เมื่อพูดถึงตลาดใหม่ หรือตลาดเกิดใหม่ นักธุรกิจไทยหลายๆ คน มักจะส่ายหัว ไม่อยากทำมาค้าขาย ไม่อยากเข้าไปลงทุน ส่วนหนึ่งเพราะความไม่รู้ว่าตลาดนั้นๆ มีโอกาสทางการค้า การลงทุนมากน้อยแค่ไหน หากอยากจะเข้าจะเข้าไปอย่างไร ใครจะเป็นผู้นำในการพาเข้าไป ทำให้ที่ผ่านมา ไทยมักจะเสียโอกาสดีๆ ให้กับประเทศคู่แข่งในการบุกเจาะตลาดใหม่ไปอย่างน่าเสียดาย
กรมส่งเสริมการส่งออก ได้กำหนดนโยบายไว้ชัดเจนว่า จะทำการบุกเจาะตลาดใหม่อย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพื่อผลักดันให้นักธุรกิจไทยเข้าไปทำการค้า การลงทุน โดยเฉพาะตลาดที่มีศักยภาพ จะเป็นหัวหน้าทัพนำคณะผู้ประกอบการไทยเข้าไปบุกเจาะตลาดด้วยตัวเอง
ระหว่างวันที่ 6-12 ก.พ.2553 นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก ได้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนการค้านำภาคเอกชนไทย ซึ่งประกอบไปด้วยสินค้าข้าว ชิ้นส่วนยานยนต์ อาหารกระป๋อง บริการก่อสร้าง และบริการจัดงานแสดงสินค้า และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เดินทางไปสำรวจลู่ทางการค้า การลงทุน ที่ลิเบียและอียิปต์ ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่ไทยต้องการจะเข้าไปปักธง
ทั้งนี้ ลิเบียถือเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีโอกาสทางการค้า และการลงทุนสูงมาก หลังจากที่สหรัฐฯ ยกเลิกการคว่ำบาตรทางการค้า ทำให้ลิเบีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายสำคัญของโลก เป็นตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงขึ้นมาทันที และเป็นตลาดที่โอกาสเปิดกว้างสำหรับสินค้า และบริการ รวมทั้งการลงทุนจากไทย
“ได้นำภาคเอกชนของไทยไปพบปะกับหน่วยงานสำคัญๆ ของลิเบีย ทั้งหน่วยงานที่ดูแลด้านการค้า การลงทุน เพื่อดูว่าไทยจะมีโอกาสในการเข้าสู่ตลาดได้ยังไงบ้าง มีปัญหาอุปสรรคอะไรที่จะต้องแก้ไข ซึ่งทำให้เห็นภาพว่าตลาดลิเบีย ไม่ได้เป็นประเทศที่มีความเสี่ยงอย่างที่คนคิดกัน แต่กลับพบว่าตลาดมีช่องว่างสำหรับสินค้าและบริการ รวมทั้งการลงทุนของไทยอีกมาก เพราะปัจจุบันสินค้าที่ขายในลิเบียมี 2 ระดับ คือ สูงไปเลย คือ สินค้าจากอิตาลีและยุโรป และสินค้าระดับล่างที่มาจากจีน ซึ่งไทยสามารถที่จะเจาะเข้ามายังตลาดระดับกลางถึงบนได้”นางศรีรัตน์กล่าว
สำหรับสินค้าไทยที่มีโอกาสในการบุกเจาะตลาดลิเบีย เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ของตกแต่งบ้าน ส่วนธุรกิจบริการที่มีโอกาส เช่น การก่อสร้าง โรงแรม และสปา
แนวทางในการเปิดตลาดให้กับสินค้าและบริการไทย กรมฯ มีแผนที่จะเข้ามาร่วมงานแสดงสินค้าในลิเบีย และจัดงานแสดงสินค้าจากไทยโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้คนลิเบียรู้จักสินค้าและบริการไทยมากขึ้น
ส่วนด้านการลงทุน ลิเบียเปิดกว้างสำหรับการลงทุนจากทุกประเทศ โดยปัจจุบันประเทศจากเอเชียหลายๆ ประเทศได้เข้าไปลงทุนในลิเบียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ จีน อินเดีย และมาเลเซีย แต่ไทยก็มีปตท. ที่มองเห็นลู่ทางในการเข้ามาทำธุรกิจเกี่ยวกับปิโตรเคมีและน้ำมัน โดยต้องการที่จะเข้ามาประมูลสัมปทาน ส่วนธุรกิจอื่นๆ กรมฯ จะต้องผลักดันต่อไป โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้าง ที่ลิเบียมีแผนใช้เงินสูงถึง 1.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในการก่อสร้างถนน อาคารสำนักงาน โรงเรียน มหาวิทยาลัย และเปิดกว้างให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมทำธุรกิจกับลิเบีย
นางศรีรัตน์กล่าวว่า จากนั้นได้เดินทางไปยังอียิปต์ และได้มีโอกาสเข้าพบหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งหน่วยงานภาคเอกชนของอียิปต์ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า อียิปต์เป็นตลาดใหม่อีกตลาดที่มีโอกาสสำหรับสินค้าและบริการของไทย แต่ตลาดอียิปต์ ไทยจะมุ่งค้าขายเพียงอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เน้นการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ และใช้อียิปต์เป็นฐานการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดแอฟริกา ตะวันออกกลาง และสหรัฐฯ เพราะอียิปต์เป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคแอฟริกา และใกล้เคียงกับภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งมีความใกล้ชิดกับสหรัฐฯ จากการที่ได้ทำข้อตกลงการค้าเสรี 3 ฝ่าย ระหว่างอียิปต์ อิสราเอล และสหรัฐฯ
ปัจจุบันไทยส่งสินค้ามาขายอียิปต์ไม่กี่รายการ เช่น ข้าว ปลาทูน่ากระป๋อง ชิ้นส่วนยานยนต์ แต่หากร่วมมือเป็นหุ้นส่วนแล้วใช้อียิปต์เป็นประตูการค้าไปสู่ประเทศที่ 3 จะทำให้สินค้าไทยมีโอกาสส่งออกได้มากขึ้น ขณะที่ธุรกิจบริการที่มีโอกาส เช่น ร้านอาหารไทย สปาไทย ซึ่งมีความต้องการสูงมาก โดยกรมฯ จะทำแผนผลักดันต่อไป
“ทั้งลิเบียและอียิปต์ ถือเป็นตลาดใหม่ที่มีโอกาสทางการค้า และการลงทุนสูงสำหรับนักธุรกิจไทย แต่ที่ผ่านมา นักธุรกิจไทยมักจะมองข้าม เพราะเห็นว่าเป็นตลาดที่มีความเสี่ยง และเมื่อได้ไปดูด้วยตัวเองกลับพบว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แต่กลับเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก ตอนนี้จะขาดอย่างเดียวก็คือความกล้าของนักธุรกิจไทย ถ้านักธุรกิจไทยกล้าเข้าไป กรมฯ ก็กล้าที่จะสนับสนุน เพราะทั้ง 2 ประเทศจะเป็นขุมทรัพย์สำหรับนักธุรกิจไทยได้แน่นอน”นางศรีรัตน์กล่าวในที่สุด
กรมส่งเสริมการส่งออก ได้กำหนดนโยบายไว้ชัดเจนว่า จะทำการบุกเจาะตลาดใหม่อย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพื่อผลักดันให้นักธุรกิจไทยเข้าไปทำการค้า การลงทุน โดยเฉพาะตลาดที่มีศักยภาพ จะเป็นหัวหน้าทัพนำคณะผู้ประกอบการไทยเข้าไปบุกเจาะตลาดด้วยตัวเอง
ระหว่างวันที่ 6-12 ก.พ.2553 นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก ได้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนการค้านำภาคเอกชนไทย ซึ่งประกอบไปด้วยสินค้าข้าว ชิ้นส่วนยานยนต์ อาหารกระป๋อง บริการก่อสร้าง และบริการจัดงานแสดงสินค้า และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เดินทางไปสำรวจลู่ทางการค้า การลงทุน ที่ลิเบียและอียิปต์ ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่ไทยต้องการจะเข้าไปปักธง
ทั้งนี้ ลิเบียถือเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีโอกาสทางการค้า และการลงทุนสูงมาก หลังจากที่สหรัฐฯ ยกเลิกการคว่ำบาตรทางการค้า ทำให้ลิเบีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายสำคัญของโลก เป็นตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงขึ้นมาทันที และเป็นตลาดที่โอกาสเปิดกว้างสำหรับสินค้า และบริการ รวมทั้งการลงทุนจากไทย
“ได้นำภาคเอกชนของไทยไปพบปะกับหน่วยงานสำคัญๆ ของลิเบีย ทั้งหน่วยงานที่ดูแลด้านการค้า การลงทุน เพื่อดูว่าไทยจะมีโอกาสในการเข้าสู่ตลาดได้ยังไงบ้าง มีปัญหาอุปสรรคอะไรที่จะต้องแก้ไข ซึ่งทำให้เห็นภาพว่าตลาดลิเบีย ไม่ได้เป็นประเทศที่มีความเสี่ยงอย่างที่คนคิดกัน แต่กลับพบว่าตลาดมีช่องว่างสำหรับสินค้าและบริการ รวมทั้งการลงทุนของไทยอีกมาก เพราะปัจจุบันสินค้าที่ขายในลิเบียมี 2 ระดับ คือ สูงไปเลย คือ สินค้าจากอิตาลีและยุโรป และสินค้าระดับล่างที่มาจากจีน ซึ่งไทยสามารถที่จะเจาะเข้ามายังตลาดระดับกลางถึงบนได้”นางศรีรัตน์กล่าว
สำหรับสินค้าไทยที่มีโอกาสในการบุกเจาะตลาดลิเบีย เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ของตกแต่งบ้าน ส่วนธุรกิจบริการที่มีโอกาส เช่น การก่อสร้าง โรงแรม และสปา
แนวทางในการเปิดตลาดให้กับสินค้าและบริการไทย กรมฯ มีแผนที่จะเข้ามาร่วมงานแสดงสินค้าในลิเบีย และจัดงานแสดงสินค้าจากไทยโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้คนลิเบียรู้จักสินค้าและบริการไทยมากขึ้น
ส่วนด้านการลงทุน ลิเบียเปิดกว้างสำหรับการลงทุนจากทุกประเทศ โดยปัจจุบันประเทศจากเอเชียหลายๆ ประเทศได้เข้าไปลงทุนในลิเบียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ จีน อินเดีย และมาเลเซีย แต่ไทยก็มีปตท. ที่มองเห็นลู่ทางในการเข้ามาทำธุรกิจเกี่ยวกับปิโตรเคมีและน้ำมัน โดยต้องการที่จะเข้ามาประมูลสัมปทาน ส่วนธุรกิจอื่นๆ กรมฯ จะต้องผลักดันต่อไป โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้าง ที่ลิเบียมีแผนใช้เงินสูงถึง 1.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในการก่อสร้างถนน อาคารสำนักงาน โรงเรียน มหาวิทยาลัย และเปิดกว้างให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมทำธุรกิจกับลิเบีย
นางศรีรัตน์กล่าวว่า จากนั้นได้เดินทางไปยังอียิปต์ และได้มีโอกาสเข้าพบหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งหน่วยงานภาคเอกชนของอียิปต์ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า อียิปต์เป็นตลาดใหม่อีกตลาดที่มีโอกาสสำหรับสินค้าและบริการของไทย แต่ตลาดอียิปต์ ไทยจะมุ่งค้าขายเพียงอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เน้นการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ และใช้อียิปต์เป็นฐานการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดแอฟริกา ตะวันออกกลาง และสหรัฐฯ เพราะอียิปต์เป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคแอฟริกา และใกล้เคียงกับภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งมีความใกล้ชิดกับสหรัฐฯ จากการที่ได้ทำข้อตกลงการค้าเสรี 3 ฝ่าย ระหว่างอียิปต์ อิสราเอล และสหรัฐฯ
ปัจจุบันไทยส่งสินค้ามาขายอียิปต์ไม่กี่รายการ เช่น ข้าว ปลาทูน่ากระป๋อง ชิ้นส่วนยานยนต์ แต่หากร่วมมือเป็นหุ้นส่วนแล้วใช้อียิปต์เป็นประตูการค้าไปสู่ประเทศที่ 3 จะทำให้สินค้าไทยมีโอกาสส่งออกได้มากขึ้น ขณะที่ธุรกิจบริการที่มีโอกาส เช่น ร้านอาหารไทย สปาไทย ซึ่งมีความต้องการสูงมาก โดยกรมฯ จะทำแผนผลักดันต่อไป
“ทั้งลิเบียและอียิปต์ ถือเป็นตลาดใหม่ที่มีโอกาสทางการค้า และการลงทุนสูงสำหรับนักธุรกิจไทย แต่ที่ผ่านมา นักธุรกิจไทยมักจะมองข้าม เพราะเห็นว่าเป็นตลาดที่มีความเสี่ยง และเมื่อได้ไปดูด้วยตัวเองกลับพบว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แต่กลับเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก ตอนนี้จะขาดอย่างเดียวก็คือความกล้าของนักธุรกิจไทย ถ้านักธุรกิจไทยกล้าเข้าไป กรมฯ ก็กล้าที่จะสนับสนุน เพราะทั้ง 2 ประเทศจะเป็นขุมทรัพย์สำหรับนักธุรกิจไทยได้แน่นอน”นางศรีรัตน์กล่าวในที่สุด
