xs
xsm
sm
md
lg

ทางออกของความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในครั้งก่อนผมได้เขียนถึงความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลก (Global Imbalance) โดยได้กล่าวถึงความหมายว่าอาจเป็นความไม่สมดุลทางการค้าและ/หรือความไม่สมดุลทางการออมของประเทศ ทั้งยังได้กล่าวถึงข้อดีและข้อเสียของ Global Imbalance ซึ่งผมได้สรุปมาจากบทความของ IMF ที่เขียนโดย Olivier Blanchard และ Gian Maria Milesi-Ferretti ว่า Global Imbalance อาจมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็มีสำหรับประเทศที่มีเงินออมมากจะสามารถหาช่องทางในการลงทุนได้ หรือประเทศที่มีเงินออมน้อยก็สามารถพึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศได้ แต่เมื่อพูดถึงข้อเสียแล้วหากปล่อยให้เกิดขึ้นต่อเนื่องก็จะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจเกิดการบิดเบือนของระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ จนกลายเป็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและหากลุกลามต่อเนื่องก็อาจเป็นปัญหาของเศรษฐกิจโลกได้

นอกจากนี้ ในบทความฉบับเดียวกันยังได้กล่าวถึงทางออกหรือแนวทางการแก้ไขปัญหา Global Imbalance ที่อาจจะเกิดขึ้นที่ผมคิดว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่าน แต่ก่อนที่จะกล่าวในส่วนนั้นคงต้องกล่าวถึง Global Imbalance ที่สำคัญๆที่เราเห็นๆกันอยู่และกลายเป็นปัญหาต่อเนื่องในปัจจุบันและอนาคตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นประเด็นเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและการขาดดุลการคลังของสหรัฐฯ ประเด็นของการออมที่เพิ่มขึ้นมากของประเทศที่ส่งออกน้ำมันและจีน ปัญหาการลงทุนในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Market)ในเอเชีย การสะสมเงินสำรองระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ดังนั้น ถามว่าทางออกต่างๆของการแก้ไขปัญหา Global Imbalance จะเป็นอย่างไรได้บ้าง

กรณีแรก เป็นกรณีที่อยากจะให้เกิดขึ้นมากที่สุด คือ กรณีที่สหรัฐฯมีการลดการขาดดุลการคลัง การออมในจีนลดลง ค่าเงินหยวนปรับแข็งค่าขึ้นมีผลทำให้ประเทศจีนเกินดุลการค้าลดลง กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มีการปรับตัวหันมาพึ่งพิงเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้นและมีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ประเทศต่างๆมีการสะสมเงินสำรองระหว่างประเทศลดลง ในกรณีนี้ปัญหา Twin deficit ในสหรัฐฯจะปรับตัวดีขึ้น เศรษฐกิจสหรัฐฯจะปรับตัวดีขึ้น จีนและกลุ่มประเทศเกิดใหม่ส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้นเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจในประเทศ กรณีนี้จะทำให้ปัญหา Global Imbalance ลดลงและการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมีเสถียรภาพดีขึ้น

กรณีที่สอง เป็นกรณีที่ประเทศจีนหันมาพึ่งพิงเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้น แต่ไม่ปล่อยให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น ในขณะเดียวกันกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่นๆก็ใช้นโยบายค่าเงินในทิศทางเดียวกับจีนด้วย ซึ่งก็จะให้ประเทศเหล่านี้ยังคงเกินดุลการค้าอยู่ ในขณะเดียวกันสหรัฐฯยังคงใช้นโยบายการขาดดุลการคลังอย่างต่อเนื่อง ในกรณีนี้ระบบเศรษฐกิจยังคงมีความบิดเบือนและปัญหา Global Imbalance จะยิ่งขยายตัวต่อไปในระบบเศรษฐกิจโลก

กรณีที่สาม ในกรณีนี้ประเทศจีนและกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ไม่ยอมปล่อยให้ค่าเงินแข็งขึ้นเหมือนกับในกรณีที่สอง แต่สหรัฐฯมีการปรับลดการขาดดุลการคลังลง ซึ่งจะมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐฯและจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในโลก อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศที่มีการเตรียมการล่วงหน้าก็จะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาพึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น ผลของกรณีที่สามนี้ยังมีปัญหา Global Imbalance อยู่และเศรษฐกิจโลกโอกาสที่จะชะลอตัวลง

นอกจากนี้ ยังอาจเกิดกรณีอื่นๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้อีก เช่น หากการออมของภาคเอกชนในสหรัฐฯ ที่มีการคาดการณ์ว่าจะปรับตัวดีขึ้นกลับปรับตัวลดลงก็อาจจะเกิดผลต่อเศรษฐกิจโลกคล้ายคลึงกับกรณีที่สอง ปัญหา Imbalance ของเศรษฐกิจโลกไม่หยุดแม้ภาครัฐจะลดการใช้จ่ายแล้วก็ตาม หรืออาจจะเกิดกรณีที่การลงทุนในสหรัฐฯกลับมาเข้มแข็งทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยและเศรษฐกิจสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้น การลงทุนของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ปรับตัวดีขึ้น ประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ยอมปล่อยให้ค่าเงินของตนแข็งขึ้น ก็อาจจะทำให้ Global Imbalance ลดลงได้

ท่านผู้อ่านจะสังเกตได้ว่า ทางออกของปัญหา Global Imbalance มีได้หลากหลายกรณี ซึ่งเราก็ยังคาดไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นในกรณีไหน แต่ที่แน่ๆแต่ละกรณีจะมีนัยต่อประเทศไทยอย่างแน่นอน ดังนั้น ประเทศเล็กๆอย่างประเทศไทยต้องระมัดระวัง มีการเตรียมตัวและการติดตามแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถปรับตัวให้เกิดความเหมาะและมีการเติบโตที่เข้มแข็งต่อไป ทั้งนี้ จากทุกกรณีที่เป็นไปได้การพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศให้มากขึ้นเป็นคำตอบสุดท้ายครับ

surachit@gmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น