยะไกลพอสมควร เพราะมีประสบการณ์จากภาคสนาม ปืนจริง ระเบิดจริง ไม่ใช่ในห้องทดลอง เมื่อมีผู้บังคับบัญชาเดินทางมา ก็จะให้หน่วย อีโอดี รายงานรายละเอียด เพื่อขอรับการสนับสนุน เพื่อต้องการให้กำลังพลปลอดภัย ทั้งนี้ มิใช่มีไปพูดว่าเครื่องมือมีลักษณะไม้ชี้สุสาน สุสาน คือที่ฝังศพ จะสุ่มอย่างไร 80-90 % ก็ต้องเจอศพ แต่มิใช่ตามบ้าน ตามป่า ตามภูเขา ที่จะมีปืน มีระเบิด ตามที่นักวิชาการบางคนได้กล่าวเปรียบเทียบไว้ แสดงว่าทุกบ้าน ทุกจุด ต้องมีปืนอยู่ การพูดอย่างนั้น จะเป็นการผลักประชาชนที่เป็นฝ่ายเรา ไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่เคยคิดเช่นนั้น

ด้านพล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เราตรวจสอบพิสูจน์ทราบมานาน โดยใช้หน่วยของเราตรวจสอบ ด้วยคน ด้วยชีวิต เลือดเนื้อ และด้วยจิตใจ ซึ่งทุกคนก็รักชีวิต เพราะฉะนั้นถ้าใช้ไม่ได้จริง เขาคงโยนทิ้งไปแล้ว เพราะทุกคนก็รักชีวิตเหมือนกัน

พล.ต.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เจ้ากรมยุทธการกองทัพบก กล่าวว่า ชุดทำลาย และเก็บกู้วัตถุระเบิด กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ทดลองใช้ เครื่องตรวจจีที 200 ในปี 48 ปรากฎว่าพบอาวุธในมัสยิดที่ อ.รามัน จ.ยะลา ทำให้เห็นว่าเครื่องนี้สามารถใช้การได้ จึงเสนอขอเครื่องมือดังกล่าวในปี 50 กองทัพบกจึงจัดหาให้ขั้นต้น 26 เครื่อง เพื่อนำไปใช้ในพื้นที่ ซึ่งเกิดผลงานหลายครั้ง ทางหน่วยย่อยหน่วยเฉพาะกิจต่างๆ จึงเสนอขอเครื่องมือนี้ในหน่วยปฏิบัติบ้าง กองทัพบกจึงจ่ายให้ กองร้อยละ 2 เครื่อง ซึ่งได้ผลเช่นกัน

พล.ต.ฉัตรเฉลิม กล่าวว่า กระทั่งปี 2550 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ปปส. จัดหาให้กองทัพภาคที่ 3 สองเครื่อง เพื่อนำไปใช้ในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อตรวจหาสารเสพติด ซึ่งสามารถตรวจพบยาเสพติด อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ จากนั้น กองทัพบก จึงจัดซื้อเครื่อง จีที 200 จำนวน 757 เครื่อง โดยมีการจัดซื้อทั้งหมด 12 ครั้ง แบ่งใช้ในพื้นที่ภาคใต้ 524 เครื่อง กองกำลังตามแนวชายแดน 180 เครื่อง และตามหน่วยต่าง ๆ อีก 20 เครื่อง ส่วนเจ้าหน้าทีอีโอดี มีใช้ประมาณ 23 เครื่อง และเก็บไว้ที่คลังสรรพาวุธอีก 10 เครื่อง สำหรับผลงาน ตั้งแต่ปลายปี51 - ปัจจุบัน มีผลงาน 118 ครั้ง เป็นการพบอาวุธ 32 ครั้ง และยาเสพติด 86 ครั้ง

**ยุค"อนุพงษ์"ซื้อมากสุด

พล.ต.ศุภกร สงวนชาติศรไกร เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารบก กล่าวว่า เครื่องจีที 200 มีการจัดซื้อในสมัยของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ 59 เครื่อง สมัยของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ 107 เครื่อง สมัยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ 44 เครื่อง และสมัยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 547 เครื่อง โดยจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษ และมีการจัดหาอย่างต่อเนื่องโดยมีการพิจารณาจากผลงานเพื่อใช้ให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ โดยใช้งบประมาณจาก 3 ส่วน คือ 1. เงินบริจาค 2. เงินสนับสนุนจาก กอ.รมน. และ 3. งบประมาณปีของกองทัพบก ซึ่งขั้นตอนจะให้ทางกรมสรรพาวุธเป็นผู้จัดซื้อจากผู้ผลิต ว่าควรจะมีราคาเท่าไร ซึ่งทั้งหมดมีการจัดซื้อทั้งหมด 12 ครั้ง โดยครั้งแรกจัดซื้อ 2 เครื่อง ราคาเครื่องละ 9.5 แสนบาท และครั้งที่สอง ซื้ออีก 24 เครื่อง ราคาเครื่องละ 9.5 แสนบาท พร้อมการ์ดจำนวน 10 ใบ หลังจากนั้นจัดซื้ออีกล็อตใหญ่ จำนวน 751 เครื่อง ราคาเครื่องละ 9 แสนบาท พร้อมการ์ด 18 ใบ

**ยัน จีที 200 คุณภาพดีที่สุด

พล.ท.เอกชัย วัชรประทีป เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก กล่าวว่า การจัดซื้อทั้งหมดใช้วิธีพิเศษ และการจัดซื้อก็ซื้อตามความต้องการของผู้ใช้ โดยระบุว่าต้องการเครื่อง จีที 200 แต่ก่อนที่จะมีการจัดซื้อได้มีการทดลองใช้หลายยี่ห้อ โดยส่งไปให้กับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อทดลองใช้ แต่ปรากฏว่าประสิทธิภาพสู้ จีที 200 ไม่ได้ จึงได้จัดซื้อของบริษัท เอวีเอ ฯ แต่ราคาแต่ละเครื่องมีราคาแตกต่างกันเนื่องจากการ์ด ที่ใส่ไปในตัวเครื่องจีที 200 ไม่เท่ากัน

นอกจากนี้ยังมีหลายหน่วยงานนำไปใช้ปฏิบัติงาน การที่กองทัพบกจัดซื้อที่มีราคาแพง เนื่องจากมีการจัดซื้อพร้อมการ์ดที่ครบทุกอย่าง สามารถตรวจมวลสารได้ 18 อย่าง ซึ่งความจริงจะถูกหรือแพง จะต้องดูที่ผลงาน เพราะเงินเพียง 9 แสนบาท เทียบกับชีวิตคนไม่ได้ ขอยืนยันว่าทุกขั้นตอนเป็นไปตามระเบียบทุกประการ

เมื่อถามว่า กองทัพบกไม่ปฏิเสธประสิทธิภาพเครื่องแต่การจัดซื้อเปิดให้บริษัทเอวีเอแห่งเดียวทำให้ราคาแพงเปิดช่องทุจริตหรือไม่ พล.ท.เอกชัย กล่าวว่า มาจากผลของผู้ใช้ที่ทดลองใช้ว่าจีที 200 เหมาะใช้งาน ซึ่งมีเครื่องแบบนี้หลายยี่ห้อ เอามาให้ตนส่งให้ผู้ใช้งานในทุกพื้นที่ทดสอบทดลอง แต่ประสิทธิภาพสู้จีที 200 ไม่ได้ และหน่วยระบุออกมาว่าจะจัดหาให้ก็จะเป็น จีที 200 ซึ่งมีบริษัทผู้ขายบริษัทนี้แห่งเดียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แถลงข่าวข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้เครื่องจีที 200 พล.อ.อนุพงษ์ ได้นำเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี จากกองทัพภาคที่ 1-2-3 และ 4 และเจ้าหน้าที่จากหน่วยนาวิกโยธินที่ปฏิบัติในพื้นที่ภาคใต้มาร่วมแถลงข่าว พร้อมกับชี้แจงในการใช้เครื่อง จีที 200 กว่า 30 คน โดยให้หน่วยกำลังเฉพาะกิจ จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส ได้ออกมายืนยันว่าใช้ได้ผลจริง

ทั้งนี้การแถลงข่าวครั้งนี้ยังมีเหล่าบรรดา 5 เสือ ทบ. เข้าร่วมฟังแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 รวมถึงนายทหารระดับสูงของกองทัพบกอีกหลายคน

**"มาร์ค"ย้ำต้องเชื่อผลการทดลอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการแถลงข่าวของผบ.ทบ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า แม้ผูใช้จะสะท้อนประสบการณ์และยืนยันในความมั่นใจของตัวเอง แต่ในเชิงนโนยาย เมื่อมีการทดสอบและทดลองในเชิงวิทยาศาสตร์ พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ผล ก็ต้องเชื่อผลทางวิทยาศาสตร์ และน่าจะสอดคล้องกับข้อมูลที่ปรากฏมาเป็นระยะๆในต่างประเทศ และตรงนี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ต้องให้กระทรวงวิทย์ฯ ไปทำความเข้าใจกับคนที่ใช้ในพื้นที่ เพื่อที่จะช่วยกันดูและอธิบายว่า ที่มีความเชื่อว่าใช้กันได้นั้น ปัจจัยที่เกี่ยวข้องคืออะไร และเมื่อทำความเข้าใจตรงนี้แล้ว คงจะทำให้ความสับสนลดน้อยลง

อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่ยังจะใช้งานต่อไปก็ไม่ถือเป็นการหักหน้ากัน แต่ถ้าผู้ปฏิบัติได้ทราบจากผู้บังคับบัญชาถึงผลการทดสอบและไปใช้แล้วเกิดปัญหากับตัวบุคคล ความปลอดภัยของผู้ใช้ จะมีความเสี่ยงอย่างสูง

"เราก็เข้าใจความรู้สึกของเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติ โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ที่เขาคิดว่า เครื่องนี้เป็นอุปกรณ์สร้างความมั่นใจให้กับเขา แต่ขณะนี้มันยังไม่อะไรที่ไปทดแทนได้ ก็ย่อมเป็นปัญหาสำหรับเขา แต่หากจะเอามาใช้ ก็จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย" นายกรัฐมนตรีกล่าว

เมื่อถามว่ามีการเสนอให้นำไปทดลองในพื้นที่จริง นายกฯ ถามกลับมาว่า ใครจะออกแบบทดลอง และคำว่าทดลองในพื้นที่จริง แปลว่าอะไร

"ผมยกตัวอย่างว่า ที่เขาบอกว่ามีมอเตอร์ไซด์ 3 คัน ชี้ไปแล้วเจอ 1 คัน เขาก็นับว่าอันนี้เจอ คิดสัดส่วนเป็น 100% คำถามก็คือว่า ผมไม่ทราบว่าเขาตรวจอีก 2 คันหรือเปล่า ถ้าทั้ง 3 คันมีอยู่เขาชี้ไปทางไหนมันก็เจอ แต่เขาไม่ได้ดูว่าอีก 2 คันมันมีหรือไม่ เพราะฉะนั้นนักวิทยาศาสตร์เขาก็อธิบายว่า ในพื้นที่ซึ่งมีสาร หรือวัสดุที่ต้องการจะหาเยอะ การที่มีเครื่องที่อาจจะไม่ได้ใช้งานจริง จะพบในสัดส่วนที่สูง นี่เป็นตัวอย่างในสิ่งที่ต้องไปทำความเข้าใจกัน เพราะถ้าเขาบอกว่ามี 3 คัน ชี้ไปแล้ว 2 คัน ก็ไม่มี เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา อันนี้ก็ต้องมาทบทวน แต่ประเด็นที่ไปทดลองในพื้นที่ ก็ต้องถามว่ามันควบคุมปัจจัยที่จะทดสอบได้หรือไม่ การที่เจอหรือไม่เจอในพื้นที่จริง จะเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ในการที่จะพิสูจน์ว่า มันใช้ได้ดีกว่าการสุ่มหรือไม่"

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าก็ได้บอกกับ รมว.กลาโหมไปแล้ว เพราะฉะนั้นทางกองทัพก็จะต้องเร่งไปทำความเข้าใจ และกระทรวงวิทย์ฯ ก็ต้องเร่งทำความเข้าใจเช่นกัน และในเรื่องการแกะเครื่องพิสูจน์นั้น ในต่างประเทศเองก็มีการแกะแล้ว ผู้ที่ใช้งานก็ไม่สามารถตอบได้ว่า ที่คิดว่าใช้ได้นั้น ใช้ได้เพราะอะไร

**แนะปรับวิธีทำงานโดยไม่ทีจีที 200

เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ในภาคใต้บอกว่ายังจะใช้ GT200 ต่อไป นายกฯ กล่าวว่า ก็จะมีความเสี่ยง ประการแรกคือ ถ้าไปตรวจสอบว่ามีวัตถุระเบิดหรือไม่ และหากไม่พบ อาจจะไปสร้างความเข้าใจผิดว่า จุดนั้นมันปลอดภัย ตนไม่อยากให้มันเกิดเหตุ เพราะก่อนหน้านี้มีเหตุที่เกิดขึ้น แต่เราไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร มีการพูดกันได้ว่าเครื่องนี้ไม่ 100% แต่วันนี้เมื่อพิสูจน์แล้วพบว่า ไม่ใช่เช่นนั้น แล้วยังมีการไปทำแล้วเกิดเหตุขึ้นมา ความรับผิดชอบจะตกอยู่กับเจ้าหน้าที่ และความเสียหายก็จะเกิด และหากไปใช้กับตัวบุคคล ก็จะเกิดการโต้แย้ง และรวมถึงเรื่องการละเมิดสิทธิ ดังนั้นสิ่งที่มอบไปกับ รมว.กลาโหมนั้น คือเรื่องให้เร่งคิดถึงการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานโดยไม่ใช้เครื่องมือนี้

เมื่อถามว่า ทำไมสัญญาที่ทำไว้กับทางบริษัท จึงไม่สามารถผ่าเครื่องพิสูจน์ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์ที่อื่นมีการเปิดเครื่องออกมา และตัวคำอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ว่า เทคโนโลยี หรือกลไกตัวไหนที่ทำให้ค้นพบ วัสดุนั้นมันไม่มีคำตอบ และถ้าจะทดสอบก็สามารถทำได้ เพราะตนก็จะดำเนินการให้มีการเรียกร้องค่าเสียหาย จากทางบริษัทฯอย่างแน่นอนว่าไม่เป็นไปตามสเปกที่ระบุไว้

ส่วนที่มีการอ้างสัญญาว่า ถ้ามีการแกะเครื่องออกมาทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบนั้น เราก็ไม่ต้องให้บริษัทฯมารับผิดชอบเครื่องที่เปิดพิสูจน์ เรามีตั้งหลายร้อยเครื่อง แต่ในต่างประเทศ เขาก็เปิดเครื่องกันออกมาแล้ว แต่ข้อถกเถียงก็ไม่จบ ในเรื่องการใช้ได้และใช้ไม่ได้ เพราะความรู้เรื่องนี้มันจะไม่ชัดเจน บริษัทก็อ้างได้ว่าไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า ใช้ได้เพราะอะไร เพราะฉะนั้นหลักการทดสอบที่เป็นอยู่ และต่างประเทศก็ใช้ก็เป็นหลักการเดียว กับที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ได้ดำเนินการไป ว่าการมี หรือไม่มีเครื่องมือ มีความแตกต่างและมีนัยยะสำคัญทางสถิติหรือไม่ ซึ่งผลการทดสอบคำตอบคือ ไม่มี

เมื่อถามว่า รมว.กลาโหมบอกกับนายกฯหรือไม่ว่าจะใช้วิธีการ หรือรูปแบบใดหลังไม่มีการใช้เครื่องจีที 200 นายกฯ กล่าวว่า เขาจะต้องไปดำเนินการ วันนี้ต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่คุ้นกับการมีเครื่องจีที 200 มานานพอสมควร และยังมีความเชื่อมั่นว่าใช้ได้
ส่วนที่เว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องจีที 200 เขียนบทความว่า การทดสอบของ ประเทศไทยไม่น่าเชื่อถือ นายกฯกล่าวว่า เขาอ้างด้วยว่ามีการทดสอบที่อื่น ก็ไม่ทราบว่ามีที่ไหนอ้างอิง เวลานี้ความจริงแล้วบริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่าย จะต้องทำหน้าที่ ถ้าเขายังยืนยันว่าถูกต้อง

นายกฯยังกล่าวถึงการจัดซื้อเครื่องจีที 200 ว่ามีการดำเนินการมาหลายปีต่อเนื่อง และหลักของการจัดซื้อ ก็มีการระบุความต้องการเฉพาะในพื้นที่ก็จะดำเนินการจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนจะเป็นเรื่องการทุจริตหรือไม่นั้น ต้องรอรายงานผลสรุปมาก่อน ซึ่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็สามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว

***รอนายกฯไฟเขียวให้DSIร่วมสอบ

ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบสัญญาจัดซื้อเครื่องจีที 200 ในราคาแพงแต่ผลการตรวจสอบพบการทำงานไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรว่า จะเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือว่าจะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าไปร่วมตรวจสอบหรือไม่ หากดีเอสไอได้เข้าไปตรวจสอบจะดูแลในทุกด้าน ทั้งในส่วนเนื้อหาของสัญญาจัดซื้อ ราคา และวัตถุประสงค์ของการจัดซื้อ

**ยันจีที 200 ไร้ประสิทธิภาพ

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบเครื่องตรวจสารเสพติด รุ่น อัลฟา 6 ว่า จะใช้วิธีการเดียวกันกับการตรวจสอบเครื่อง จีที 200 เพราะเป็นวิธีการตรวจสอบที่หลายฝ่ายเห็นด้วย เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม ที่เห็นชอบในเรื่องสถานที่ และสารที่จะตรวจ รวมถึงบุคคลที่จะมาถือเครื่องอัลฟา 6 ซึ่งในการตรวจสอบจะใช้ระบบเดิม เหมือนกับการตรวจเครื่อง จีที 200 ที่ตรงตามหลักสากล หลักวิทยาศาตร์ และหลักสถิติ เพียงแต่เจ้าของเครื่อง ต้องหาบุคคลที่จะมาทดสอบ สารที่จะทดสอบ และสถานที่ หากได้ครบ 3 อย่าง ก็สามารถที่จะกำหนดการทดสอบ แต่ก็ต้องขอเวลาเตรียมการ

**หมอพรทิพย์ ยันใช้จีที 200 ในจชต.

แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวขณะตรวจพื้นที่ใน อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ถึงการใช้งานเครื่อง จีที 200 ว่า ในฐานะที่เราได้ใช้เงินงบประมาณหลวงในการซื้อเครื่องและรู้ว่าเครื่องมีข้อจำกัด แต่เรายังยืนยันการใช้

“แต่เราจะใช้ด้วยความระมัดระวังและจะใช้เฉพาะแต่ภารกิจที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายถึงคนอื่น พูดง่ายๆ คือเป็นการพิสูจน์ทราบเบื้องต้น เพื่อให้พื้นที่เป้า หมายมันแคบลงจากนั้นเราจึงใช้เครื่องมือพิเศษ ซึ่งเป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์ คือไฟโด้แอ๊คแพ๊คและไออ้อนสะแกนมาตรวจสอบต่อ ฉะนั้น หลักฐานที่ได้ก็ได้จากเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ จีที. 200” แพทย์หญิงกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น