ในวันประชุมพนักงานที่อาคารสำนักงานธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ วันนั้นสมหวังไม่ได้อยู่ด้วย
เขาออกจากบ้านในกรุงเทพฯ รู้สึกหิว จึงจอดรถข้างทางแวะกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อวัว โดยสั่งเกาเหลาน้ำใสหนึ่งชาม ข้าวหนึ่งถ้วย
เขากินอย่างเอร็ดอร่อย..... จนกระทั่งไม่กี่นาทีต่อมา ตัดมาที่อาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ
....เกริกเกียรติกล่าว
“เราพูดกันทุกวันว่า ธนาคารมีปัญหา แต่เราก็แก้ปัญหาได้สำเร็จ แม้จะไม่ได้บ้าง แต่กับพยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้”
เกริกเกียรติเปลี่ยนน้ำเสียง แล้วเขาก็ทุบโต๊ะดัง “ปัง”.....เป็น “ปัง” เดียวกันกับลูกกระสุน.38 ที่วิ่งตรงเข้าเจาะแสกหน้าเสี่ยสมหวัง เขาตายคาที่หน้าทิ่มจมอยู่บนชามก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นที่กำลังเคี้ยวคาอยู่ในปากก่อนหน้านี้ มีรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซวิ่งมาจอด และมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูก้าวลงมาอย่างช้าๆ จ้องมองสมหวังด้วยสายตาคับแค้น เขาเดินเข้ามาใกล้ พอสมหวังเงยหน้าขึ้น เขาเอี้ยวตัวนิดเดียว แล้วก็เหนี่ยวไกปืนยิงเพียงนัดเดียว สมหวังตายคาที่
ดูเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้ร้อนรนจะออกจากที่เกิดเหตุ เขาเดินขึ้นรถเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด อีกคนหนึ่งซึ่งขับรถอยู่ก็พาเขาออกไป รถวิ่งเลี้ยวตรงแยกข้างหน้ากลับไปทางเดิม....เวลาที่ถูกยิง 12.03 น. สถานที่ร้านย่งฮะ(เจ้าเก่า) มีคนนั่งรับประทานอาหารอยู่ 2-3 โต๊ะ พวกที่นั่งใกล้โต๊ะของสมหวังเป็นผู้ชาย 2 คน หญิง 1 คน ทุกคนเห็นเหตุการณ์ใกล้ชิดเห็นหน้าคนยิง แล้วเห็นรถยนต์ด้วย แต่ให้การไม่ตรงกัน
ตำรวจท้องที่มาถึงเสี่ยสมหวังเป็นศพอยู่สภาพน่าอนาถ ตำรวจไม่ได้สนใจ แต่เรียกเจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ้งที่มาถึงก่อนใครเพื่อนมาเก็บศพไป
“ใครเห็นเหตุการณ์บ้าง” โต๊ะติดกันลุกขึ้นบอกตำรวจ ตำรวจเชิญตัวไปโรงพัก ไม่ต้องการให้วุ่นวายที่ร้าน เพราะเถ้าแก่บอกได้เวลาที่ลูกค้าจะมามากเป็นพิเศษ ที่โรงพักตำรวจซักถามพยานคนแรก
“ผมเห็นเด็กผู้ชายอายุคง 18 ปี เดินช้ามากมาถึงก็ยิงคนตายเลยครับ”
คนต่อมาเป็นผู้หญิง
“ดิฉันเห็นรถฮอนด้า คิดว่ารุ่นแจ๊ซสีขาวนะค่ะ ทะเบียนหนูจำไม่ได้มาจอดก็คิดว่าคงมากินก๋วยเตี๋ยวเหมือนพวกเรา แต่มารู้อีกทีก็ยิงกันแล้วค่ะ แล้วเห็นเขาเดินกลับไปที่รถเลย”
คนที่สามเป็นชาย
“พี่ครับ คนที่เดินเข้ามาไม่ได้ยิงหรอกครับ เขาเอี้ยวตัวเพื่อให้เป็นวิถีกระสุนปืนที่เขาถือก็ขนาดไม่ใช่ .38 แน่ๆ คนยิงมันอยู่ในรถ ผมเห็นเขากดกระจกข้างลงแล้วยิงโดยประทับยืนไว้ขอบประตู มันตรงมาที่หน้าผู้ตายในระดับเดียวกัน มันถึงได้แม่นราวจับวาง ผมนะเห็นกับตาเลยครับ ไอ้เพื่อนผมน่ะมันใส่แว่นวันนั้นก็เสือกถอดแว่น สายตามันสั้นข้างเอียงข้าง มันเห็นไม่ชัดเท่าผมหรอกครับ”
สองทฤษฎีเพราะทฤษฎีของผู้หญิงซึ่งไม่ได้เห็นการยิงโดนตัดออกไป น่าสนใจ
วันรุ่งขึ้นมีข่าวพาดหัว
“ยิงนักธุรกิจร้อยล้านคาที่เหตุชิงสาวแบงก์บีบีซี ฆ่าเลือดเย็นคาชามก๋วยเตี๋ยว ตำรวจได้เบาะแสแล้ว”
ตำรวจได้เบาะแสจริงๆ จึงตามมาที่บ้านของภิภพที่อยู่วิภาวดีฯ 60 ในหมู่บ้านสวนบางเขน เป็นบ้านหลังใหญ่สร้างไว้หลายปีแล้ว เมื่อเปิดเข้าไปก็ตะลึง เพราะภายในบริวณมีลำธารเล็กๆ เลาะผ่านใต้ถุนบ้าน สวนดอกไม้ประดับแพรวพราวด้วยสีสันงดงาม
ตำรวจต้องกดลิฟต์ขึ้นได หลังจากไปตรวจดูรถฮอนด้า แจ๊ซสีขาว ซึ่งคาดว่าเป็นรถคันที่ขับไปที่เกิดเหตุ ลิฟต์ไปหยุดที่ชั้น 3 และพบกับคุณภิภพพร้อมบุตรชายรออยู่ก่อนแล้ว
“เชิญครับ คุณตำรวจ”
“สวัสดีครับ ผม ร.ต.ท.วาณิช รถฮอนด้าสีขาวของท่านหรือของลูกท่านครับ”
“จดทะเบียนเป็นชื่อผม ลูกผมอยู่เมืองนอก ผมซื้อไว้ให้ก่อนเขากลับได้อาทิตย์เดียว รถป้ายแดง”
“ใช้งานนานหรือยัง”
“วิ่งไปได้ไม่ถึง 25 กิโลเท่านั้นเองครับ”
“อ้อ” ร.ต.ท.วาณิช ชะงัก เขาเปิดสมุดบันทึกดูระยะทางแค่วิ่งจากวิภาวดีฯ ไปสุดถนนก็ไม่ต่ำกว่า 30 กิโลเมตร เกินกว่าเข็มกิโลที่รถแจ๊ซที่จอดไว้ ถ้ารวมจากถนนวิภาวดีฯ ไปที่เกิดเหตุอย่างต่ำต้องมี 70-90 กว่ากิโลเมตร
“เป็นไปไม่ได้” เขารำพึงออกมา
มันดังพอที่ภิภพจะถามขึ้น
“คุณว่าอะไรน่ะ....”
“เปล่าผมกำลังถามว่า ทำไมจึงใช้รถน้อยจัง”
“อ๋อ... คือรถตอนซื้อนั้นไม่ได้ใช้ชื่อลูกชายผมน่ะ เขาซื้อชอกแอบซอบเบอร์ที่บ้านเราเรียกโชคอัพมาใหม่มาคู่หนึ่ง.... หรือแกซื้อมาครบชุด”
“ผมซื้อมาครบชุดพ่อ แต่ฮอนด้าบอกลองใส่ชุดข้างหลังดูก่อน ถ้าผมพอใจก็ใช้ไปก่อน ถ้าใช้ไปสักพักมาใส่คู่หน้าได้”
ร.ต.ท.วาณิชเข้าใจว่า รถที่ใช้คงไม่ใช่แน่ น่าจะใช้รถคันสีเดียวกัน แต่ถ้าลูกชายภิภพเป็นคนลงมือ เขาก็ไม่น่าใช่ เด็กขนาดนี้มาจากเมืองนอกใหม่ๆ ไม่รู้จักผู้ตาย และก็ไม่น่าจะใช้ปืนหรือยิงแม่นขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ แต่เขาต้องสืบให้รู้ความจริงหลังนายตำรวจขอตัวกลับ ภิภพก็กล่าวกับลูกว่า
“เดี๋ยวแกรอก่อน เรามีเรื่องต้องคุยกัน แกมันใจร้อน ทำอะไรควรบอกพ่อก่อน เรามีคนนะ อีกอย่าง ยังไม่รู้ว่าพี่สาวแกตายหรือยัง”
“พ่อ... กี่วันแล้ว เกือบจะเดือนแล้ว ป่านนี้พี่ผมตายไปนานแล้ว ไอ้นั่นนะมันฆ่าไปแล้ว ยังมีหน้ามาปล่อยข่าวเท็จอีก”
“แล้วแกไปยิงกับใคร”
“ผมไปยิงกับเพื่อน.... แต่ไม่ใช่นัดเดียวนะ ดูดีๆ เถอะ รูเดียวแต่ 2 กระสุนเข้าที่เดียวกัน ผมกับเพื่อนน่ะซื้อมาที่สนามยิงปืนของกรมตำรวจมาเป็นร้อยเป็นพันนัดแล้ว ระยะยิงก็ห่างแค่ 2-3 เมตร”
หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวอะไรอีก ตำรวจมืดแปดด้าน ธนาคารยืนยันว่า หลังจากที่ญาติของสมหวังขอติดต่อขอรับเงินส่วนที่ฝากไว้ทั้งที่สำนักงานใหญ่ และหากยังมีค้างที่สาขาจังหวัดเชียงรายก็ขอคืนทั้งหมดโดยให้ปิดบัญชี ยังไม่ทันติดตามเงินได้ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การก็ปิดดำเนินการตามคำสั่งของธนาคารแห่งประเทศไทยเสียก่อน...
ลูกน้อง 3-4 คน ของเสี่ยสมหวัง คนหนึ่งหนีออกไปพม่า โดยไม่รู้ว่าบิดามยุรีเป็นคนกว้างขวางที่นั่น เขาถูกจับได้ในป่าถูกทรมานอยู่อาทิตย์แล้วโดนฆ่าอย่างเลือดเย็น
อีกคนหนึ่งถูกยิงตายกลางตลาดสดที่จังหวัดนครสวรรค์ โดยเด็กอายุ 15 ปี มีเหตุวิวาทกับเพื่อนคู่อริ ตำรวจว่าถูกลูกหลง แต่แท้จริงแล้วเด็กคนนั้นจงใจฆ่าเขา
คนสุดท้ายเจ็บแสบที่สุดเป็นคนขับรถที่ลวงมยุรีออกจากธนาคารที่เชียงราย คนนี้หนีอยู่ได้ถึง 2 ปี มาโผล่ที่อำนาจเจริญ อุบลราชธานีเพื่อเยี่ยมมารดา ถูกจับตัวไปที่จังหวัดเชียงราย โดนลอกคราบหมดตัว เขาถูกแก้ผ้าและให้ม้าลากไปตามถนนในเมืองท่ามกลางคนมุงดูจำนวนมาก หลังจากนั้นไอ้หมอนี่ถูกนำไปกดน้ำจนตาย (อ่านต่อวันพฤหัสฯ หน้า)
เขาออกจากบ้านในกรุงเทพฯ รู้สึกหิว จึงจอดรถข้างทางแวะกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อวัว โดยสั่งเกาเหลาน้ำใสหนึ่งชาม ข้าวหนึ่งถ้วย
เขากินอย่างเอร็ดอร่อย..... จนกระทั่งไม่กี่นาทีต่อมา ตัดมาที่อาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ
....เกริกเกียรติกล่าว
“เราพูดกันทุกวันว่า ธนาคารมีปัญหา แต่เราก็แก้ปัญหาได้สำเร็จ แม้จะไม่ได้บ้าง แต่กับพยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้”
เกริกเกียรติเปลี่ยนน้ำเสียง แล้วเขาก็ทุบโต๊ะดัง “ปัง”.....เป็น “ปัง” เดียวกันกับลูกกระสุน.38 ที่วิ่งตรงเข้าเจาะแสกหน้าเสี่ยสมหวัง เขาตายคาที่หน้าทิ่มจมอยู่บนชามก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นที่กำลังเคี้ยวคาอยู่ในปากก่อนหน้านี้ มีรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซวิ่งมาจอด และมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูก้าวลงมาอย่างช้าๆ จ้องมองสมหวังด้วยสายตาคับแค้น เขาเดินเข้ามาใกล้ พอสมหวังเงยหน้าขึ้น เขาเอี้ยวตัวนิดเดียว แล้วก็เหนี่ยวไกปืนยิงเพียงนัดเดียว สมหวังตายคาที่
ดูเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้ร้อนรนจะออกจากที่เกิดเหตุ เขาเดินขึ้นรถเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด อีกคนหนึ่งซึ่งขับรถอยู่ก็พาเขาออกไป รถวิ่งเลี้ยวตรงแยกข้างหน้ากลับไปทางเดิม....เวลาที่ถูกยิง 12.03 น. สถานที่ร้านย่งฮะ(เจ้าเก่า) มีคนนั่งรับประทานอาหารอยู่ 2-3 โต๊ะ พวกที่นั่งใกล้โต๊ะของสมหวังเป็นผู้ชาย 2 คน หญิง 1 คน ทุกคนเห็นเหตุการณ์ใกล้ชิดเห็นหน้าคนยิง แล้วเห็นรถยนต์ด้วย แต่ให้การไม่ตรงกัน
ตำรวจท้องที่มาถึงเสี่ยสมหวังเป็นศพอยู่สภาพน่าอนาถ ตำรวจไม่ได้สนใจ แต่เรียกเจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ้งที่มาถึงก่อนใครเพื่อนมาเก็บศพไป
“ใครเห็นเหตุการณ์บ้าง” โต๊ะติดกันลุกขึ้นบอกตำรวจ ตำรวจเชิญตัวไปโรงพัก ไม่ต้องการให้วุ่นวายที่ร้าน เพราะเถ้าแก่บอกได้เวลาที่ลูกค้าจะมามากเป็นพิเศษ ที่โรงพักตำรวจซักถามพยานคนแรก
“ผมเห็นเด็กผู้ชายอายุคง 18 ปี เดินช้ามากมาถึงก็ยิงคนตายเลยครับ”
คนต่อมาเป็นผู้หญิง
“ดิฉันเห็นรถฮอนด้า คิดว่ารุ่นแจ๊ซสีขาวนะค่ะ ทะเบียนหนูจำไม่ได้มาจอดก็คิดว่าคงมากินก๋วยเตี๋ยวเหมือนพวกเรา แต่มารู้อีกทีก็ยิงกันแล้วค่ะ แล้วเห็นเขาเดินกลับไปที่รถเลย”
คนที่สามเป็นชาย
“พี่ครับ คนที่เดินเข้ามาไม่ได้ยิงหรอกครับ เขาเอี้ยวตัวเพื่อให้เป็นวิถีกระสุนปืนที่เขาถือก็ขนาดไม่ใช่ .38 แน่ๆ คนยิงมันอยู่ในรถ ผมเห็นเขากดกระจกข้างลงแล้วยิงโดยประทับยืนไว้ขอบประตู มันตรงมาที่หน้าผู้ตายในระดับเดียวกัน มันถึงได้แม่นราวจับวาง ผมนะเห็นกับตาเลยครับ ไอ้เพื่อนผมน่ะมันใส่แว่นวันนั้นก็เสือกถอดแว่น สายตามันสั้นข้างเอียงข้าง มันเห็นไม่ชัดเท่าผมหรอกครับ”
สองทฤษฎีเพราะทฤษฎีของผู้หญิงซึ่งไม่ได้เห็นการยิงโดนตัดออกไป น่าสนใจ
วันรุ่งขึ้นมีข่าวพาดหัว
“ยิงนักธุรกิจร้อยล้านคาที่เหตุชิงสาวแบงก์บีบีซี ฆ่าเลือดเย็นคาชามก๋วยเตี๋ยว ตำรวจได้เบาะแสแล้ว”
ตำรวจได้เบาะแสจริงๆ จึงตามมาที่บ้านของภิภพที่อยู่วิภาวดีฯ 60 ในหมู่บ้านสวนบางเขน เป็นบ้านหลังใหญ่สร้างไว้หลายปีแล้ว เมื่อเปิดเข้าไปก็ตะลึง เพราะภายในบริวณมีลำธารเล็กๆ เลาะผ่านใต้ถุนบ้าน สวนดอกไม้ประดับแพรวพราวด้วยสีสันงดงาม
ตำรวจต้องกดลิฟต์ขึ้นได หลังจากไปตรวจดูรถฮอนด้า แจ๊ซสีขาว ซึ่งคาดว่าเป็นรถคันที่ขับไปที่เกิดเหตุ ลิฟต์ไปหยุดที่ชั้น 3 และพบกับคุณภิภพพร้อมบุตรชายรออยู่ก่อนแล้ว
“เชิญครับ คุณตำรวจ”
“สวัสดีครับ ผม ร.ต.ท.วาณิช รถฮอนด้าสีขาวของท่านหรือของลูกท่านครับ”
“จดทะเบียนเป็นชื่อผม ลูกผมอยู่เมืองนอก ผมซื้อไว้ให้ก่อนเขากลับได้อาทิตย์เดียว รถป้ายแดง”
“ใช้งานนานหรือยัง”
“วิ่งไปได้ไม่ถึง 25 กิโลเท่านั้นเองครับ”
“อ้อ” ร.ต.ท.วาณิช ชะงัก เขาเปิดสมุดบันทึกดูระยะทางแค่วิ่งจากวิภาวดีฯ ไปสุดถนนก็ไม่ต่ำกว่า 30 กิโลเมตร เกินกว่าเข็มกิโลที่รถแจ๊ซที่จอดไว้ ถ้ารวมจากถนนวิภาวดีฯ ไปที่เกิดเหตุอย่างต่ำต้องมี 70-90 กว่ากิโลเมตร
“เป็นไปไม่ได้” เขารำพึงออกมา
มันดังพอที่ภิภพจะถามขึ้น
“คุณว่าอะไรน่ะ....”
“เปล่าผมกำลังถามว่า ทำไมจึงใช้รถน้อยจัง”
“อ๋อ... คือรถตอนซื้อนั้นไม่ได้ใช้ชื่อลูกชายผมน่ะ เขาซื้อชอกแอบซอบเบอร์ที่บ้านเราเรียกโชคอัพมาใหม่มาคู่หนึ่ง.... หรือแกซื้อมาครบชุด”
“ผมซื้อมาครบชุดพ่อ แต่ฮอนด้าบอกลองใส่ชุดข้างหลังดูก่อน ถ้าผมพอใจก็ใช้ไปก่อน ถ้าใช้ไปสักพักมาใส่คู่หน้าได้”
ร.ต.ท.วาณิชเข้าใจว่า รถที่ใช้คงไม่ใช่แน่ น่าจะใช้รถคันสีเดียวกัน แต่ถ้าลูกชายภิภพเป็นคนลงมือ เขาก็ไม่น่าใช่ เด็กขนาดนี้มาจากเมืองนอกใหม่ๆ ไม่รู้จักผู้ตาย และก็ไม่น่าจะใช้ปืนหรือยิงแม่นขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ แต่เขาต้องสืบให้รู้ความจริงหลังนายตำรวจขอตัวกลับ ภิภพก็กล่าวกับลูกว่า
“เดี๋ยวแกรอก่อน เรามีเรื่องต้องคุยกัน แกมันใจร้อน ทำอะไรควรบอกพ่อก่อน เรามีคนนะ อีกอย่าง ยังไม่รู้ว่าพี่สาวแกตายหรือยัง”
“พ่อ... กี่วันแล้ว เกือบจะเดือนแล้ว ป่านนี้พี่ผมตายไปนานแล้ว ไอ้นั่นนะมันฆ่าไปแล้ว ยังมีหน้ามาปล่อยข่าวเท็จอีก”
“แล้วแกไปยิงกับใคร”
“ผมไปยิงกับเพื่อน.... แต่ไม่ใช่นัดเดียวนะ ดูดีๆ เถอะ รูเดียวแต่ 2 กระสุนเข้าที่เดียวกัน ผมกับเพื่อนน่ะซื้อมาที่สนามยิงปืนของกรมตำรวจมาเป็นร้อยเป็นพันนัดแล้ว ระยะยิงก็ห่างแค่ 2-3 เมตร”
หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวอะไรอีก ตำรวจมืดแปดด้าน ธนาคารยืนยันว่า หลังจากที่ญาติของสมหวังขอติดต่อขอรับเงินส่วนที่ฝากไว้ทั้งที่สำนักงานใหญ่ และหากยังมีค้างที่สาขาจังหวัดเชียงรายก็ขอคืนทั้งหมดโดยให้ปิดบัญชี ยังไม่ทันติดตามเงินได้ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การก็ปิดดำเนินการตามคำสั่งของธนาคารแห่งประเทศไทยเสียก่อน...
ลูกน้อง 3-4 คน ของเสี่ยสมหวัง คนหนึ่งหนีออกไปพม่า โดยไม่รู้ว่าบิดามยุรีเป็นคนกว้างขวางที่นั่น เขาถูกจับได้ในป่าถูกทรมานอยู่อาทิตย์แล้วโดนฆ่าอย่างเลือดเย็น
อีกคนหนึ่งถูกยิงตายกลางตลาดสดที่จังหวัดนครสวรรค์ โดยเด็กอายุ 15 ปี มีเหตุวิวาทกับเพื่อนคู่อริ ตำรวจว่าถูกลูกหลง แต่แท้จริงแล้วเด็กคนนั้นจงใจฆ่าเขา
คนสุดท้ายเจ็บแสบที่สุดเป็นคนขับรถที่ลวงมยุรีออกจากธนาคารที่เชียงราย คนนี้หนีอยู่ได้ถึง 2 ปี มาโผล่ที่อำนาจเจริญ อุบลราชธานีเพื่อเยี่ยมมารดา ถูกจับตัวไปที่จังหวัดเชียงราย โดนลอกคราบหมดตัว เขาถูกแก้ผ้าและให้ม้าลากไปตามถนนในเมืองท่ามกลางคนมุงดูจำนวนมาก หลังจากนั้นไอ้หมอนี่ถูกนำไปกดน้ำจนตาย (อ่านต่อวันพฤหัสฯ หน้า)