นายอนันต์ มนัสชินอภิสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โลหะกิจ เม็ททอล จำกัด (มหาชน) หรือ LHK แจ้งผลการดำเนินงาน
งวดสิ้นปี 52 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 52 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 41.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 345.5 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 17.08 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของต้นทุนทางการเงินจากการบริหารการหมุนเวียนของวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพรวมไปถึงการลดลงของภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะบัญชีปัจจุบันจากการใช้ขาดทุนสุทธิทางภาษีของผลการประกอบการในรอบบัญชีที่ผ่านไป ค่าใช้จ่ายทางการเงินและภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง
นอกจากนี้บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิดีขึ้นสืบเนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้ชดเชยราคาขายตามราคาตลาดที่ลดลงเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ต้นทุนวัตถุดิบได้ปรับตัวตามราคาตลาด และการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไร โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงการลดภาระค่าใช้จ่ายทางการเงินและภาษีนิติบุคคล
ขณะที่รายได้สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 52 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการ 500.34 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มี 494.07 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นถึงแม้ว่าราคาขายโดยเฉลี่ยตามราคาตลาดจะต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปริมาณขายของท่อไอเสียในอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่มขึ้น ซึ่งรายได้จากการขายส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการขายในประเทศ
สำหรับต้นทุนขายส่วนใหญ่มาจากต้นทุนวัตถุดิบประเภทสเตนเลสรีดเย็นชนิดม้วนและแผ่น และสเตนเลสเกรดเฉพาะซึ่งทางบริษัทและบริษัทย่อยได้นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สเตนเลสประเภทต่าง ๆ ซึ่งงวดดังกล่าวบริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนขาย 441.23 ล้านบาท หรือ 86.10 % ของรายได้รวมเทียบกับปี 51 ที่มีต้นทุนขาย 488.45 ล้านบาท หรือ 97.23 % ของรายได้รวม ส่วนยอดขายที่เพิ่มขึ้นแต่ต้นทุนขายทลดลงอันเป็นผลจากราคาวัตถุดิบที่ลดลงและการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารขยับเพิ่มเล็กน้อย
งวดสิ้นปี 52 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 52 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 41.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 345.5 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 17.08 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของต้นทุนทางการเงินจากการบริหารการหมุนเวียนของวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพรวมไปถึงการลดลงของภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะบัญชีปัจจุบันจากการใช้ขาดทุนสุทธิทางภาษีของผลการประกอบการในรอบบัญชีที่ผ่านไป ค่าใช้จ่ายทางการเงินและภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง
นอกจากนี้บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิดีขึ้นสืบเนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้ชดเชยราคาขายตามราคาตลาดที่ลดลงเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ต้นทุนวัตถุดิบได้ปรับตัวตามราคาตลาด และการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไร โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงการลดภาระค่าใช้จ่ายทางการเงินและภาษีนิติบุคคล
ขณะที่รายได้สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 52 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการ 500.34 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มี 494.07 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นถึงแม้ว่าราคาขายโดยเฉลี่ยตามราคาตลาดจะต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปริมาณขายของท่อไอเสียในอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่มขึ้น ซึ่งรายได้จากการขายส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการขายในประเทศ
สำหรับต้นทุนขายส่วนใหญ่มาจากต้นทุนวัตถุดิบประเภทสเตนเลสรีดเย็นชนิดม้วนและแผ่น และสเตนเลสเกรดเฉพาะซึ่งทางบริษัทและบริษัทย่อยได้นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สเตนเลสประเภทต่าง ๆ ซึ่งงวดดังกล่าวบริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนขาย 441.23 ล้านบาท หรือ 86.10 % ของรายได้รวมเทียบกับปี 51 ที่มีต้นทุนขาย 488.45 ล้านบาท หรือ 97.23 % ของรายได้รวม ส่วนยอดขายที่เพิ่มขึ้นแต่ต้นทุนขายทลดลงอันเป็นผลจากราคาวัตถุดิบที่ลดลงและการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารขยับเพิ่มเล็กน้อย
