ASTVผู้จัดการรายวัน – วังเด็กทอยส์ฯ เชื่อปีเสือทอง โอกาสตลาดของเล่นเด็กฟื้นตัว หลังปีก่อนปรับตัวรับมือสุดฤทธ์รับมือตลาดทรุด 30% ปีนี้คาดเติบโตขึ้น 20 % จาก 100 ล้านบาทที่ทำได้ในปีก่อน มองอาฟตาไม่มีผล เหตุสินค้านำเข้าจากจีนอยู่แล้ว
นางพิมพ์พิศา ชุณหเสนีย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท วังเด็กทอยส์แลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดของเล่นในปี 2552 ที่ผ่านมา เชื่อว่าตลาดตกลงกว่า 30% จากสภาพเศรษฐกิจและการเมืองเป็นสำคัญ โดยในส่วนของวังเด็กฯเองนั้น ปีก่อนมีการปรับตัวรับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มของเล่นและของใช้เด็กเล็กและการนำสินค้ามาวางจำหน่ายลดราคาล้างสต๊อก จึงส่งผลให้สิ้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯจึงยังมีรายได้ตามแผนที่วางไว้ที่ 100 ล้านบาท
สำหรับในปีนี้ เชื่อมั่นว่าภาพรวมตลาดของเล่นเด็กจะกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง โดยน่าจะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นหลังช่วงไตรมาสหนึ่งผ่านพ้นไปแล้ว โดยการเติบโตดังกล่าว มองว่าจะมาจากภาพรวมเศรษฐกิจที่น่าจะดีขึ้น รวมถึงปัจจัยบวกอย่าง ภาพยนตร์เรื่อง ทอยส์ สตอรี่3 ที่ส่งให้ของเล่นเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวจะดีขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อมองในภาพรวมแล้ว กลุ่มของเล่นสำหรับเด็กเล็ก ของเล่นพัฒนาการ และของเล่นจากภาพยนตร์ จะเป็นกลุ่มของเล่นที่มีอัตราการเติบโตมากสุด
นางพิมพ์พิศา กล่าวต่อว่า จากกรณีการเปิดการค้าเสรี หรือ อาฟตา ในส่วนของตลาดของเล่นเด็ก เชื่อว่าจะมีสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาในไทยอีกมาก แต่สำหรับวังเด็กมองว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบแต่อย่างไร เพราะปัจจุบันบริษัทนำเข้าสินค้าของเล่นเด็กจากจีนเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว รองลงมา คือ ไต้หวัน และญี่ปุ่น โดยรายได้จากการจำหน่ายของเล่นเด็กนั้นกว่า 80% เป็นการนำเข้าเพื่อจำหน่าย และอีก 20% มาจากการผลิตของโรงงานในเครือ คือ โรงงานยูเนี่ยนทอยส์ไทยแลนด์
อย่างไรก็ตามแผนการดำเนินงานในปีนี้ วังเด็กฯเตรียมเพิ่มแบรนด์ของเล่นจากต่างประเทศเข้ามาอีก 2 แบรนด์ จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 5 แบรนด์ เช่น ฟิชเชอร์ไพรซ์, กู้ดเบบี้ และ ทอยส์รอยัล พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับของเล่นจากภาพยนตร์เรื่อง ทอยส์ สตอรี่3 รวมไปถึงการเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจังในส่วนของของเล่นและของใช้สำหรับเด็กเล็ก เชื่อว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้เติบโตขึ้นอีก 20% จาก 100 ล้านบาทในปีก่อน หรือยังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ได้ที่ 20% จากตลาดรวมของเล่นเด็กไว้ได้ จากปัจจุบันมีผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดนี้ประมาณ 5 ราย คือ นิชิเวิลด์, เอเปคทอยส์, ทีเอส ไลฟ์สไตล์, ก. เจริญ และ วังเด็กทอยส์แลนด์
นางพิมพ์พิศา ชุณหเสนีย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท วังเด็กทอยส์แลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดของเล่นในปี 2552 ที่ผ่านมา เชื่อว่าตลาดตกลงกว่า 30% จากสภาพเศรษฐกิจและการเมืองเป็นสำคัญ โดยในส่วนของวังเด็กฯเองนั้น ปีก่อนมีการปรับตัวรับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มของเล่นและของใช้เด็กเล็กและการนำสินค้ามาวางจำหน่ายลดราคาล้างสต๊อก จึงส่งผลให้สิ้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯจึงยังมีรายได้ตามแผนที่วางไว้ที่ 100 ล้านบาท
สำหรับในปีนี้ เชื่อมั่นว่าภาพรวมตลาดของเล่นเด็กจะกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง โดยน่าจะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นหลังช่วงไตรมาสหนึ่งผ่านพ้นไปแล้ว โดยการเติบโตดังกล่าว มองว่าจะมาจากภาพรวมเศรษฐกิจที่น่าจะดีขึ้น รวมถึงปัจจัยบวกอย่าง ภาพยนตร์เรื่อง ทอยส์ สตอรี่3 ที่ส่งให้ของเล่นเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวจะดีขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อมองในภาพรวมแล้ว กลุ่มของเล่นสำหรับเด็กเล็ก ของเล่นพัฒนาการ และของเล่นจากภาพยนตร์ จะเป็นกลุ่มของเล่นที่มีอัตราการเติบโตมากสุด
นางพิมพ์พิศา กล่าวต่อว่า จากกรณีการเปิดการค้าเสรี หรือ อาฟตา ในส่วนของตลาดของเล่นเด็ก เชื่อว่าจะมีสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาในไทยอีกมาก แต่สำหรับวังเด็กมองว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบแต่อย่างไร เพราะปัจจุบันบริษัทนำเข้าสินค้าของเล่นเด็กจากจีนเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว รองลงมา คือ ไต้หวัน และญี่ปุ่น โดยรายได้จากการจำหน่ายของเล่นเด็กนั้นกว่า 80% เป็นการนำเข้าเพื่อจำหน่าย และอีก 20% มาจากการผลิตของโรงงานในเครือ คือ โรงงานยูเนี่ยนทอยส์ไทยแลนด์
อย่างไรก็ตามแผนการดำเนินงานในปีนี้ วังเด็กฯเตรียมเพิ่มแบรนด์ของเล่นจากต่างประเทศเข้ามาอีก 2 แบรนด์ จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 5 แบรนด์ เช่น ฟิชเชอร์ไพรซ์, กู้ดเบบี้ และ ทอยส์รอยัล พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับของเล่นจากภาพยนตร์เรื่อง ทอยส์ สตอรี่3 รวมไปถึงการเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจังในส่วนของของเล่นและของใช้สำหรับเด็กเล็ก เชื่อว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้เติบโตขึ้นอีก 20% จาก 100 ล้านบาทในปีก่อน หรือยังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ได้ที่ 20% จากตลาดรวมของเล่นเด็กไว้ได้ จากปัจจุบันมีผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดนี้ประมาณ 5 ราย คือ นิชิเวิลด์, เอเปคทอยส์, ทีเอส ไลฟ์สไตล์, ก. เจริญ และ วังเด็กทอยส์แลนด์