ศูนย์ข่าวขอนแก่น-น้องชาย “กมล เหล่าโสภาพันธ์”เครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชันซึ่งถูกอุ้มหายไปกว่า 2 ปี ขณะตามคดีบนโรงพักบ้านไผ่ ยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ค้านการแต่งตั้ง โยกย้ายตำรวจภาค 4 เผยบางนายอยู่ระหว่างร้องเรียนเกี่ยวพันคดีเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น หวั่นกระทบกระบวนการทำคดี ที่ต้องเริ่มต้นใหม่
กรณีการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของนายกมล เหล่าโสภาพันธ์ นักเคลื่อนไหวภาคประชาชน สมาชิกเครือข่ายภาคประชาชนต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ในค่อนดึกของคืนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 ขณะไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่บนสถานีตำรวจบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น แม้จะล่วงเลยมาร่วม 2 ปีเศษแล้ว แต่ยังเป็นที่กังขาของลูก-เมีย ญาติพี่น้องและคน ที่เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะในทางคดียังไม่มีความคืบหน้า
นายประเสริฐ เหล่าโสภาพันธ์ น้องชายนายกมล เปิดเผยว่า แม้จะยังไม่มีความคืบหน้าทางคดี แต่ญาติพี่น้องยังไม่สิ้นหวังที่จะได้พบเจอนายกมล แม้จะอยู่ในสภาพใดก็ตาม และหลังจากคดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)รับไปดูแลแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความหวังให้แก่คนในครอบครัว”เหล่าโสภาพันธ์” มากขึ้น เพราะคดีการหายตัวไปของพี่ชายค่อนข้างซับซ้อนมีบุคคลหลายกลุ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญได้หายตัวไปขณะอยู่บนโรงพักบ้านไผ่
อย่างไรก็ตาม นายประเสริฐกล่าวว่า ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตนได้ทำหนังสือถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านการโยกย้าย แต่งตั้งตำรวจ เพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตนเคยร้องเรียนหลายนายในจังหวัดขอนแก่นได้รับการปรับเปลี่ยนตำแหน่งที่สูงขึ้นไป โดยเฉพาะ พ.ต.อ. เนติพงศ์ ธาตุทำเล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านไผ่( ผกก.บ้านไผ่ ) ได้เลื่อนขั้นเป็น รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ( ผบก. ขอนแก่น)
สำหรับ พ.ต.อ. เนติพงศ์ ขณะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของ สภ.บ้านไผ่ เคยถูก นายกมล พี่ชายของตน แจ้งความไว้ ว่าจะดำเนินการกล่าวหา ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 และเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 นาย กมล ก็ได้ทำหนังสือเพื่อขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่กลับมาถูกอุ้มหาย ในคืนวันนั้น ซึ่งหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีตน ได้มอบไว้ที่ดีเอสไอ ซึ่งตนเห็นว่า หากมีการแต่งตั้งดังกล่าว จะเป็นอุปสรรคต่อการทำคดีนายกมลมากยิ่งขึ้น
“ดังนั้นอยากให้มีการตรวจสอบ เพื่อให้การแต่งตั้ง เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นไปด้วยความสุจริต ยุติธรรม เจ้าหน้าที่รัฐที่มีคดีความ ถูกแจ้งข้อหากล่าวโทษไม่สมควรได้รับการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายไปในตำแหน่งที่สูงขึ้น เพราะถือว่าข้อกล่าวหายังไม่มีการพิสูจน์”นายประเสริฐกล่าว และว่า
คดีการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของนายกมล ขณะติดต่อราชการอยู่บนโรงพักบ้านไผ่ยามวิกาล ตนเคยร้องเรียน ต่อสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช. ) พร้อมกับแจ้งความที่กองปราบปราม และ หน่วยงานอื่นๆของรัฐ และที่สำคัญดีเอสไอ ได้รับเรื่องการถูกอุ้มตัวของนายกมลเป็นคดีพิเศษ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการทางคดี ซึ่งตนก็ได้เรียกร้องตลอดมา ว่าขอให้พัก หรือ หยุดการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จนกว่าจะมีการดำเนินคดีหรือสอบสวนเสร็จสิ้น
สำหรับรายชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตนร้องเรียน เพื่อให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนจนกว่ากระบวนการสอบสวนทางคดีจะแล้วเสร็จ ประกอบด้วย 1. พล.ต.ต. ศักดา เตชะเกรียงไกร ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการจังหวัดขอนแก่น 2. พ.ต.อ. ฉลอง ภาคย์ภิญโญ รอง ผบก.ฯ ปรท. ผบก. ภ. จว. ขอนแก่น 3. พ.ต.อ. เนติพงศ์ ธาตุทำเล ผกก.บ้านไผ่ จว.ขอนแก่น 4. พ.ต.ท. พานิชย์ เชษฐสิงห์ รอง ผกก. สส. สภ. บ้านไผ่ จว. ขอนแก่น 5. พ.ต.ท. จำลักษณ์ ทุมพร พนักงานสอบสวน สภ. บ้านไผ่ จว. ขอนแก่น 6. พ.ต.ท. นิกูล จันโทสุทธิ์ พนักงานสอบสวนที่ปฎิบัติหน้าที่เวรในขณะนั้น
นายประเสริฐระบุว่า จนถึงขณะนี้ตนเชื่อว่านายกมล น่าจะได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตแล้ว โดยนายกมล เคยร้องเรียนเจ้าหน้าที่รัฐ ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ การทุจริตคอร์รัปชัน ฮั้วประมูลงานของหน่วยงานรัฐ การละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมาย และมีการร้องเรียนข้าราชการตำรวจหลายนาย ตนและครอบครัวหวั่นว่า คดีของนายกมลจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงอยากให้นายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีส่งเรื่องให้คณะกรรมการที่ ฯพณฯ แต่งตั้งตรวจสอบการโยกย้ายตำรวจเข้ามาดำเนินการในกรณีตามที่ร้องเรียนนี้ด้วย