กมม.จี้ “เทพเทือก” ทบทวนตัวเอง “ยะใส” เชื่อมือระเบิด “พณิชย์พระนคร-ศาลฎีกา” กลุ่มเดียวกับมือยิงเอ็ม 79 ถล่ม บก.ทบ.-พันธมิตรฯ ชี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ระบุไม่ได้เพียงทำลายรัฐบาล แต่เป็นการทำลายประเทศไทยทั้งหมด แนะนายกฯใช้มาตรการพิเศษดูแล
วานนี้(14 ก.พ.) ที่พรรคการเมืองใหม่ ถ.พระสุเมรุ ย่านสะพานวันชาติ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคและนายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคฯร่วมแถลงท่าทีประจำสัปดาห์ของพรรค
นายสุริยะใส กล่าวถึงเหตุระเบิดที่บริเวณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพณิชยการพระนคร ซึ่งอยู่ใกล้ทำเนียบรัฐบาล และการลอบวางระเบิดใกล้สำนักงานศาลฎีกา ว่าน่าจะเป็นขบวนการเดียวกับคนที่ก่อเหตุยิงเอ็ม 79 ใส่กองบัญชาการทหารบก กระทรวงกลาโหม และเหตุยิงเอ็ม 79 ใส่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยแสดงว่า ต้องเป็นคนที่บงการด้วยอำนาจชนิดใดชนิดหนึ่ง จึงเชื่อว่าต้องเป็นคนมีสีเท่านั้นที่จะทำได้ ระเบิดครั้งนี้อาจหวังผลทางการเมือง โดยมุ่งสะสมสถานการณ์ไปจนถึงวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมุ่งหวังอะไร ตนขอประณามการกระทำดังกล่าว
“ขอฝากไปยัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นจุดที่ นายสุเทพ ต้องทบทวนตัวเอง เพราะเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำลายรัฐบาล แต่เป็นการทำลายประเทศไทยทั้งหมด หากรัฐบาลเห็นว่าประเทศยังมีทางออก รัฐบาลต้องจัดระเบียบงานด้านข่าวกรองใหม่”
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า หากแกนนำคนเสื้อแดงยึดมั่นแนวทางสันติวิธี ต้องชุมนุมหลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์ โดยควรปล่อยการตัดสินคดีเกิดขึ้นก่อน ทั้งนี้ หากตัดสินใจชุมนุมก่อนวันที่ 26 กุมภาพันธ์ จะเท่ากับมีความพยายามกดดันสถาบันตุลาการและพยายามผสมโรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สถานการณ์วันนี้แกนนำคนเสื้อแดง ควรยุติเงื่อนไขความรุนแรง เพราะหากการชุมนุมเกิดขึ้นแล้วไปสร้างเงื่อนไขความรุนแรงจะไม่เกิดประโยชน์อะไร และเมื่อถึงวันนั้นแกนนำคนเสื้อแดงจะปฏิเสธความรับผิดชอบใด ๆ ไม่ได้
“กรณีที่ต่างประเทศออกแถลงการณ์ห้ามไม่ให้คนของเขาเดินทางเข้ามาในช่วงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ถือเป็นเรื่องใหญ่ การเชิญทูตมาชี้แจงคงไม่พอ แต่จนนาทีนี้รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ยังคงมีวิธีปฏิบัติแบบเดิม ๆ แบบเก่า ๆ ทั้งที่เหตุการณ์เป็นสถานการณ์พิเศษมาตรการที่ดูแลต้องมีมาตรการพิเศษ เงื่อนไขรุนแรงแบบวันต่อวันแบบนี้แหล่ะ จะนำไปสู่การรัฐประหารในที่สุด” นายสุริยะใส กล่าว
เมื่อถามว่า หากใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จะช่วยได้หรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า ตนมองว่าสิ่งที่ฉุกเฉินและควรจัดระเบียบก่อน คือ เอกภาพของฝ่ายความมั่นคง ทั้งรัฐบาลและกองทัพต้องทบทวนพิจารณาตัวเองก่อน
**แนะรัฐบาลอย่าไว้ใจสถานการณ์
นายสำราญ กล่าวถึงสถานการณ์ทางด้านการเมือง และความมั่นคงโดยรวมว่า ยังน่าเป็นห่วง แม้เมื่อต้นเดือนก.พ.รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)จะประชุมวางแผนวางมาตรการรับมือสถานการณ์ ถึงขั้นนายกฯบอกว่าไม่ต้องมาประชุมกันอีกก็ตาม แต่เมื่อประเมินดูแล้วยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ นายกฯต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ว่า รัฐบาลต้องประเมินสถานการณ์ขณะนี้แบบวันต่อวัน
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่จะทำให้เกิดความรุนแรงขณะนี้มาจากฝ่ายที่กดดัน และต้องการล้มรัฐบาลซึ่งระบอบทักษิณและคนเสื้อแดงเป็นตัวนำ ขณะเดียวกันอาจมีมือที่สามหรือกลุ่มที่สามคอยผสมโรงอยู่ด้วย
พรรคการเมืองใหม่เห็นว่า การชุมนุมกดดันเพื่อให้รัฐบาลลาออก ยุบสภา ลำพังเพียงการชุมนุมโดยสันติจะไม่สามารถทำให้นายกฯยุบภาหรือลาออกได้ ยกเว้นสามารถนำมวลชนเรือนล้านมาชุมนุมได้จริง ๆ ดังนั้นเมื่อไม่บรรลุเป้าหมาย การชุมนุมจะยกระดับความรุนแรง ขณะที่มาตรการการระงับเหตุรุนแรงของรัฐบาลอาจถูกฝ่ายชุมนุมขยายผลให้เหตุการณ์บานปลาย
“แนวโน้มสถานการณ์หลังการพิพากษาคดี 7.6 หมื่นล้านบาท ยังจะเกิดความรุนแรงเพราะถึงอย่างไรทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่น่าจะยอมรับการตัดสินของศาล ความรุนแรงหลังวันที่ 26 ก.พ.อาจลงใต้ดินอาทิ การวางเพลิง การวางระเบิด วินาศกรรมและหลังจากนั้นนายกฯอาจตัดสินใจยุบสภาหรือไม่อาจเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในรูปแบบอื่น”
นายสำราญ กล่าวว่าขอแสดงความเห็นใจต่อกรณีที่นายกฯ ถูกคุกคามกดดันในรูปแบบต่าง ๆ ล่าสุดถูกรถแท็กซี่ขับรถปาดหน้าในขบวนรถเดินทาง ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่ส่งผลทางจิตวิทยาอย่างกว้างขวาง เพราะย่อมทำให้สังคมมองว่า ขณะนี้แม้แต่ตัวนายกฯก็ไม่ปลอดภัย โดย เรียกร้องรัฐบาลต้องประเมินความบกพร่องงานด้านการข่าว และเร่งกระชับปรับปรุงโดยเร่งด่วนให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ การข่าวที่แม่นยำถูกต้องสามารถนำมาระงับเหตุหรือตัดไฟแต่ต้นลมได้
“วันที่ 14ก.พ.นี้นายกฯบอกว่ารัฐบาลไม่เล่นกีฬาสีด้วย และไม่ว่าสีไหนไม่มีสิทธิ์อยู่เหนือกฎหมาย ซึ่งเป็นคำพูดที่ดูดี แต่จะดูดีจริงๆ ก็ต่อเมื่อรัฐบาลเข้มแข็ง บริหารบ้านเมืองให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นจริง จับคนร้าย ผู้ละเมิดกฎหมายมาดำเนินคดีได้จริง ๆ”
นายสำราญกล่าวว่าหากรัฐบาลพึงตระหนักว่าความขัดแย้งการต่อสู้ทางการเมืองในรอบนี้ มีเนื้อหามากกว่าการชุมนุมกดดันขับไล่รัฐบาล หากแต่ยังเดิมพันอนาคตประเทศ เดิมพันสถาบันสำคัญของชาติรวมอยู่ด้วย ดังนั้นรัฐบาลต้องเปลี่ยนวิธีคิดมุมมองในการแก้ปัญหา ไม่มุ่งเน้นที่จะแก้ปัญหารายวัน หรือคำนึงถึงแต่เสถียรภาพรัฐบาล รัฐบาลต้องผนึกกำลังกับประชาชนในการแก้ปัญหาชาติ โดยที่พรรคร่วมรัฐบาลเองก็ต้องเป็นเอกภาพ ไม่ใช่คอยแต่จะเล่นเกมการเมืองเมผลประโยชน์
**ชี้ทางตั้งผบ.ตร.ตัวจริง สางกระทรวงอื่น
นายสำราญกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้เวลาที่จะต้องแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ตัวจริงแล้ว แม้พรรคการเมืองใหม่จะเข้าใจถึงอุปสรรค – ข้อจำกัดของนายกรัฐมนตรีในการตั้งผบ.ตร. แต่การที่ปล่อยให้ตำแหน่งผบ.ตร.ตัวจริงว่างเว้นมาร่วม 5 เดือน ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลดำเนินไปด้วยความยากลำบาก เช่น เกิดปัญหาเกียร์ว่างในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกิดปัญหาการวิ่งเต้นในการแต่งตั้งโยกย้าย กลุ่มธุรกิจ กลุ่มการเมือง เข้าไปแทรกแซงในการแต่งตั้งโยกย้ายมากกว่าในยุคก่อน ๆ งานด้านความมั่นคง การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนน่าเป็นห่วง
พรรคการเมืองใหม่เห็นว่า ขณะนี้หรือหลังผ่านช่วงสงครามเสื้อแดง น่าจะเป็นช่วงเวลาที่นายกฯสามารถตัดสินใจโดยนายกฯในฐานประธานกตช.ต้องตัดสินใจตัวเลือกที่ดีที่สุด อาจจะเป็นตัวเลือกเดิม(พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ) หรือตัวใหม่ที่ดีและลงตัวที่สุดเท่าที่มี พรรคการเมืองใหม่สนับสนุนและเห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมการสอบสวนการซื้อขายตำแหน่งในบช.ภ.2และอีกบางกองบัญชาการ แต่เราเห็นว่าโดยแท้จริงแล้วยังไม่สามารถทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายโดยรวมดีขึ้นได้ ภาพลักษณ์นายกฯอาจจะดูดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงขยะหรือความเลวร้ายยังซุกอยู่ใต้พรมอีกมากมาย
นายสำราญ กล่าวว่า นอกจากนี้การแต่งตั้งโยกย้ายในอีกหลายกระทรวง ทบวงกรมก็มีการซื้อขาย วิ่งเต้นตำแหน่ง ควรที่นายฯและรัฐบาลจะได้สะสางหรือวางกรอบกติกา มาตรการที่จะป้องกันในระยะยาวด้วย
วานนี้(14 ก.พ.) ที่พรรคการเมืองใหม่ ถ.พระสุเมรุ ย่านสะพานวันชาติ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคและนายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคฯร่วมแถลงท่าทีประจำสัปดาห์ของพรรค
นายสุริยะใส กล่าวถึงเหตุระเบิดที่บริเวณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพณิชยการพระนคร ซึ่งอยู่ใกล้ทำเนียบรัฐบาล และการลอบวางระเบิดใกล้สำนักงานศาลฎีกา ว่าน่าจะเป็นขบวนการเดียวกับคนที่ก่อเหตุยิงเอ็ม 79 ใส่กองบัญชาการทหารบก กระทรวงกลาโหม และเหตุยิงเอ็ม 79 ใส่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยแสดงว่า ต้องเป็นคนที่บงการด้วยอำนาจชนิดใดชนิดหนึ่ง จึงเชื่อว่าต้องเป็นคนมีสีเท่านั้นที่จะทำได้ ระเบิดครั้งนี้อาจหวังผลทางการเมือง โดยมุ่งสะสมสถานการณ์ไปจนถึงวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมุ่งหวังอะไร ตนขอประณามการกระทำดังกล่าว
“ขอฝากไปยัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นจุดที่ นายสุเทพ ต้องทบทวนตัวเอง เพราะเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำลายรัฐบาล แต่เป็นการทำลายประเทศไทยทั้งหมด หากรัฐบาลเห็นว่าประเทศยังมีทางออก รัฐบาลต้องจัดระเบียบงานด้านข่าวกรองใหม่”
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า หากแกนนำคนเสื้อแดงยึดมั่นแนวทางสันติวิธี ต้องชุมนุมหลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์ โดยควรปล่อยการตัดสินคดีเกิดขึ้นก่อน ทั้งนี้ หากตัดสินใจชุมนุมก่อนวันที่ 26 กุมภาพันธ์ จะเท่ากับมีความพยายามกดดันสถาบันตุลาการและพยายามผสมโรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สถานการณ์วันนี้แกนนำคนเสื้อแดง ควรยุติเงื่อนไขความรุนแรง เพราะหากการชุมนุมเกิดขึ้นแล้วไปสร้างเงื่อนไขความรุนแรงจะไม่เกิดประโยชน์อะไร และเมื่อถึงวันนั้นแกนนำคนเสื้อแดงจะปฏิเสธความรับผิดชอบใด ๆ ไม่ได้
“กรณีที่ต่างประเทศออกแถลงการณ์ห้ามไม่ให้คนของเขาเดินทางเข้ามาในช่วงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ถือเป็นเรื่องใหญ่ การเชิญทูตมาชี้แจงคงไม่พอ แต่จนนาทีนี้รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ยังคงมีวิธีปฏิบัติแบบเดิม ๆ แบบเก่า ๆ ทั้งที่เหตุการณ์เป็นสถานการณ์พิเศษมาตรการที่ดูแลต้องมีมาตรการพิเศษ เงื่อนไขรุนแรงแบบวันต่อวันแบบนี้แหล่ะ จะนำไปสู่การรัฐประหารในที่สุด” นายสุริยะใส กล่าว
เมื่อถามว่า หากใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จะช่วยได้หรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า ตนมองว่าสิ่งที่ฉุกเฉินและควรจัดระเบียบก่อน คือ เอกภาพของฝ่ายความมั่นคง ทั้งรัฐบาลและกองทัพต้องทบทวนพิจารณาตัวเองก่อน
**แนะรัฐบาลอย่าไว้ใจสถานการณ์
นายสำราญ กล่าวถึงสถานการณ์ทางด้านการเมือง และความมั่นคงโดยรวมว่า ยังน่าเป็นห่วง แม้เมื่อต้นเดือนก.พ.รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)จะประชุมวางแผนวางมาตรการรับมือสถานการณ์ ถึงขั้นนายกฯบอกว่าไม่ต้องมาประชุมกันอีกก็ตาม แต่เมื่อประเมินดูแล้วยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ นายกฯต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ว่า รัฐบาลต้องประเมินสถานการณ์ขณะนี้แบบวันต่อวัน
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่จะทำให้เกิดความรุนแรงขณะนี้มาจากฝ่ายที่กดดัน และต้องการล้มรัฐบาลซึ่งระบอบทักษิณและคนเสื้อแดงเป็นตัวนำ ขณะเดียวกันอาจมีมือที่สามหรือกลุ่มที่สามคอยผสมโรงอยู่ด้วย
พรรคการเมืองใหม่เห็นว่า การชุมนุมกดดันเพื่อให้รัฐบาลลาออก ยุบสภา ลำพังเพียงการชุมนุมโดยสันติจะไม่สามารถทำให้นายกฯยุบภาหรือลาออกได้ ยกเว้นสามารถนำมวลชนเรือนล้านมาชุมนุมได้จริง ๆ ดังนั้นเมื่อไม่บรรลุเป้าหมาย การชุมนุมจะยกระดับความรุนแรง ขณะที่มาตรการการระงับเหตุรุนแรงของรัฐบาลอาจถูกฝ่ายชุมนุมขยายผลให้เหตุการณ์บานปลาย
“แนวโน้มสถานการณ์หลังการพิพากษาคดี 7.6 หมื่นล้านบาท ยังจะเกิดความรุนแรงเพราะถึงอย่างไรทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่น่าจะยอมรับการตัดสินของศาล ความรุนแรงหลังวันที่ 26 ก.พ.อาจลงใต้ดินอาทิ การวางเพลิง การวางระเบิด วินาศกรรมและหลังจากนั้นนายกฯอาจตัดสินใจยุบสภาหรือไม่อาจเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในรูปแบบอื่น”
นายสำราญ กล่าวว่าขอแสดงความเห็นใจต่อกรณีที่นายกฯ ถูกคุกคามกดดันในรูปแบบต่าง ๆ ล่าสุดถูกรถแท็กซี่ขับรถปาดหน้าในขบวนรถเดินทาง ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่ส่งผลทางจิตวิทยาอย่างกว้างขวาง เพราะย่อมทำให้สังคมมองว่า ขณะนี้แม้แต่ตัวนายกฯก็ไม่ปลอดภัย โดย เรียกร้องรัฐบาลต้องประเมินความบกพร่องงานด้านการข่าว และเร่งกระชับปรับปรุงโดยเร่งด่วนให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ การข่าวที่แม่นยำถูกต้องสามารถนำมาระงับเหตุหรือตัดไฟแต่ต้นลมได้
“วันที่ 14ก.พ.นี้นายกฯบอกว่ารัฐบาลไม่เล่นกีฬาสีด้วย และไม่ว่าสีไหนไม่มีสิทธิ์อยู่เหนือกฎหมาย ซึ่งเป็นคำพูดที่ดูดี แต่จะดูดีจริงๆ ก็ต่อเมื่อรัฐบาลเข้มแข็ง บริหารบ้านเมืองให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นจริง จับคนร้าย ผู้ละเมิดกฎหมายมาดำเนินคดีได้จริง ๆ”
นายสำราญกล่าวว่าหากรัฐบาลพึงตระหนักว่าความขัดแย้งการต่อสู้ทางการเมืองในรอบนี้ มีเนื้อหามากกว่าการชุมนุมกดดันขับไล่รัฐบาล หากแต่ยังเดิมพันอนาคตประเทศ เดิมพันสถาบันสำคัญของชาติรวมอยู่ด้วย ดังนั้นรัฐบาลต้องเปลี่ยนวิธีคิดมุมมองในการแก้ปัญหา ไม่มุ่งเน้นที่จะแก้ปัญหารายวัน หรือคำนึงถึงแต่เสถียรภาพรัฐบาล รัฐบาลต้องผนึกกำลังกับประชาชนในการแก้ปัญหาชาติ โดยที่พรรคร่วมรัฐบาลเองก็ต้องเป็นเอกภาพ ไม่ใช่คอยแต่จะเล่นเกมการเมืองเมผลประโยชน์
**ชี้ทางตั้งผบ.ตร.ตัวจริง สางกระทรวงอื่น
นายสำราญกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้เวลาที่จะต้องแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ตัวจริงแล้ว แม้พรรคการเมืองใหม่จะเข้าใจถึงอุปสรรค – ข้อจำกัดของนายกรัฐมนตรีในการตั้งผบ.ตร. แต่การที่ปล่อยให้ตำแหน่งผบ.ตร.ตัวจริงว่างเว้นมาร่วม 5 เดือน ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลดำเนินไปด้วยความยากลำบาก เช่น เกิดปัญหาเกียร์ว่างในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกิดปัญหาการวิ่งเต้นในการแต่งตั้งโยกย้าย กลุ่มธุรกิจ กลุ่มการเมือง เข้าไปแทรกแซงในการแต่งตั้งโยกย้ายมากกว่าในยุคก่อน ๆ งานด้านความมั่นคง การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนน่าเป็นห่วง
พรรคการเมืองใหม่เห็นว่า ขณะนี้หรือหลังผ่านช่วงสงครามเสื้อแดง น่าจะเป็นช่วงเวลาที่นายกฯสามารถตัดสินใจโดยนายกฯในฐานประธานกตช.ต้องตัดสินใจตัวเลือกที่ดีที่สุด อาจจะเป็นตัวเลือกเดิม(พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ) หรือตัวใหม่ที่ดีและลงตัวที่สุดเท่าที่มี พรรคการเมืองใหม่สนับสนุนและเห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมการสอบสวนการซื้อขายตำแหน่งในบช.ภ.2และอีกบางกองบัญชาการ แต่เราเห็นว่าโดยแท้จริงแล้วยังไม่สามารถทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายโดยรวมดีขึ้นได้ ภาพลักษณ์นายกฯอาจจะดูดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงขยะหรือความเลวร้ายยังซุกอยู่ใต้พรมอีกมากมาย
นายสำราญ กล่าวว่า นอกจากนี้การแต่งตั้งโยกย้ายในอีกหลายกระทรวง ทบวงกรมก็มีการซื้อขาย วิ่งเต้นตำแหน่ง ควรที่นายฯและรัฐบาลจะได้สะสางหรือวางกรอบกติกา มาตรการที่จะป้องกันในระยะยาวด้วย