xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องลึก“เหลิม”ฉะ“สุดารัตน์” ไม่ไหวจะทนขวางขึ้นนายกฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไม่จบลงง่ายๆแน่นอนสำหรับ ปัญหาเกาเหลาภายในพรรคเพื่อไทย ที่สองแกนนำพรรคคือร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรค และประธานคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทย กับคู่กรณี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าซุ้มกรุงเทพฯ เพื่อไทย
เปิดศึกด่าลั่น ขึ้นคำผรุสวาท สมัยพ่อขุมรามคำแหง กลางที่ประชุมส.ส.พรรค-สำนักงานที่ทำการพรรค ต่อหน้าแกนนำ-ส.ส. และสื่อมวลชน เมื่อวันอังคารที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งถ้อยคำอย่างเช่น
**“ไอ้-อี-มึง-กู- ” ว่อนที่ทำการพรรค จนส.ส.-นักข่าว ตกใจชนิดจดข่าว คำด่ากันแทบไม่ทัน
เฉลิม แสดงความกร่างสุดขีด เรียกน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพฯและประธานศูนย์ปราบโกงของพรรคเพื่อไทย บุตรชาย น.ต.ฐิติ นาครทรรพ อดีตล็อบบี้ยีสต์การเมืองคนดังจากพรรคสามัคคีธรรมในยุครสช.เรืองอำนาจ ที่ทำให้”บิ๊กสุ” พลเอกสุจินดา คราประยูร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี มาด่าโชว์ต่อหน้าสื่อมวลชน
แต่คนที่สะดุ้งและคงโกรธแค้นจนควันออกหู หลังได้รับรายงานทางสายโทรศัพท์ จากส.ส.กทม.หนีไม่พ้น เจ๊หน่อย-สุดารัตน์ ที่เจอไล่ด่าจิกหัวอย่างเช่น “หมาหวงก้าง-อีหน่อย” แต่ตอบโต้ไม่ได้ จนเสียผู้เสียคน
เหตุแห่งเรื่องนี้ จริงๆแล้วไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เพราะคนทั้งพรรครู้กันดีว่า“เหลิม-หน่อย” ก็เหมือนกับเสือสองตัวที่อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เหตุเพราะทั้งสองคน ไม่กินเส้นกันมาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่เหลิมยังเป็นหัวหน้าพรรคมวลชน และเจ๊หน่อย อยู่พลังธรรม
**แต่เมื่อมาอยู่ด้วยกันที่พลังประชาชน จนมาถึงเพื่อไทย ทั้งสองคนแม้อยู่พรรคเดียวกันแต่ก็ “แทงหลัง” ผ่านแกนนำพรรคไล่ตั้งแต่ ทักษิณ ชินวัตร-ส.ส.-สื่อมวลชน กันตลอด
ยิ่งช่วงหลัง เมื่อเจ๊หน่อย ต้องออกไปนอกเวที ปล่อยให้ เหลิม คุมเกมในพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ มาเกือบสองปีกว่า ยิ่งเมื่อมารู้ว่า เฉลิม คิดสลายอำนาจตัวเอง ถึงขึ้นเสนอต่อทักษิณ ชินวัตร มานานแล้ว ให้แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบพื้นที่เลือกตั้งกทม.ออกเป็นสามโซนคือ กทม.เหนือ กทม.ใต้ และฝั่งธนบุรี โซนละ 12 คน รวมเป็น 36 คน จากเดิมที่ทั้งหมดอยู่ที่การดูแลของสุดารัตน์คนเดียว
**เหลิม ทำแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเหยียบหน้า เปิดหน้าชก กับสุดารัตน์ แล้วมีหรือเจ๊แสบกทม.จะยอม
“เจ๊สั่งลุย”เลยเกิดขึ้นทันที ด้วยการไปจับมือกับแกนนำเพื่อไทย กลุ่มบ้านเลขที่ 111 และ109 อาทิ พงศ์เทพ เทพกาญจนา พงษ์ศักดิ์ รักตะพงษ์ไพศาล ภูมิธรรม เวชชยชัย นพ. สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี เสนอแนวคิดการปรับโครงสร้างการบริหารงานพรรคใหม่ เพื่อหวังเตะสกัดขาไม่ให้เหลิมที่ระยะหลังกำลังคิดสร้างกลุ่ม ”บ้านริมคลอง” ที่ต่อสาย ส.ส.อีสาน เพื่อไทย ที่เป็นอดีตส.ส.ความหวังใหม่เดิม และอดีตส.ส.กทม. โดยเฉพาะฝั่งธนบุรีทั้งสอบได้และสอบตก มาสร้างฐานการเมืองให้กับตัวเองภายในเพื่อไทย
จึงทำให้กลุ่มนักโทษการเมืองดังกล่าว ที่ไม่ได้สนิทอะไรกับเฉลิม ซึ่งเข้ามาอยู่กับเพื่อไทยเพราะเทียบเชิญของสมัคร สุนทรเวช เห็นว่าจำเป็นต้อง ”คุมกำเนิดอำนาจ” ของเฉลิมไม่ให้ โตในพรรคมากกว่านี้
**แต่สิ่งที่คนเหล่านี้ไม่รู้ก็คือ ทุกความเคลื่อนไหวในการจะแทงหลังเฉลิม มีไส้ศึกในกลุ่มตัวเองคอยรายงานความเคลื่อนไหวให้ทราบตลอดว่า คนไหนไปกินข้าวกับใคร โทรหาคอลัมนิสต์ฉบับไหน และโทรไปปล่อยข่าวเรื่องอะไร
เช่น ข่าวที่ออกไปว่า เฉลิมคิดการใหญ่หวังยึดเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และหวังเป็นนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่เรื่องการปล่อยข่าวกันในพรรคว่า เฉลิมเป็นมะเร็ง!
ทั้งนี้เรื่องหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะพบว่าเฉลิม ได้พูดมาหลายสิบครั้งแล้วว่าไม่ขอรับเด็ดขาดเพราะรู้ดีว่าเพื่อไทย ขยับอะไรก็ถูกจ้องขยับแทบไม่ได้ หากขืนเป็นหัวหน้าพรรค มีสิทธิ์เจอคดียุบพรรค เว้นวรรคการเมืองห้าปี
แต่เรื่องนายกรัฐมนตรี เจ้าตัวก็พูดมานับสิบครั้งโดยเฉพาะในที่ประชุมพรรคว่า “อยากเป็น” แต่ขอเป็นนายกรัฐมนตรีแค่ 6 เดือนแล้วจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม เอาทักษิณ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี จากนั้นจะลาออก ทุกความเคลื่อนไหวที่มีคนในพรรคเพื่อไทยจ้อง
** “ดิสเครดิต-เลื่อยขา-แทงหลัง”
เฉลิมรู้ตลอด เพียงแต่ที่ผ่านมา เก็บอาการอยู่ แต่ครั้งนี้ที่ “ธาตุไฟแตก” ก็เพราะ“ฉุนขาด” ที่เจอ “เจ๊หน่อย” เล่นหลายดอก
ตั้งแต่จะเอา“น้าบัติซบ” สมบัติ เมทะนี มาลงสมัครส.ส.กทม. ในเพื่อไทย แล้วถีบลูกบังเกิดเกล้าที่กำลังวางแผนใกล้จะขึ้นป้ายหาเสียงตกกระป๋อง
หรือกำลังจะเสนอให้เข็น“เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ที่เพื่อไทยจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
รวมถึงการผลักดันให้ “เสี่ยลาว” พรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ส.ส.ศรีสะเกษ ตั้งกลุ่มอีสานขึ้นมาแบบเป็นตัวเป็นตน เพื่อตัดกำลังของเฉลิม ไม่ให้เติบใหญ่มากกว่านี้
**ทั้งหมดเป็นสัญญาณที่บ่งบอก ให้เฉลิมรู้แล้วว่า แผนการทั้งหมดของสุดารัตน์ กำลังทำให้เฉลิม กลายเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่ถูกแกนนำพรรคสายนักโทษการเมืองหลอกใช้ จากนั้นก็ถีบหัวทิ้ง
เหมือนกับที่ตอนเลือกตั้งปี 50 ซึ่งให้เป็นขุนพลหลักในการปราศรัยทุกเวทีของพรรคพลังประชาชน แล้วก็ตอบแทนด้วยเก้าอี้รมว.มหาดไทย แค่ไม่กี่เดือน จากนั้นก็ถูกเขี่ยพ้นครม.โดยไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรีใดๆให้ทั้งสิ้น จนทำให้เฉลิมกระอักเลือด แทบเขวี้ยงแก้วไวน์ทิ้งในบ้านพักริมคลอง เพราะความอับอายขายหน้า
**เหตุการณ์ครั้งนั้น เป็นบทเรียนการเมืองครั้งสำคัญที่ ทำให้เฉลิมรู้ดีว่า การเมืองในเพื่อไทย หากถึงเวลาจริงๆ สามารถฆ่ากันได้ทุกสถานการณ์ และครั้งนี้จะต้องไม่พลาดอีกเป็นครั้งสอง
เพราะตอนนี้เฉลิมก็อายุมากแล้ว เส้นทางการเมืองกับตำแหน่งสูงสุดคือ นายกรัฐมนตรี ก็ถือว่านับถอยหลังแล้ว หากไม่รีบทำไม่รีบคว้าโอกาสที่อยู่ใกล้มือมากที่สุดในช่วงนี้ โอกาสอาจหลุดลอย เพราะยามนี้เพื่อไทยมีความพร้อมในการเลือกตั้งมากที่สุด หากมีการเลือกตั้งใหญ่เกิดขึ้น โอกาสที่จะได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ยังเป็นเต็งหนึ่ง
หากเฉลิมขึ้นมาเป็นแกนนำพรรคตัวจริงได้สำเร็จ และทักษิณไม่ขัดข้อง โอกาสที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุดในชีวิตก็ครั้งนี้
**เมื่อโอกาสจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี–ลูกชายได้เดินเข้าสภาหินอ่อนในฐานะส.ส.ฝั่งธนบุรี กำลังจะกลายเป็นฝันค้าง แถมกำลังกลายเป็นม้าใช้ให้ คู่ปรับเก่า สุดารัตน์ หลอกใช้งาน ในการล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ และทำให้เพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งใหญ่ จากนั้นพอเสร็จศึก ก็วางแผนจะฆ่าขุนพล
มันเลย ธาตุไฟแตก ด่ากราด แบบไม่สนใจใคร ไม่ว่าจะเป็นอดีตทหารอากาศ หรือหัวหน้ากลุ่มเพื่อไทยคนไหน
ศึกนี้ของเพื่อไทย ยังไม่ทันได้ขึ้นชก ทำสงครามในสภา อภิปรายไม่ไว้วางใจล้มอภิสิทธิ์ ก็ดันมาทัพแตกเสียก่อน คนที่ดีใจมากที่สุด ก็ไม่ใช่ใคร
**อภิสิทธิ์ ประชาธิปัตย์ นั่นไง
กำลังโหลดความคิดเห็น