ASTVผู้จัดการรายวัน - เสธ.แดง รายวัน! ขู่ถึงคิว “ครม.มาร์ค” ระวังตัวเสื้อแดงเอาคืนแน่ “ยิงเขาได้ เขาก็ยิงกลับได้” ด้าน ก.ยุติธรรมสั่งDSI สอบเส้นทางแชร์ลูกโซ่โยงท่อน้ำเลี้ยงการเมือง วอร์รูม ปชป.จับพิรุธ 3 เส้นทางเงิน “บ่อนชายแดน-บริษัทบังหน้า-เว็บหมิ่นสถาบันที่ถูกปิด
วานนี้ (12 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีวอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยชื่อย่อและแจงเส้นทางท่อน้ำเลี้ยงการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงว่า ตนไม่ทราบตัวย่อเหล่านี้ แต่ต้องติดตามเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาล และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการกุข่าวขึ้นมา เพราะเมื่อมีเบาะแสเข้ามาก็ต้องติดตามดูเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งก็มีเบาะแสหลายรูปแบบ ส่วนจะได้ความชัดเจนเมื่อไรนั้น อยู่ที่การดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเขาก็พยายามทำอยู่
ส่วนที่มีข่าวว่ามีการซ่องสุมเตรียมกำลังเอาคนไปฝึกอาวุธในต่างจังหวัดนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็กำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ ซึ่งพบว่ามีความเคลื่อนไหว แต่คงไม่ถึงขนาดไประบุชัดเจนว่ามีการฝึกอาวุธ
เมื่อถามว่าสถานการณ์ช่วงนี้ถือว่าเข้มข้นขึ้นหรือไม่ เพราะใกล้จะถึงวันพิจารณาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 26 ก.พ.นี้แล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้เราคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว และเป็นเหตุผลที่เราได้ซักซ้อมขั้นตอนการทำงานเรียบร้อย แต่จะยังไม่มีการประกาศพรก.ฉุกเฉินฯล่วงหน้า เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย ส่วนจะใช้กฎหมายระดับไหนนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
เมื่อถามว่าฝ่ายความมั่นคงได้เตรียมเจ้าหน้าที่ไว้ถึง 200 จุด น่าจะคาดการณ์ได้ว่ามีเหตุรุนแรงแน่ นายกฯ กล่าวว่า บังเอิญที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหว เชิญชวนผ่านสื่อบางประเภทค่อนข้างมาก เราก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำเสื้อแดง มีการพูดถึงองค์คณะผู้พิพากษาอีกครั้งหนึ่ง จะมีการเพิ่มรปภ. ผู้พิพากษาอีกหรือไม่ เพราะเหมือนเป็นการข่มขู่ คุกคาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีการประสานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็ขอให้องค์คณะผู้พิพากษามีความมั่นใจในการทำหน้าที่ของท่าน
"จริงๆ แล้วเรื่องนี้ฝ่ายค้าน วันก่อนก็มาตั้งกระทู้ถาม กล่าวหาว่าผมไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ขอยืนยันว่า ไม่มีเลย แต่การข่มขู่ คุกคามองค์คณะผู้พิพากษาอย่างนี้เป็นสิ่งที่เราไม่ควรจะยอมรับ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายยึดถือกติกาที่ถูกต้อง คือให้กระบวนการยุติธรรมมีความเป็นอิสระในการที่จะดำเนินการไป" นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่าจะมีการดูแลพื้นที่อย่างไร เพราะมีข่าวว่าจะให้ ส.ส.ระดมพลเข้ามาให้ได้ 1 ล้านคน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงได้มีการประชุมจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่ต่าง ๆ ในแง่ของความเข้มข้นของการเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งได้เตรียมแผนไว้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนที่ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ได้เสนอให้นายกฯ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยเฉพาะนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายละเอียดข้อเสนอนี้ แต่ก็ยินดีได้รับฟัง
**สอบแชร์ลูกโซ่ท่อน้ำเลี้ยงโยงการเมือง
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลการโอนดังกล่าวแล้ว เนื่องจากความผิดต่อพระราชบัญญัติแลกเปลี่ยนเงินตรา เป็นความผิดแนบท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งได้กำชับว่าความผิดในลักษณะที่มีเงินผิดปกติถูกโอนเข้ามาในประเทศเกิดขึ้นเป็นระยะ อาจเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง จึงขอให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบทั้งระบบ โดยดีเอสไอจะทำงานร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยเฉพาะตรวจสอบธุรกิจแชร์ลูกโซ่และการกระทำผิดทุกรูปแบบ หลังมีข่าวว่า มีการนำเงินมาสนับสนุนความเคลื่อนไหวทางการเมือง
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบเรื่องเส้นทางการโอนเงินจากต่างประเทศเข้ามาเพื่อใช้ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงแล้ว โดยมี พ.อ.สุรศักดิ์ ณ ลำปาง ผู้บังคับการสำนักงานเทคโนโลยีและศูนย์ตรวจสอบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน โดยจะทำการสอบสวนในส่วนของเงินที่เข้าสู่ภายในประเทศที่ไม่ถูกต้อง โดยจะเริ่มงานทันที
ทั้งนี้ พ.อ.สมศักดิ์ เคยรับหน้าที่หาตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับรถเลขทะเบียน สษ 1785 ที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับคดียิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ มาแล้ว
**ปชป.จับพิรุธ 3 เส้นทางเงินหนุนม็อบ
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความผิดปกติของเส้นทางการเงินที่มีการไหลเข้าสู่ประเทศไทย มี 3 วิธี คือ
1. เข้าสู่เส้นทางการเงินที่มีการลำเลียงในระหว่างการเลือกตั้งคือ ผ่านแนวรอยต่อชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้เครือข่ายทางการเมืองขนเงินเข้ามา ในลักษณะดังกล่าวเห็นว่ามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ และเป็นเงินที่ได้มาจากการฟอกในบ่อนการพนันที่อยู่ชายแดนติดประเทศไทย
2. เข้ามาในลักษณะโพยก๊วน กล่าวคือ ทำโดยผ่านทางธุรกรรมของกลุ่มบริษัท ที่เรียกว่า เป็นบริษัทบังหน้า และทำธุรกรรมในลักษณะซื้อมาขายไป ที่มีสินค้าในลักษณะนำเข้าและส่งออก โดยมูลค่าเงินก็มีการตกแต่งบัญชี เพื่อที่จะเข้ามาสู่เครือข่ายการสนับสนุนเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในช่วงนี้
3 . เข้ามาทางการโอนเงินระหว่างประเทศที่เรียกว่า "ฟอร์เล็คทรานเฟอร์" ซึ่งเส้นทางการเงินส่วนนี้ก็เป็นเส้นทางการเงินที่รัฐบาลได้รับความร่วมมือตามข้อตกลง ทั้งอนุสัญญาว่าด้วยการให้ความร่วมมือในคดีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน และกรอบความร่วมมือในเรื่องของอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีการรับรองทั้งในกรอบของอาเซียน และในกรอบของเครือข่ายการฟอกเงินระหว่างประเทศ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวด้วยว่า ทั้งสองส่วนนี้มีความผิดปกติ 3 ลักษณะคือ 1. การโอนเงินเกินจำนวนที่กฎหมายควบคุมไว้ พบว่ามีการหลบเลี่ยงในส่วนนี้โดยการใช้บัญชีธุรกรรมที่อยู่วงเงินจำนวน แต่มีที่มาจากหลายบัญชีที่มีส่วนเชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งบัญชีดังกล่าวนั้นอยู่ในรายการการเฝ้าระวังการขนถ่ายเงินมาก่อนหน้านี้แล้ว
2. เงินที่มาโดยไม่ปรากฏที่มาชัดเจน โดยเงินเหล่านี้มาจากบริษัทนอมินี คือเป็นบริษัทที่ไม่ปรากฏว่า ผู้ถือหุ้นคือใคร และเป็นเครือข่าย ที่ขณะนี้มีการประสานงานเพื่อดูเส้นทางการทำธุรกรรมว่า บริษัทเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่
3. เงินที่ไหลเข้าสู่บัญชีที่เคยมีการติดตามตรวจสอบในอดีต ที่ปรากฏอยู่ในต่างประเทศ แต่มีการเชื่อมโยงกับบริษัทที่ให้คอมพิวเตอร์ต่อเครือข่ายที่ถูกปิดในอดีต เพราะเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ ที่มีเนื้อหาในลักษณะโจมตี และหมิ่นสถาบันฯ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ทั้งหมดนั้น กรอบความร่วมมือดังกล่าวได้รับความร่วมมือ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทยโดยตรง เรื่องนี้ไม่สามารถลงในรายละเอียดว่า เข้าสู่บัญชีผู้ใด เพราะอยู่ระหว่างการสอบสวน และขยายผล แต่ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าว รัฐบาลก็ทำภายในกรอบกฎหมายภายในประเทศ และกรอบข้อตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศทุกประการ และเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องทำ ทั้งนี้ การที่เงินเหล่านี้จะถูกใช้เป็นทรัพยากร การสนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเตรียมการเพื่อก่อความไม่สงบภายในประเทศต่อไป ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการขยายผล และรัฐบาลก็จะรายงานความคืบหน้าให้ประชนรับทราบ ตามข้อเท็จจริงต่อไป
ขณะที่ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติหน้าที่รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องความสับสนในการออกมาให้ข่าวของรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์ และตัวรักษาการโฆษกฯ ว่า เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน ต้องใช้เวลา มีหลายหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง และเป็นเรื่องในทางปฏิบัติ จึงอยากให้หน่วยงานต่างๆ ทำงานโดยที่ไม่มีแรงกดดัน และเป็นการทำงานตามหน้าที่เท่านั้น
**เสื้อแดงแฉป๋าเปรมรับเงินต่างชาติ
สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ที่ปิดการจราจรหน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ตั้งแต่แยกสวนมิสกวัน ถึงแยกพาณิชยการทำให้รถติดหนักตั้งแต่เช้ามาจนถึงหัวค่ำ โดยคนเสื้อแดงได้ยุติการชุมนุมและสลายตัวไปในเวลา 18.30น. โดยแกนนำเสื้อแดงได้กล่าวโจมตี คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในข้อมูลเดิมๆ
ช่วงบ่ายนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงการข่าวท่อน้ำเลี้ยงว่า กลุ่มคนเสื้อแดงไม่รับเงินจากต่างประเทศเพื่อเป็นท่อน้ำเลี้ยงในการเคลื่อนไหวตามที่ถูกกล่าวหา และเห็นว่าเป็นการพยายามสร้างข่าวเท็จของรัฐบาล และยืนยันว่าตนมีหลักฐานชัดเจนว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ รับเงินจากกลุ่มทุนเอกชนรายใหญ่ของประเทศ จำนวนหลายล้านบาท โดยจะนำหลักฐานมาแสดงภายใน 1-2 วันนี้ และท้าให้รัฐบาลสั่งการดีเอสไอ และปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน
ส่วนการชุมนุมอีกครั้งยังไม่กำหนดวันเวลาว่าจะก่อนหรือหลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ แต่ในวันที่ 15 ก.พ.จะไปชุมนุมที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และวันพุธ ที่ 18 ก.พ.จะหารือกันว่า จะไปชุมนุม บริเวณหน้าสำนักงานธนาคารกรุงเทพ สาขาใหญ่ หรือไม่
**"เพื่อไทย"ขอดูหลักฐานเส้นทางเงิน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถือว่าเป็นการโหมไฟความขัดแย้ง และรัฐบาลจะใช้อ้างเป็นเหตุในการใช้กำลังเข้าสกัดกั้นการชุมนุมของประชาชน และนำไปสู่การประกาศใช้กฎหมายพิเศษ ทั้งนี้ยังท้าให้นายอภิสิทธิ์ และนายปณิธาน นำหลักฐานเส้นทางการเงินมาเปิดเผย และจะไปยื่นหนังสือทวงถาม และขอดูหลักฐานที่ทำเนียบรัฐบาลในวันจันทร์ที่ 15 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น.
ด้านนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในวันที่ 17 ก.พ.นี้ คณะกรรมาธิการฯจะเชิญนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และนายปณิธาน เข้าชี้แจงโดยจะขอดูหลักฐานในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเรื่องนี้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ
**“เสธ.แดง”ขู่ “ครม.มาร์ค”
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกหรือเสธ.แดง กล่าวยืนยันว่า ไม่มีใครส่งเงิน เพื่อเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กลุ่มเสื้อแดง ขอให้ไปดูเลยว่า มีการเก็บเงินลงขันคนละ 50-100 บาท เพื่อตีตั๋วเป็นค่ารถ ค่าโรงแรมให้เสธ.แดง ไปปราศรัยในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งถือเป็นขอยืนยันได้ดี และขอให้ไปพิสูจน์ได้ เพราะตอนนี้ประชาชนภาคเหนือและอีสานเข้าใจหมดแล้ว จึงออกมาต่อสู้กับระบบอำมาตย์ ระบบ 2 มาตรฐาน และระบอบประชาธิปไตย และที่เขาออกมาไม่ได้ต่อสู้เพื่อเงิน 7.6 หมื่นล้านของพ.ต.ท.ทักษิณ และไม่ได้กดดันศาล แต่ประชาชนรับไม่ได้กับกระบวนการยุติธรรม เพราะความจริงคดีหนึ่งต้องใช้เวลาถึง 7-8 ปีในการพิจารณา และเป็นศาลเดียวที่ได้รับเงินแบ่งจากการพิพากษาคดี
พล.ต.ขัตติยะ แฉอีกว่า หัวใจสำคัญ คือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้ทหารออกมายิงประชาชนเมื่อช่วงเดือนเมษายนปี 52 เมื่อเขารู้ว่า ครม.เป็นผู้สั่งให้ทหารยิง เขาจึงมีความโกรธแค้น ดังนั้นขณะนี้นายกรัฐมนตรี และครม.ทั้ง.35 คนถือว่า ตกอยู่ในอันตรายเท่ากับศาล และเขาจะออกมาล้างตา หลังจากที่มีการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น เพราะเกรงว่า หากออกมาก่อนพิจารณาคดีจะหาว่า ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ
“หากรัฐบาลจะให้เสื้อแดงสลายจะต้องยุติบทบาท หันมาจับมือเพื่อสร้างความสมานฉันท์ และเลือกตั้งภายใน 90 วัน โดยไม่ต้องไปสนระบบอำมาตย์ เพราะหากเสื้อแดงจะบุกไปตามบ้านครม.ระบบอำมาตย์ก็ควบคุมหรือช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเมื่อยิงเขาได้ เขาก็ยิงกลับได้เหมือนกัน ตอนนี้ถือว่า อันตรายมาก และผู้บังคับกองพันที่ยิงเขา เสื้อแดงเขาก็รู้หมดว่า บ้านอยู่ที่ไหน ดังนั้นอาจถูกเอาคืนได้ ”พล.ต.ขัตติยะ กล่าว.
วานนี้ (12 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีวอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยชื่อย่อและแจงเส้นทางท่อน้ำเลี้ยงการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงว่า ตนไม่ทราบตัวย่อเหล่านี้ แต่ต้องติดตามเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาล และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการกุข่าวขึ้นมา เพราะเมื่อมีเบาะแสเข้ามาก็ต้องติดตามดูเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งก็มีเบาะแสหลายรูปแบบ ส่วนจะได้ความชัดเจนเมื่อไรนั้น อยู่ที่การดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเขาก็พยายามทำอยู่
ส่วนที่มีข่าวว่ามีการซ่องสุมเตรียมกำลังเอาคนไปฝึกอาวุธในต่างจังหวัดนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็กำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ ซึ่งพบว่ามีความเคลื่อนไหว แต่คงไม่ถึงขนาดไประบุชัดเจนว่ามีการฝึกอาวุธ
เมื่อถามว่าสถานการณ์ช่วงนี้ถือว่าเข้มข้นขึ้นหรือไม่ เพราะใกล้จะถึงวันพิจารณาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 26 ก.พ.นี้แล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้เราคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว และเป็นเหตุผลที่เราได้ซักซ้อมขั้นตอนการทำงานเรียบร้อย แต่จะยังไม่มีการประกาศพรก.ฉุกเฉินฯล่วงหน้า เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย ส่วนจะใช้กฎหมายระดับไหนนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
เมื่อถามว่าฝ่ายความมั่นคงได้เตรียมเจ้าหน้าที่ไว้ถึง 200 จุด น่าจะคาดการณ์ได้ว่ามีเหตุรุนแรงแน่ นายกฯ กล่าวว่า บังเอิญที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหว เชิญชวนผ่านสื่อบางประเภทค่อนข้างมาก เราก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำเสื้อแดง มีการพูดถึงองค์คณะผู้พิพากษาอีกครั้งหนึ่ง จะมีการเพิ่มรปภ. ผู้พิพากษาอีกหรือไม่ เพราะเหมือนเป็นการข่มขู่ คุกคาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีการประสานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็ขอให้องค์คณะผู้พิพากษามีความมั่นใจในการทำหน้าที่ของท่าน
"จริงๆ แล้วเรื่องนี้ฝ่ายค้าน วันก่อนก็มาตั้งกระทู้ถาม กล่าวหาว่าผมไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ขอยืนยันว่า ไม่มีเลย แต่การข่มขู่ คุกคามองค์คณะผู้พิพากษาอย่างนี้เป็นสิ่งที่เราไม่ควรจะยอมรับ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายยึดถือกติกาที่ถูกต้อง คือให้กระบวนการยุติธรรมมีความเป็นอิสระในการที่จะดำเนินการไป" นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่าจะมีการดูแลพื้นที่อย่างไร เพราะมีข่าวว่าจะให้ ส.ส.ระดมพลเข้ามาให้ได้ 1 ล้านคน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงได้มีการประชุมจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่ต่าง ๆ ในแง่ของความเข้มข้นของการเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งได้เตรียมแผนไว้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนที่ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ได้เสนอให้นายกฯ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยเฉพาะนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายละเอียดข้อเสนอนี้ แต่ก็ยินดีได้รับฟัง
**สอบแชร์ลูกโซ่ท่อน้ำเลี้ยงโยงการเมือง
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลการโอนดังกล่าวแล้ว เนื่องจากความผิดต่อพระราชบัญญัติแลกเปลี่ยนเงินตรา เป็นความผิดแนบท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งได้กำชับว่าความผิดในลักษณะที่มีเงินผิดปกติถูกโอนเข้ามาในประเทศเกิดขึ้นเป็นระยะ อาจเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง จึงขอให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบทั้งระบบ โดยดีเอสไอจะทำงานร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยเฉพาะตรวจสอบธุรกิจแชร์ลูกโซ่และการกระทำผิดทุกรูปแบบ หลังมีข่าวว่า มีการนำเงินมาสนับสนุนความเคลื่อนไหวทางการเมือง
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบเรื่องเส้นทางการโอนเงินจากต่างประเทศเข้ามาเพื่อใช้ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงแล้ว โดยมี พ.อ.สุรศักดิ์ ณ ลำปาง ผู้บังคับการสำนักงานเทคโนโลยีและศูนย์ตรวจสอบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน โดยจะทำการสอบสวนในส่วนของเงินที่เข้าสู่ภายในประเทศที่ไม่ถูกต้อง โดยจะเริ่มงานทันที
ทั้งนี้ พ.อ.สมศักดิ์ เคยรับหน้าที่หาตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับรถเลขทะเบียน สษ 1785 ที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับคดียิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ มาแล้ว
**ปชป.จับพิรุธ 3 เส้นทางเงินหนุนม็อบ
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความผิดปกติของเส้นทางการเงินที่มีการไหลเข้าสู่ประเทศไทย มี 3 วิธี คือ
1. เข้าสู่เส้นทางการเงินที่มีการลำเลียงในระหว่างการเลือกตั้งคือ ผ่านแนวรอยต่อชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้เครือข่ายทางการเมืองขนเงินเข้ามา ในลักษณะดังกล่าวเห็นว่ามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ และเป็นเงินที่ได้มาจากการฟอกในบ่อนการพนันที่อยู่ชายแดนติดประเทศไทย
2. เข้ามาในลักษณะโพยก๊วน กล่าวคือ ทำโดยผ่านทางธุรกรรมของกลุ่มบริษัท ที่เรียกว่า เป็นบริษัทบังหน้า และทำธุรกรรมในลักษณะซื้อมาขายไป ที่มีสินค้าในลักษณะนำเข้าและส่งออก โดยมูลค่าเงินก็มีการตกแต่งบัญชี เพื่อที่จะเข้ามาสู่เครือข่ายการสนับสนุนเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในช่วงนี้
3 . เข้ามาทางการโอนเงินระหว่างประเทศที่เรียกว่า "ฟอร์เล็คทรานเฟอร์" ซึ่งเส้นทางการเงินส่วนนี้ก็เป็นเส้นทางการเงินที่รัฐบาลได้รับความร่วมมือตามข้อตกลง ทั้งอนุสัญญาว่าด้วยการให้ความร่วมมือในคดีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน และกรอบความร่วมมือในเรื่องของอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีการรับรองทั้งในกรอบของอาเซียน และในกรอบของเครือข่ายการฟอกเงินระหว่างประเทศ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวด้วยว่า ทั้งสองส่วนนี้มีความผิดปกติ 3 ลักษณะคือ 1. การโอนเงินเกินจำนวนที่กฎหมายควบคุมไว้ พบว่ามีการหลบเลี่ยงในส่วนนี้โดยการใช้บัญชีธุรกรรมที่อยู่วงเงินจำนวน แต่มีที่มาจากหลายบัญชีที่มีส่วนเชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งบัญชีดังกล่าวนั้นอยู่ในรายการการเฝ้าระวังการขนถ่ายเงินมาก่อนหน้านี้แล้ว
2. เงินที่มาโดยไม่ปรากฏที่มาชัดเจน โดยเงินเหล่านี้มาจากบริษัทนอมินี คือเป็นบริษัทที่ไม่ปรากฏว่า ผู้ถือหุ้นคือใคร และเป็นเครือข่าย ที่ขณะนี้มีการประสานงานเพื่อดูเส้นทางการทำธุรกรรมว่า บริษัทเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่
3. เงินที่ไหลเข้าสู่บัญชีที่เคยมีการติดตามตรวจสอบในอดีต ที่ปรากฏอยู่ในต่างประเทศ แต่มีการเชื่อมโยงกับบริษัทที่ให้คอมพิวเตอร์ต่อเครือข่ายที่ถูกปิดในอดีต เพราะเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ ที่มีเนื้อหาในลักษณะโจมตี และหมิ่นสถาบันฯ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ทั้งหมดนั้น กรอบความร่วมมือดังกล่าวได้รับความร่วมมือ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทยโดยตรง เรื่องนี้ไม่สามารถลงในรายละเอียดว่า เข้าสู่บัญชีผู้ใด เพราะอยู่ระหว่างการสอบสวน และขยายผล แต่ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าว รัฐบาลก็ทำภายในกรอบกฎหมายภายในประเทศ และกรอบข้อตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศทุกประการ และเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องทำ ทั้งนี้ การที่เงินเหล่านี้จะถูกใช้เป็นทรัพยากร การสนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเตรียมการเพื่อก่อความไม่สงบภายในประเทศต่อไป ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการขยายผล และรัฐบาลก็จะรายงานความคืบหน้าให้ประชนรับทราบ ตามข้อเท็จจริงต่อไป
ขณะที่ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติหน้าที่รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องความสับสนในการออกมาให้ข่าวของรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์ และตัวรักษาการโฆษกฯ ว่า เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน ต้องใช้เวลา มีหลายหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง และเป็นเรื่องในทางปฏิบัติ จึงอยากให้หน่วยงานต่างๆ ทำงานโดยที่ไม่มีแรงกดดัน และเป็นการทำงานตามหน้าที่เท่านั้น
**เสื้อแดงแฉป๋าเปรมรับเงินต่างชาติ
สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ที่ปิดการจราจรหน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ตั้งแต่แยกสวนมิสกวัน ถึงแยกพาณิชยการทำให้รถติดหนักตั้งแต่เช้ามาจนถึงหัวค่ำ โดยคนเสื้อแดงได้ยุติการชุมนุมและสลายตัวไปในเวลา 18.30น. โดยแกนนำเสื้อแดงได้กล่าวโจมตี คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในข้อมูลเดิมๆ
ช่วงบ่ายนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงการข่าวท่อน้ำเลี้ยงว่า กลุ่มคนเสื้อแดงไม่รับเงินจากต่างประเทศเพื่อเป็นท่อน้ำเลี้ยงในการเคลื่อนไหวตามที่ถูกกล่าวหา และเห็นว่าเป็นการพยายามสร้างข่าวเท็จของรัฐบาล และยืนยันว่าตนมีหลักฐานชัดเจนว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ รับเงินจากกลุ่มทุนเอกชนรายใหญ่ของประเทศ จำนวนหลายล้านบาท โดยจะนำหลักฐานมาแสดงภายใน 1-2 วันนี้ และท้าให้รัฐบาลสั่งการดีเอสไอ และปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน
ส่วนการชุมนุมอีกครั้งยังไม่กำหนดวันเวลาว่าจะก่อนหรือหลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ แต่ในวันที่ 15 ก.พ.จะไปชุมนุมที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และวันพุธ ที่ 18 ก.พ.จะหารือกันว่า จะไปชุมนุม บริเวณหน้าสำนักงานธนาคารกรุงเทพ สาขาใหญ่ หรือไม่
**"เพื่อไทย"ขอดูหลักฐานเส้นทางเงิน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถือว่าเป็นการโหมไฟความขัดแย้ง และรัฐบาลจะใช้อ้างเป็นเหตุในการใช้กำลังเข้าสกัดกั้นการชุมนุมของประชาชน และนำไปสู่การประกาศใช้กฎหมายพิเศษ ทั้งนี้ยังท้าให้นายอภิสิทธิ์ และนายปณิธาน นำหลักฐานเส้นทางการเงินมาเปิดเผย และจะไปยื่นหนังสือทวงถาม และขอดูหลักฐานที่ทำเนียบรัฐบาลในวันจันทร์ที่ 15 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น.
ด้านนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในวันที่ 17 ก.พ.นี้ คณะกรรมาธิการฯจะเชิญนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และนายปณิธาน เข้าชี้แจงโดยจะขอดูหลักฐานในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเรื่องนี้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ
**“เสธ.แดง”ขู่ “ครม.มาร์ค”
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกหรือเสธ.แดง กล่าวยืนยันว่า ไม่มีใครส่งเงิน เพื่อเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กลุ่มเสื้อแดง ขอให้ไปดูเลยว่า มีการเก็บเงินลงขันคนละ 50-100 บาท เพื่อตีตั๋วเป็นค่ารถ ค่าโรงแรมให้เสธ.แดง ไปปราศรัยในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งถือเป็นขอยืนยันได้ดี และขอให้ไปพิสูจน์ได้ เพราะตอนนี้ประชาชนภาคเหนือและอีสานเข้าใจหมดแล้ว จึงออกมาต่อสู้กับระบบอำมาตย์ ระบบ 2 มาตรฐาน และระบอบประชาธิปไตย และที่เขาออกมาไม่ได้ต่อสู้เพื่อเงิน 7.6 หมื่นล้านของพ.ต.ท.ทักษิณ และไม่ได้กดดันศาล แต่ประชาชนรับไม่ได้กับกระบวนการยุติธรรม เพราะความจริงคดีหนึ่งต้องใช้เวลาถึง 7-8 ปีในการพิจารณา และเป็นศาลเดียวที่ได้รับเงินแบ่งจากการพิพากษาคดี
พล.ต.ขัตติยะ แฉอีกว่า หัวใจสำคัญ คือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้ทหารออกมายิงประชาชนเมื่อช่วงเดือนเมษายนปี 52 เมื่อเขารู้ว่า ครม.เป็นผู้สั่งให้ทหารยิง เขาจึงมีความโกรธแค้น ดังนั้นขณะนี้นายกรัฐมนตรี และครม.ทั้ง.35 คนถือว่า ตกอยู่ในอันตรายเท่ากับศาล และเขาจะออกมาล้างตา หลังจากที่มีการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น เพราะเกรงว่า หากออกมาก่อนพิจารณาคดีจะหาว่า ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ
“หากรัฐบาลจะให้เสื้อแดงสลายจะต้องยุติบทบาท หันมาจับมือเพื่อสร้างความสมานฉันท์ และเลือกตั้งภายใน 90 วัน โดยไม่ต้องไปสนระบบอำมาตย์ เพราะหากเสื้อแดงจะบุกไปตามบ้านครม.ระบบอำมาตย์ก็ควบคุมหรือช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเมื่อยิงเขาได้ เขาก็ยิงกลับได้เหมือนกัน ตอนนี้ถือว่า อันตรายมาก และผู้บังคับกองพันที่ยิงเขา เสื้อแดงเขาก็รู้หมดว่า บ้านอยู่ที่ไหน ดังนั้นอาจถูกเอาคืนได้ ”พล.ต.ขัตติยะ กล่าว.