ASTVผู้จัดการรายวัน – บิ๊กธอส.เผยประชุมนัดแรกวันนี้ (17) ต่อไม่ต่อมาตรการอสังหาฯ เหตุเกี่ยวข้องเศรษฐกิจมหภาค สุดท้ายอยู่ที่รมต.คลังตัดสินใจ ระบุรัฐไม่สามารถช่วยได้ตลอด แถมผู้ได้รับอานิสงส์คือกลุ่ม รีไฟแนนซ์ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการซื้อขายบ้าน
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส. ) กล่าวว่าในฐานะที่ปรึกษาของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี จะมีการประชุมหารือ เรื่องการต่อหรือไม่ต่อมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งแรกในวันนี้ 17 ก.พ. นี้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจมหภาค และเชื่อว่าหากต่ออายุมาตรการภาษีฯออกไปอีกจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
อย่างไรก็ตาม การที่ภาครัฐบาลจะช่วยเหลือไปตลอดนั้นคงไม่ได้ เพราะจะทำให้ขาดรายได้จำนวนมาก นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการดังกล่าว คือ กลุ่มที่ปรับโครงสร้างเงินกู้ (รีไฟแนนซ์) ที่จะได้ประโยชน์จากการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง แต่ไม่ได้เกิดผลผลิตหรือการซื้อขายบ้านในภาคอสังหาฯมากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการไม่ได้สร้างที่อยู่อาศัยใหม่
“เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ในส่วนธอส. เท่านั้น หากนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังถามความเห็นมา ธอส.จะมีการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ประกอบการในนามของสมาคมอสังหาฯได้ยื่นเรื่องไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ต่ออายุมาตรการอสังหาริมทรัพย์ออกไปอีก 1 ปีแล้ว และต้องรอฟังจากกระทรวงการคลัง โดยแนวทางอาจจะต่อ ไม่ต่อ หรืออาจต่อเฉพาะบางมาตรการ มองได้สองทางทั้งช้าและเร็ว หากไม่ต่อก็เชื่อว่า ตัวเลขยอดขายและยอดสินเชื่อของแบงก์ในช่วงสิ้นไตรมาสแรก จะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเพราะผู้ซื้อจะเร่งโอนเพื่อรับมาตรการ “ นายขรรค์กล่าว
นายขรรค์ ยังได้กล่าวถึงกรณี ที่ธนาคารได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินเงินฝาก ว่าเป็นไปตามนโยบายบริหารสภาพคล่องของธนาคาร เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้มีสภาพคล่องสูงถึง 90,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ ที่สูงหากเทียบกับสภาพคล่องในช่วงก่อนหน้าที่จะอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาทธนาคารจำเป็นต้องประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อเป็นการลดต้นทุนในการดำเนินงาน.
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส. ) กล่าวว่าในฐานะที่ปรึกษาของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี จะมีการประชุมหารือ เรื่องการต่อหรือไม่ต่อมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งแรกในวันนี้ 17 ก.พ. นี้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจมหภาค และเชื่อว่าหากต่ออายุมาตรการภาษีฯออกไปอีกจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
อย่างไรก็ตาม การที่ภาครัฐบาลจะช่วยเหลือไปตลอดนั้นคงไม่ได้ เพราะจะทำให้ขาดรายได้จำนวนมาก นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการดังกล่าว คือ กลุ่มที่ปรับโครงสร้างเงินกู้ (รีไฟแนนซ์) ที่จะได้ประโยชน์จากการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง แต่ไม่ได้เกิดผลผลิตหรือการซื้อขายบ้านในภาคอสังหาฯมากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการไม่ได้สร้างที่อยู่อาศัยใหม่
“เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ในส่วนธอส. เท่านั้น หากนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังถามความเห็นมา ธอส.จะมีการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ประกอบการในนามของสมาคมอสังหาฯได้ยื่นเรื่องไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ต่ออายุมาตรการอสังหาริมทรัพย์ออกไปอีก 1 ปีแล้ว และต้องรอฟังจากกระทรวงการคลัง โดยแนวทางอาจจะต่อ ไม่ต่อ หรืออาจต่อเฉพาะบางมาตรการ มองได้สองทางทั้งช้าและเร็ว หากไม่ต่อก็เชื่อว่า ตัวเลขยอดขายและยอดสินเชื่อของแบงก์ในช่วงสิ้นไตรมาสแรก จะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเพราะผู้ซื้อจะเร่งโอนเพื่อรับมาตรการ “ นายขรรค์กล่าว
นายขรรค์ ยังได้กล่าวถึงกรณี ที่ธนาคารได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินเงินฝาก ว่าเป็นไปตามนโยบายบริหารสภาพคล่องของธนาคาร เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้มีสภาพคล่องสูงถึง 90,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ ที่สูงหากเทียบกับสภาพคล่องในช่วงก่อนหน้าที่จะอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาทธนาคารจำเป็นต้องประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อเป็นการลดต้นทุนในการดำเนินงาน.