ASTVผู้จัดการรายวัน - "มั่นคงเคหะการ"ไม่หวั่นการเมืองผันผวน ชี้ปีเสือปัจจัยบวกอื้อ ทั้งโครงการรถไฟฟ้า-โครงการงบไทยเข้มแข็ง เชื่อหนุนตลาดรวมโตกว่าปี52 พร้อมกางแผนลุยผุด5โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท นำร่องคอนโดฯบีโอไอ1 ตั้งเป้ายอดขายโต 30% ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ 3,000 ล้านบาท
นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 53 มีแนวโน้ที่ตลาดรวมจะเติบโตสูงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ การขยายการลงทุนของประเทศจีน และอินเดีย ได้ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาครวมถึงประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ตลาดอสังหาฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศอีกครั้ง
นอกจากนี้ การที่ราคาสินค้าภาคการเกษตรสูงขึ้น ได้ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีความกำลังซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ขณะที่สภาพคล่องในระบบยังมีอยู่จำนวนมาก ทำให้เชื่อได้ว่า สถาบันการเงินจะแข่งขันปล่อยสินเชื่อในภาคธุรกิจที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นผลดีต่อภาพรวมตลาดอสังหาฯในปีนี้ ที่สำคัญโครงการต่างๆจากงบไทยเข้มแข็ง(SP2) ที่จะเข้าไปลงทุนการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและโครงการรถไฟฟ้า จะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อตลาดอสังหาฯ
“ ปัจจัยบวกข้างต้น จะส่งผลให้มีปริมาณเงินหมุนเวียนไหลกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนระดับล่าง เกิดการจับจ่ายใช้สอย และมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ในขณะที่ ปัจจัยลบในตอนนี้ มีเพียงปัญหาการเมืองที่ยังคงผันผวน แต่อย่างไรก็ตาม ที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบปัจจัยบวกกับปัจจัยลบ แรงหนุนของปัจจับบวกที่มากกว่า ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกิดผลดีต่อตลาดอสังหาฯแน่นอน”
และเพื่อให้สอดรับกับการฟื้นตัวของตลาดและเศรษฐกิจ ทางบริษัทฯได้เตรียมแผนขยายโครงการเพิ่มขึ้น โดยมี 5 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัว มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 4 โครงการและ 1 โครงการคอนโดฯบีโอไอ โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ จะเปิดตัวโครงการชวนชื่น บรู๊คไซด์ มูลค่า 360 ล้านบาท และโครงการบ้านชวนชื่นซิตี้ รามอินทรา มูลค่าโครงการ 500ล้านบาทในไตรมาสที่ 3 ที่เหลือจะไปเปิดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 53
สำหรับโครงการคอนโดฯนั้น จะเปิดตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายเช่นกัน ซึ่งเป็นปีแรกที่บริษัทหันกลับมาพัฒนาโครงการคอนโดฯอีกครั้ง โดยจะพัฒนาโครงการคอนโดฯตามเกณฑ์การสนับสนุนของบีไอโอ คือ ขนาด 28 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคาขายไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 200 ยูนิต มูลค่า200 ล้านบาท ในโซนทางเหนือของกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน
ด้านนางธัญญา สิริปูชกะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัทฯ กล่าวถึงเป้ายอดขายในปีนี้ว่า อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยยอดขายดังกล่าวจะมาจาก17 โครงการ 1,600ล้านบาท และจาก 5 โครงการใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้อีก 1,400 ล้านบาท พร้อมกันนี้ บริษัทได้เพิ่มงบจัดซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ไว้ 800 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าจะอยู่ที่ 500 ล้านบาท
" ปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทต้องเพิ่มงบการตลาดเกือบเท่าตัวในปีนี้ เพื่อรองรับแผนการขยายโครงการใหม่ และให้สอดคล้องกับยอดขายที่วางไว้ รวมถึงต้องการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปยังคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น โดยหลังจากทยอยปรับภาพลักษณ์แบรนด์ชวนชื่น ด้วยการเน้นแบบบ้านที่ทันสมัยมากขึ้น โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดรับรู้รายได้ที่ 3,000ล้านบาท มาจากยอดรับรู้รายได้จากการขายโครงการใหม่และโครงการเดิมที่มีอยู่17 โครงการ1,800 ล้านบาท ในขณะที่ยอดรับรู้รายได้อีกส่วนหนึ่งจากเป้ายอดขายของปี 52 ที่โอนมารับรู้ในปีนี้ 1,200ล้านบาท"
นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 53 มีแนวโน้ที่ตลาดรวมจะเติบโตสูงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ การขยายการลงทุนของประเทศจีน และอินเดีย ได้ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาครวมถึงประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ตลาดอสังหาฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศอีกครั้ง
นอกจากนี้ การที่ราคาสินค้าภาคการเกษตรสูงขึ้น ได้ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีความกำลังซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ขณะที่สภาพคล่องในระบบยังมีอยู่จำนวนมาก ทำให้เชื่อได้ว่า สถาบันการเงินจะแข่งขันปล่อยสินเชื่อในภาคธุรกิจที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นผลดีต่อภาพรวมตลาดอสังหาฯในปีนี้ ที่สำคัญโครงการต่างๆจากงบไทยเข้มแข็ง(SP2) ที่จะเข้าไปลงทุนการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและโครงการรถไฟฟ้า จะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อตลาดอสังหาฯ
“ ปัจจัยบวกข้างต้น จะส่งผลให้มีปริมาณเงินหมุนเวียนไหลกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนระดับล่าง เกิดการจับจ่ายใช้สอย และมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ในขณะที่ ปัจจัยลบในตอนนี้ มีเพียงปัญหาการเมืองที่ยังคงผันผวน แต่อย่างไรก็ตาม ที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบปัจจัยบวกกับปัจจัยลบ แรงหนุนของปัจจับบวกที่มากกว่า ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกิดผลดีต่อตลาดอสังหาฯแน่นอน”
และเพื่อให้สอดรับกับการฟื้นตัวของตลาดและเศรษฐกิจ ทางบริษัทฯได้เตรียมแผนขยายโครงการเพิ่มขึ้น โดยมี 5 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัว มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 4 โครงการและ 1 โครงการคอนโดฯบีโอไอ โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ จะเปิดตัวโครงการชวนชื่น บรู๊คไซด์ มูลค่า 360 ล้านบาท และโครงการบ้านชวนชื่นซิตี้ รามอินทรา มูลค่าโครงการ 500ล้านบาทในไตรมาสที่ 3 ที่เหลือจะไปเปิดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 53
สำหรับโครงการคอนโดฯนั้น จะเปิดตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายเช่นกัน ซึ่งเป็นปีแรกที่บริษัทหันกลับมาพัฒนาโครงการคอนโดฯอีกครั้ง โดยจะพัฒนาโครงการคอนโดฯตามเกณฑ์การสนับสนุนของบีไอโอ คือ ขนาด 28 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคาขายไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 200 ยูนิต มูลค่า200 ล้านบาท ในโซนทางเหนือของกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน
ด้านนางธัญญา สิริปูชกะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัทฯ กล่าวถึงเป้ายอดขายในปีนี้ว่า อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยยอดขายดังกล่าวจะมาจาก17 โครงการ 1,600ล้านบาท และจาก 5 โครงการใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้อีก 1,400 ล้านบาท พร้อมกันนี้ บริษัทได้เพิ่มงบจัดซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ไว้ 800 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าจะอยู่ที่ 500 ล้านบาท
" ปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทต้องเพิ่มงบการตลาดเกือบเท่าตัวในปีนี้ เพื่อรองรับแผนการขยายโครงการใหม่ และให้สอดคล้องกับยอดขายที่วางไว้ รวมถึงต้องการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปยังคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น โดยหลังจากทยอยปรับภาพลักษณ์แบรนด์ชวนชื่น ด้วยการเน้นแบบบ้านที่ทันสมัยมากขึ้น โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดรับรู้รายได้ที่ 3,000ล้านบาท มาจากยอดรับรู้รายได้จากการขายโครงการใหม่และโครงการเดิมที่มีอยู่17 โครงการ1,800 ล้านบาท ในขณะที่ยอดรับรู้รายได้อีกส่วนหนึ่งจากเป้ายอดขายของปี 52 ที่โอนมารับรู้ในปีนี้ 1,200ล้านบาท"