ASTVผู้จัดการรายวัน- ตลาดน้ำตาลทรายในประเทศป่วน จี้รัฐเร่งวางมาตรการก่อนปิดหีบกลางมี.ค. 53 หวั่นบานปลาย พบผู้ผลิตสินค้าสุมหัวโรงงานน้ำตาลรู้เห็นเป็นใจซื้อขายน้ำตาลโดยตรงด้วยการเสนอค่าต๋งสูงกว่าราคาหน้าโรงงาน 1-2บาทต่อก.ก. “พาณิชย์”ฉุนหนักกลัวขาดแคลนวงในชี้ข้อเสนอตัดสิทธิผู้ส่งออกใช้โควตาค. 3 ปีไม่ทันการณ์เหตุจะมีผลในปีถัดไป
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำตาลทรายบริโภคในประเทศ (โควตาก.) ยอมรับว่าเริ่มมีการตึงตัวเนื่องจากราคาตลาดโลกสูงกว่าราคาในประเทศ โดยจากการติดตามพบว่ามีการซื้อน้ำตาลทรายโดยตรงที่โรงงานน้ำตาลของกลุ่มผู้ผลิตสินค้าทั้งผลิตเพื่อการส่งออกและผลิตในประเทศโดยให้ราคาสูงกว่าราคาหน้าโรงงานคือ 19บาทต่อกิโลกรัม (ก.ก.) ถึง 1-2 บาทต่อก.ก. ซึ่งทำให้กระทรวงพาณิชย์เร่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหามาตรการดูแลก่อนที่จะโรงงานน้ำตาลจะปิดหีบช่วงกลางมี.ค.53
“ราคาน้ำตาลทรายโควตาค.(ส่งออก) เฉลี่ยอยู่ที่ 24-25 บาทต่อก.ก.แน่นอนว่าราคาในประเทศตอนนี้จูงใจให้เกิดการกว้านซื้อ ซึ่งหากโรงงานขายตรงกับกลุ่มผู้ผลิตสินค้านอกจากจะได้ปริมาณมากกว่าการปล่อยสู่ตลาดค้าปลีกน้ำตาลแล้วยังได้ราคาที่ดีกว่า”แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ หลายฝ่ายเริ่มมีความวิตกว่า หากไม่เร่งจัดการปัญหาจะบานปลายเนื่องจากขณะนี้ยังเปิดหีบอยู่ยังเริ่มมีปัญหาตึงตัวจึงทำให้พาณิชย์ได้จี้ผ่านการประชุมคณะกรรมการน้ำตาลทราย(กน.) ให้เร่งแก้ไขเพราะหากปิดหีบแล้วเท่ากับว่าจะทำให้ปริมาณน้ำตาลทรายถูกจัดสรรไปโควตาค.(ส่งออก) เพื่อจำหน่ายสู่ต่างประเทศหมด หลังจากปริมาณน้ำตาลโควตาก.ถูกวางไว้ที่ 21 ล้านกระสอบในปีนี้ ดังนั้นจะไม่สามารถดึงโควตาอื่นมาเพิ่มในโควตาก.ได้ทันท่วงที
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนกระทรวงพาณิชย์ที่ระบุว่าน้ำตาลขาดเพราะกลุ่มผู้ผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกที่ได้สิทธในการซื้อน้ำตาลทรายโควตาค.หันไปแย่งซื้อน้ำตาลโควตาก.จึงจะเสนอให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) ทบทวนการจัดสรรโควตา ค. ให้สอดคล้องกับปริมาณที่ใช้จริง ซึ่งหากผู้ได้รับจัดสรรใช้น้ำตาลไม่ถึง 70% ของโควตาที่ได้รับจะขอให้ตัดลดโควตาปีต่อไปลงเท่ากับปริมาณการใช้จริง จนถึงตัดสิทธิการได้รับโควตา 3 ปีซึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีเพราะการตัดสิทธิ์จะมีผลในปีถัดไป
แหล่งข่าวกล่าวว่า การซื้อน้ำตาลของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่พบว่า บางบริษัทมีความคาบเกี่ยวระหว่างการผลิตเพื่อการส่งออกและการผลิตในประเทศซึ่งสิทธิในการใช้โควตาค.คือการผลิตเพื่อส่งออกทั้งหมด
แต่มีบางกลุ่มบริษัทที่อ้างเศรษฐกิจในประเทศดีเพิ่มการซื้อน้ำตาลโควตาก.เป็นเท่าตัวซึ่งรัฐกลับไม่มีเครื่องมือที่จะไปตรวจสอบได้ว่าที่ซื้อไปนั้นแท้จริงขายสินค้าในประเทศหรือมีการแอบไปผลิตเพื่อการส่งออกด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ยังพบว่าอีกกลุ่มกว้านซื้อเพื่อกักตุนไว้โดยเฉพาะผู้ผลิตสินค้าที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบหลักเช่น น้ำอัดลม ผลไม้กระป๋องเครื่องดื่มชูกำลัง ฯลฯแต่เป็นการซื้อน้ำตาลแบบเก็บตั๋วขนย้ายเอาไว้ทำให้เมื่อไปตรวจสอบจะไม่พบน้ำตาลทรายถูกเก็บไว้แต่อย่างใด
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำตาลทรายบริโภคในประเทศ (โควตาก.) ยอมรับว่าเริ่มมีการตึงตัวเนื่องจากราคาตลาดโลกสูงกว่าราคาในประเทศ โดยจากการติดตามพบว่ามีการซื้อน้ำตาลทรายโดยตรงที่โรงงานน้ำตาลของกลุ่มผู้ผลิตสินค้าทั้งผลิตเพื่อการส่งออกและผลิตในประเทศโดยให้ราคาสูงกว่าราคาหน้าโรงงานคือ 19บาทต่อกิโลกรัม (ก.ก.) ถึง 1-2 บาทต่อก.ก. ซึ่งทำให้กระทรวงพาณิชย์เร่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหามาตรการดูแลก่อนที่จะโรงงานน้ำตาลจะปิดหีบช่วงกลางมี.ค.53
“ราคาน้ำตาลทรายโควตาค.(ส่งออก) เฉลี่ยอยู่ที่ 24-25 บาทต่อก.ก.แน่นอนว่าราคาในประเทศตอนนี้จูงใจให้เกิดการกว้านซื้อ ซึ่งหากโรงงานขายตรงกับกลุ่มผู้ผลิตสินค้านอกจากจะได้ปริมาณมากกว่าการปล่อยสู่ตลาดค้าปลีกน้ำตาลแล้วยังได้ราคาที่ดีกว่า”แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ หลายฝ่ายเริ่มมีความวิตกว่า หากไม่เร่งจัดการปัญหาจะบานปลายเนื่องจากขณะนี้ยังเปิดหีบอยู่ยังเริ่มมีปัญหาตึงตัวจึงทำให้พาณิชย์ได้จี้ผ่านการประชุมคณะกรรมการน้ำตาลทราย(กน.) ให้เร่งแก้ไขเพราะหากปิดหีบแล้วเท่ากับว่าจะทำให้ปริมาณน้ำตาลทรายถูกจัดสรรไปโควตาค.(ส่งออก) เพื่อจำหน่ายสู่ต่างประเทศหมด หลังจากปริมาณน้ำตาลโควตาก.ถูกวางไว้ที่ 21 ล้านกระสอบในปีนี้ ดังนั้นจะไม่สามารถดึงโควตาอื่นมาเพิ่มในโควตาก.ได้ทันท่วงที
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนกระทรวงพาณิชย์ที่ระบุว่าน้ำตาลขาดเพราะกลุ่มผู้ผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกที่ได้สิทธในการซื้อน้ำตาลทรายโควตาค.หันไปแย่งซื้อน้ำตาลโควตาก.จึงจะเสนอให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) ทบทวนการจัดสรรโควตา ค. ให้สอดคล้องกับปริมาณที่ใช้จริง ซึ่งหากผู้ได้รับจัดสรรใช้น้ำตาลไม่ถึง 70% ของโควตาที่ได้รับจะขอให้ตัดลดโควตาปีต่อไปลงเท่ากับปริมาณการใช้จริง จนถึงตัดสิทธิการได้รับโควตา 3 ปีซึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีเพราะการตัดสิทธิ์จะมีผลในปีถัดไป
แหล่งข่าวกล่าวว่า การซื้อน้ำตาลของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่พบว่า บางบริษัทมีความคาบเกี่ยวระหว่างการผลิตเพื่อการส่งออกและการผลิตในประเทศซึ่งสิทธิในการใช้โควตาค.คือการผลิตเพื่อส่งออกทั้งหมด
แต่มีบางกลุ่มบริษัทที่อ้างเศรษฐกิจในประเทศดีเพิ่มการซื้อน้ำตาลโควตาก.เป็นเท่าตัวซึ่งรัฐกลับไม่มีเครื่องมือที่จะไปตรวจสอบได้ว่าที่ซื้อไปนั้นแท้จริงขายสินค้าในประเทศหรือมีการแอบไปผลิตเพื่อการส่งออกด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ยังพบว่าอีกกลุ่มกว้านซื้อเพื่อกักตุนไว้โดยเฉพาะผู้ผลิตสินค้าที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบหลักเช่น น้ำอัดลม ผลไม้กระป๋องเครื่องดื่มชูกำลัง ฯลฯแต่เป็นการซื้อน้ำตาลแบบเก็บตั๋วขนย้ายเอาไว้ทำให้เมื่อไปตรวจสอบจะไม่พบน้ำตาลทรายถูกเก็บไว้แต่อย่างใด
