ตาก- กุหลาบพบพระ บานสะพรั่งรับวันวาเลนไทน์-ตรุษจีน ล่าสุดราคาซื้อขายเริ่มพุ่งขึ้นถึง 7 เท่าจากปกติ แต่ก็ยังมียอดจอง-สั่งซื้อมากกว่า 2 ล้านดอก/วัน มั่นใจปีนี้เงินกระจายสู่เกษตรกรกว่า 30 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนถึงวันวาเลนไทน์และตรุษจีนปีนี้ การสั่งจองและซื้อ-ขาย ดอกกุหลาบ ในพื้นที่ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งเป็นแหล่งผลผลิตทางการเกษตรขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ค่อนข้างคึกคักมากเป็นพิเศษ โดยที่ไร่กุหลาบ ต่างๆ เกษตรกรเริ่มเร่งเพิ่ม – เก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อส่งไปยังตลาดต่างๆในกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด รวมถึงต่างประเทศทั้งสิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย ไต้หวัน ฮ่องกง ฯลฯ อย่างเต็มกำลัง ซึ่งในปี 2553 มีการสั่งจองดอกกุหลาบแดงจำนวนมาก โดยมีการทยอยส่งดอกกุหลาบไปยังตลาดทั่วประเทศในช่วงนี้เฉลี่ยวันละ 1-2 ล้านดอก มีรายได้กระจายในพื้นที่วันละหลายสิบล้านบาท
เจ้าของไร่กุหลาบรายหนึ่งของ อ.พบพระ จ.ตาก กล่าวว่า ในปี 2553 ราคาดอกกุหลาบจะมีราคาสูงขึ้นกว่าปีก่อนๆ เพราะปีนี้ถือว่าเศรษฐกิจดี พ่อค้าประชาชนมีเงินมากขึ้น ทำให้ยอดการสั่งจองจากพื้นที่ต่างๆทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ เพิ่มมากกว่าปีที่แล้ว ส่งผลทำให้ราคาพุ่งมากถึง 7 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงปกติ และในปีนี้โชคดีที่ต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ อากาศในพบพระ มีอุณหภูมิที่พอดีกับการเติบโตและออกดอกผลดีกับกุหลาบ ทำให้กำลังผลิต – การสั่งซื้อ เพิ่มขึ้นทันที 3 เท่า
เขาบอกว่า เมื่อต้นสัปดาห์ราคากุหลาบ เฉลี่ยจำหน่ายที่ราคาดอกละ 1.50 -2 บาทเท่านั้น แต่เมื่อใกล้วันวาเลนไทน์ ราคาจะสูงขึ้นถึงดอกละ 8 - 10 บาท โดยที่ขายดีที่สุดคือกุหลาบสีแดง
เกษตรกรชาวสวนกุหลาบอีกรายหนึ่งในพบพระ กล่าวว่า ปีนี้ต้องมีการเร่งผลผลิต เพราะยอดสั่งจองมีจำนวนมาก จากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และยิ่งวันวาเลนไทน์ ตรงกับวันตรุษจีน ทำให้กุหลาบขายดีเพิ่มขึ้น ในปีหน้าอาจจะต้องมีการเพิ่มพื้นที่ปลูกกุหลาบขึ้นไปอีก ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่ อ.พบพระ มีพื้นที่ที่เป็นสวนกุหลาบประมาณ 4,000 ไร่ โดยมีเกษตรกรผู้ปลูกเกือบ 200 ราย และกุหลาบแดงจะสามารถส่งไปจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี เพราะดอกจะโต-สีสันสวยงาม เนื่องจากพื้นที่มีสภาพอากาศ ดินและน้ำที่สมบูรณ์ เหมาะสมกับเป็นพื้นที่ปลูกดอกกุหลาบที่ดีที่สุดของประเทศ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ สำนักงานเกษตรจังหวัดตาก กล่าวว่า ราคาดอกกุหลาบในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ ที่ปลูกในพื้นที่ อ.พบพระ กว่า 4,000 ไร่ มีเกษตรกรผู้ปลูก 130-150 ราย จะสามารถนำออกจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศ-ต่างประเทศ ได้วันละกว่า 2 ล้านดอก และขายได้เฉลี่ยราคาดอกละ 6 -8 บาท และ 10 บาท ตามขนาด-ความงาม ทำให้มีเงินสะพัดจากการขายดอกกุหลาบในช่วงเทศกาลวันแห่งความรัก(วาเลนไทน์) กระจายไปยังเกษตรกรในพื้นที่ทุกราย มากกว่า 20 -25 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งในปีนี้ตรงกับเทศกาลวันตรุษจีนอีกด้วย
ทั้งนี้ปี 2553 ราคาดอกกุหลาบ ได้พุ่งสูงขึ้นกว่าในช่วงปกติ 6-7 เท่า จากเดิมราคาดอกละ 1-2 บาท เป็นราคาดอกละ 6-8 บาท และ 8-10 บาท ตามแต่ขนาดและชนิด ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 เกรด คือเกรด A ราคาดอกละ 8-10 บาท เกรด B 6-8 บาท และเกรด C 4-6 บาท ส่วนกุหลาบที่ได้รับความนิยมสูงสุด มี 2 ชนิดคือแกลกาล่า สีแดง ไม่มีหนาม และขาวแก้ว สีขาว ดอกใหญ่คอโต รวมทั้งกุหลาบตกแต่งสีสันต่างๆ ฯลฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะนี้ ราคาดอกกุหลาบ พุ่งขึ้นรายวันและยิ่งช่วงใกล้วันวาเลนไทน์ ราคาจะพุ่งสูงขึ้นวันละ 3-4 บาท ซึ่งวานนี้ (11 ก.พ.) ราคาอยู่ที่ดอกละ 16-17 บาท คาดว่าในช่วงวันที่ 13 - 14 กุมภาพันธ์ ราคาจะทะลุไปกว่าดอกละ 25-30 บาท ส่งผลให้มีเงินสะพัดจากการซื้อขายดอกกุหลาบพบพระ ระหว่างวันที่ 1 – 14 กุมภาพันธ์ 2553 น่าจะสูงถึง 30-35 ล้านบาท