ASTVผู้จัดการรายวัน-ไทยเล็งทำ MOU กับลิเบีย เพิ่มการค้า การลงทุน หลังพบมีโอกาสสูงทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค ชิ้นส่วนยานยนต์ สิ่งทอ และของตกแต่งบ้าน รวมไปถึงธุรกิจก่อสร้าง โรงแรม สปา “ศรีรัตน์” เตรียมหารือแบงก์อิสลาม และธสน. แก้ปัญหาต้นทุนเปิด LC ให้กับผู้ส่งออกไทย
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยภายหลังการนำคณะผู้แทนการค้าไทยพบปะหารือกับผู้บริหารระดับสูงกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน ของลิเบีย ว่า ลิเบียได้เสนอให้มีการทำบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือในการค้าขายระหว่างกันให้มากขึ้น หลังจากที่ฝ่ายลิเบียก็ต้องการส่งออกสินค้าไปไทย และไทยเองก็ต้องการส่งออกสินค้ามายังลิเบีย
“ลิเบียสนใจที่จะค้าขายกับไทย ขณะที่ไทยก็สนใจค้าขายกับลิเบีย เพราะเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ มีโอกาสทางการค้าและการลงทุนสูง ไม่ได้เป็นประเทศที่มีความเสี่ยงเหมือนที่คนคิดกัน โดยตลาดยังมีช่องว่างสำหรับสินค้าไทยอีกมาก เพราะปัจจุบันสินค้าที่ขายในลิเบียมี 2 ระดับ คือ สูงไปเลย คือ สินค้าจากอิตาลีและยุโรป และสินค้าระดับล่างที่มาจากจีน ไทยสามารถที่จะเจาะเข้ามายังตลาดระดับกลางถึงบนได้”นางศรีรัตน์กล่าว
สำหรับสินค้าไทยที่มีโอกาสในการบุกเจาะตลาดลิเบีย เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ของตกแต่งบ้าน ส่วนธุรกิจบริการที่มีโอกาส เช่น การก่อสร้าง โรงแรม และสปา
ทั้งนี้ กรมฯ มีแผนที่จะเข้ามาร่วมงานแสดงสินค้าในลิเบีย ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 18-21 พ.ค.นี้ เพื่อนำสินค้าไทยมาแนะนำให้คนลิเบียรู้จัก รวมทั้งมีแผนที่จะจัดงานแสดงสินค้าไทยแลนด์ เอ็กซิบิชั่น ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าจากไทยโดยเฉพาะในลิเบียด้วย โดยนำสินค้าที่มีโอกาสข้างต้นมาบุกเจาะตลาด
นางศรีรัตน์กล่าวว่า ส่วนการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศลิเบีย ที่ดูแลเอเชีย ทางฝ่ายลิเบียได้เร่งรัดให้ไทยจัดทำความตกลงด้านการลงทุน และความตกลงด้านภาษีซ้อน โดยเร็ว ซึ่งไทยได้ขอเพิ่มความตกลงทางด้านการค้าเข้าไปด้วย
ขณะเดียวกัน ไทยได้แจ้งทางลิเบียไปว่า บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มีความสนใจที่จะเข้าไปประมูลสัมปทานในการผลิตน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ในลิเบีย รวมทั้งต้องการนำเข้าน้ำมันดิบ และร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีร่วมกับลิเบีย
นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสพบปะกับผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกลางลิเบีย โดยไทยได้แจ้งความกังวลและปัญหาในด้านการส่งออกของผู้ประกอบการไทยให้ทราบว่า มีปัญหาในเรื่องการเปิด LC ที่ผู้ส่งออกไทยต้องใช้บริการจากประเทศที่ 3 และถูกเรียกค่าบริการสูงมาก ซึ่งทางธนาคารกลางลิเบียแจ้งว่า เป็นผู้ควบคุมดูแลธนาคารพาณิชย์ และปล่อยให้มีการแข่งขันเสรี
ปัจจุบันมีธนาคารพาณิชย์ทั้งของรัฐและเอกชนจำนวน 16 แห่ง โดยปัญหาของไทยสามารถแก้ไขได้โดยฝ่ายไทยต้องส่งธนาคารฝ่ายไทยเข้ามาทำความตกลงกับธนาคารของลิเบีย ซึ่งจะกลับไปหารือกับธนาคารอิสลาม และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยภายหลังการนำคณะผู้แทนการค้าไทยพบปะหารือกับผู้บริหารระดับสูงกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน ของลิเบีย ว่า ลิเบียได้เสนอให้มีการทำบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือในการค้าขายระหว่างกันให้มากขึ้น หลังจากที่ฝ่ายลิเบียก็ต้องการส่งออกสินค้าไปไทย และไทยเองก็ต้องการส่งออกสินค้ามายังลิเบีย
“ลิเบียสนใจที่จะค้าขายกับไทย ขณะที่ไทยก็สนใจค้าขายกับลิเบีย เพราะเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ มีโอกาสทางการค้าและการลงทุนสูง ไม่ได้เป็นประเทศที่มีความเสี่ยงเหมือนที่คนคิดกัน โดยตลาดยังมีช่องว่างสำหรับสินค้าไทยอีกมาก เพราะปัจจุบันสินค้าที่ขายในลิเบียมี 2 ระดับ คือ สูงไปเลย คือ สินค้าจากอิตาลีและยุโรป และสินค้าระดับล่างที่มาจากจีน ไทยสามารถที่จะเจาะเข้ามายังตลาดระดับกลางถึงบนได้”นางศรีรัตน์กล่าว
สำหรับสินค้าไทยที่มีโอกาสในการบุกเจาะตลาดลิเบีย เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ของตกแต่งบ้าน ส่วนธุรกิจบริการที่มีโอกาส เช่น การก่อสร้าง โรงแรม และสปา
ทั้งนี้ กรมฯ มีแผนที่จะเข้ามาร่วมงานแสดงสินค้าในลิเบีย ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 18-21 พ.ค.นี้ เพื่อนำสินค้าไทยมาแนะนำให้คนลิเบียรู้จัก รวมทั้งมีแผนที่จะจัดงานแสดงสินค้าไทยแลนด์ เอ็กซิบิชั่น ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าจากไทยโดยเฉพาะในลิเบียด้วย โดยนำสินค้าที่มีโอกาสข้างต้นมาบุกเจาะตลาด
นางศรีรัตน์กล่าวว่า ส่วนการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศลิเบีย ที่ดูแลเอเชีย ทางฝ่ายลิเบียได้เร่งรัดให้ไทยจัดทำความตกลงด้านการลงทุน และความตกลงด้านภาษีซ้อน โดยเร็ว ซึ่งไทยได้ขอเพิ่มความตกลงทางด้านการค้าเข้าไปด้วย
ขณะเดียวกัน ไทยได้แจ้งทางลิเบียไปว่า บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มีความสนใจที่จะเข้าไปประมูลสัมปทานในการผลิตน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ในลิเบีย รวมทั้งต้องการนำเข้าน้ำมันดิบ และร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีร่วมกับลิเบีย
นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสพบปะกับผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกลางลิเบีย โดยไทยได้แจ้งความกังวลและปัญหาในด้านการส่งออกของผู้ประกอบการไทยให้ทราบว่า มีปัญหาในเรื่องการเปิด LC ที่ผู้ส่งออกไทยต้องใช้บริการจากประเทศที่ 3 และถูกเรียกค่าบริการสูงมาก ซึ่งทางธนาคารกลางลิเบียแจ้งว่า เป็นผู้ควบคุมดูแลธนาคารพาณิชย์ และปล่อยให้มีการแข่งขันเสรี
ปัจจุบันมีธนาคารพาณิชย์ทั้งของรัฐและเอกชนจำนวน 16 แห่ง โดยปัญหาของไทยสามารถแก้ไขได้โดยฝ่ายไทยต้องส่งธนาคารฝ่ายไทยเข้ามาทำความตกลงกับธนาคารของลิเบีย ซึ่งจะกลับไปหารือกับธนาคารอิสลาม และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป