อีเมล์ : apnunt@yahoo.com
จะมากจะน้อย ผมเชื่อว่า ที่ผ่านๆ มา คุณผู้อ่านหลายๆ ท่านอาจจะเกิดความรู้สึกเบื่อๆ รำคาญๆ และพานเลยไปไกลถึงขั้น “อคติ” กับหนังตลกไทย ที่ส่วนใหญ่ ถ้าไม่ลามกหยาบโลน ก็ตะโกนคำหยาบใส่หูคนดูแทบทั้งเรื่อง
อย่างไรก็ดี ถ้าคุณกำลังรู้สึกแบบนั้น หนังอย่าง “32 ธันวา” น่าจะช่วยให้คุณเกิด “ความรู้สึกที่ดี” ขึ้นมาได้บ้างต่อหนังตลกไทย เพราะนี่คือตลกมิติใหม่ที่จะทำให้คุณ “อารมณ์ดี” และ “สบายอกสบายใจ” ตั้งแต่ต้นจนจบ...
หลังจากหนังไตรภาคตระกูลส่ายหน้า (พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า, แสบสนิทศิษย์ส่ายหน้า, โปงลางสะดิ้งลำซิ่งส่ายหน้า) มาจนถึง “โหดหน้าเหี่ยว 966” คนทำหนังตลกอย่าง “ยอร์ช-ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์” กลับมาอีกครั้งกับ “32 ธันวา” ผลงานเรื่องแรกใต้ชายคาของ M39 (ภายหลังที่เขาออกมาจากค่ายอาร์เอส) ที่ผมมองว่า นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงการปฏิวัติตัวเองครั้งสำคัญของผู้กำกับ ยังอาจจะนับเป็นการ “ยกระดับ” หนังตลกไทยให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน
ที่พูดเช่นนั้น ก็เพราะว่า ถึงแม้ที่ผ่านๆ มา คุณยอร์ช-ฤกษ์ชัย จะประสบความสำเร็จกับการทำหนังตลกร้อยล้านได้ แต่ก็ยังไม่วายที่จะถูกประชาชนคนดูตำหนิติติงในด้านการใช้คำหยาบ แต่สำหรับ “32 ธันวา” มันเป็นหนังที่สามารถสลัดตัวเองหลุดออกไปจากวงโคจรของหนังตลกเสื่อมๆ ได้อย่างสิ้นเชิง เพราะไม่เพียงแค่ปลอดคำหยาบระคายหู แต่ยังเปี่ยมไปด้วยมุกตลกใสๆ ที่ทำให้ระยะเวลาร่วมๆ 2 ชั่วโมงกับการดูหนังเรื่องนี้ดำเนินไปด้วยความรู้สึกกระชุ่มกระชวย ผ่อนคลาย และไม่เครียด
ไม่เครียด เหมือนกับโครงเรื่องของหนังที่ถูกผูกพล็อตขึ้นมาอย่างเรียบง่าย ไม่มีปมเรื่องลึกลับซับซ้อน ขณะเดียวกัน หนังก็เล่าตัวเองไปแบบสบายๆ โดยจัดวางแกนกลางของเรื่องราวอยู่ที่ “โน้ต” (แดน-วรเดช ดานุวงศ์) ชายหนุ่มที่สูญเสียความทรงจำบางส่วนไปในอุบัติเหตุครั้งหนึ่งและเขาต้องค้นหาให้ได้ว่าความทรงจำที่หายไปนั้นคืออะไรกันแน่ โดยมีเพื่อนใหม่อย่าง “โจ” (โหน่ง ชะชะช่า) เข้ามาช่วยอีกแรง...
แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้าจะบอกว่าเนื้อหาของหนังไม่มีอะไรเลย ก็คงไม่ถูกต้องทีเดียวนัก เพราะอันที่จริง สิ่งที่ผมรู้สึกว่าหนังดูเหมือนจะพยายามย้ำเน้นอยู่ตลอดเวลาก็คือ เรื่องของ “ปมในใจ” ของตัวละคร (ถ้าสังเกตให้ดี เราจะพบว่า ในหนัง มีการพูดคำว่า “ปม” บ่อยมาก) และเอาเข้าจริงๆ ประเด็นที่เกี่ยวกับ “ปมในใจ” ที่ว่านี้ ก็ดูจะมีความหนักแน่นแข็งแรงยิ่งกว่าเนื้อหาของคนรักสองแบบ คือ “ดีพอ” และ “พอดี” ที่หนังใช้เป็นจุดขายด้วยซ้ำไป เพราะถ้านั่งลงวิเคราะห์กันแบบเป็นเรื่องเป็นราว เราจะเห็นว่า เนื้อหาของตัวละครหลักๆ แต่ละตัว ต่างก็มี “ปม” เป็นของตัวเอง ที่รอคอยการคลี่คลายสะสางด้วยกันทั้งสิ้น
เพราะในขณะที่ “โน้ต” มีการสูญเสียความทรงจำเป็นปมค้างใจ หนุ่มร่างใหญ่อย่าง “โจ” ก็ต้องเจ็บปวดและเจ็บป่วยกับปม (ด้อย) ที่ติดค้างมาตั้งแต่เด็ก และถ้าการแอ๊บแบ๊วไม่เป็นตัวของตัวเองของสาวหมวยอย่าง “นุ่น” (ยิปโซ่-รมิตา มหาพฤกษ์พงศ์) เป็น “ปม” แบบหนึ่ง...ความรักที่รอการเผยตัวของหญิงสาวอย่าง “เมย์” (สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข) ก็คงเป็นอีกหนึ่งปมในใจไม่ต่างกัน
อย่างไรก็ดี ถึงที่สุดแล้ว ผมคิดว่าโจทย์ในใจข้อแรกๆ ของคุณยอร์ช-ฤกษ์ชัย ก็คงไม่ได้ต้องการให้ 32 ธันวา เป็นหนังนวดสมองเน้นสาระอะไรจริงจัง (แต่เป็นหนังนวดต่อมฮาขนานแท้) เพราะแม้กระทั่งเรื่องรักที่ดูจะเป็นจุดขายของหนัง ก็ไม่ใช่รักแบบดื่มด่ำดราม่า หากแต่เป็นเรื่องรักแบบเบาๆ ที่คุณยอร์ชขนานนามมันว่า “(คอเมดี้) เลิฟ เลิฟ” คือไม่โรแมนติกจ๋า แต่ทว่าคนดูก็พอรู้สึกสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความรักแบบ “พอดี” และ “ดีพอ”
ความดีพอและพอดีที่ว่านี้ ยังรวมไปถึงบทบาทของนักแสดงทุกๆ คนที่ได้รับการเฉลี่ยความสำคัญอย่างไม่น้อยหน้ากัน แต่ละคนต่างก็มีซีนเด่นๆ ที่น่าจดจำเป็นของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่ดาราตลกอย่างแจ๊ส ชวนชื่น ไปจนถึง โก๊ะตี๋ อารามบอย ค่อม ชวนชื่น และจาตุรงค์ มกจ๊ก กับ จิ้ม ชวนชื่น ซึ่งแม้จะเป็นเพียง “แขกรับเชิญ” คนละฉากสองฉาก แต่ก็เป็นฉากที่ไม่ได้ดูต่ำต้อยด้อยค่าแต่อย่างใด
เหนือสิ่งอื่นใด ผมรู้สึกว่าภาพลักษณ์ของตัวละครทุกๆ ตัว ถูกทำให้ดู “สะอาดๆ” มีท่าทีที่เป็นมิตรปลอดพิษไร้ภัย ซึ่งมาพร้อมมุกตลกใสๆ ไม่หยาบ แต่อาจจะมีทะเล้นๆ เจือปนบ้าง นิดๆ หน่อยๆ พอดีพองาม ซึ่งเรื่องแบบนี้แหละครับที่ผมรู้สึกว่าหาได้ยากเต็มทีแล้วในหนังไทยสายคอเมดี้ ยิ่งกว่านั้น ถ้าไม่นับรวมพวกมุกตลกที่ผ่านการครีเอทมาอย่างดี (ซึ่งก็มีตั้งแต่มุกสร้างรอยยิ้มที่มุมปาก ไปจนถึงฮาก๊ากจนท้องคัดท้องแข็ง) พวกคำคมความคิดที่หนังหล่นไว้ตามจุดต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่คนดูสามารถเก็บมาต่อยอดเป็นอาหารหัวใจได้อีก
พูดกันอย่างถึงที่สุด นี่คือหนังซึ่งสร้างออกมาเพื่อจะส่งมอบความสุขใจสบายอารมณ์ให้กับคนดูผู้ชมโดยแท้จริง และมันก็เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับถ้อยคำโปรโมตบนโปสเตอร์ที่หนังเลือกใช้คำว่า 32 ธันวา คือ “ภาพยนตร์ ส.ค.ส.” เพราะถ้า ส.ค.ส.ย่อมาจาก “ส่งความสุข” ผมว่าหนังเรื่องนี้ก็ได้ทำหน้าที่นั้นแล้วอย่างสมบูรณ์แบบในห้วงเวลาแห่งความสุขเช่นนี้
และที่สำคัญ ถ้า 32 ธันวา (ที่เข้าฉายวันส่งท้ายปลายปี) จะถูกจัดเป็นหนังปี 2552 ผมคิดว่า มันก็คือหนังที่สมควรแล้วกับการที่จะได้ตำแหน่ง “หนังตลกที่ดีที่สุด” ของ พ.ศ.นี้ ไปครอบครอง...
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |