วันหนึ่ง เช้าตรู่ขณะเสี่ยฮะประกอบบุญกุศลทุกเช้า คือมาคอยใส่บาตรที่หน้าบ้าน โดยมีลูก 2 คน คนใช้อีก 2 คน ช่วยเหลือ
จู่ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านหน้า และชะลอนิดหนึ่งทำให้เสี่ยฮะชะงัก
ทันใดนั้น รถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งตามมาก็เบรกกะทันหัน ชายที่สวมหมวกกันน็อกปิดหน้าสีดำ เดินช้าๆ เข้ามายิงกระหน่ำกระชั้นชิด 5 นัดซ้อน โดนหัว และเข้าที่อกตรงหัวใจ อีก 2 นัด
เสี่ยฮะตายคาที่ ต่อหน้าลูกๆ และคนใช้ กว่าตำรวจจะรู้ และมาถึงที่เกิดเหตุก็ 20 นาทีแล้ว มอเตอร์ไซค์ไม่ติดป้ายทะเบียนทั้ง 2 คัน เตลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหนนานพอสมควร มีแต่ไทยมุงยืนดูศพอยู่เท่านั้น
ชายหน้าเหี้ยมปะปนอยู่ในบรรดาไทยมุงด้วย เขาเป็นมือปืนที่ยิงเสียฮะ เมื่อกี้นี้เอง ต้องการมาสืบดูว่า ตำรวจรู้อะไรบ้าง
ในงานศพสวดศพให้กับผู้ตาย มีพวงหรีดใหญ่เบ้อเริ่มของนายสมหวังรวมอยู่ด้วย พร้อมข้อความว่า “แด่ผู้มีพระคุณ” เป็นของนายสมหวัง นุกูลธนวัตร
เป็นพระคุณตอบแทนให้กับผู้ตายที่ทำให้นายสมหวังได้เกิดพร้อมกับธุรกิจขายรถยนต์มาสด้า แต่กรรมดีที่นายฮะสร้างไว้ สวรรค์มองเห็น จึงลงโทษนายสมหวังในเวลาต่อมาชนิดติดจรวด
นายสมหวังขายรถใหม่แต่ไม่มีอู่บริการ เขาต้องส่งรถยนต์ใหม่ไปเช็กระยะที่ภาวีกิจถึงเพชรบุรีทุกคัน โดยจ่ายเงินให้ภาวีกิจคันละพันบาททุกครั้ง
สมหวังไม่กล้าเบี้ยวเงินจำนวนนี้ เพราะภาวีกิจสนิทกับเจ้าพ่อเมืองเพชรดุจญาติ ที่ไม่มีอู่บริการยังไม่สำคัญเท่ากับที่เขาไม่รู้จักการบริหารอะไหล่รถยนต์เลย
ดังนั้น เมื่ออะไหล่ขาดชิ้นใด เขาก็ไม่สั่งมันเสียดื้อๆ แต่ให้ลูกน้องเอารถป้ายแดงใหม่เอี่ยมมาถอดชิ้นส่วนออกทีละชิ้น แล้วก็เอามาซ่อมแซมรถยนต์ของลูกค้าเป็นอะไหล่ใหม่
ช่างที่เขาเอามาใช้งาน ก็ใช่ว่าจะเก่ง แค่เด็กฝึกงานที่เขาอาศัยภารกิจช่วยฝึกเท่านั้น และฝึกระยะสั้นๆ เดือนเดียว
เด็กพวกนี้ทำงานกันชุ่ยๆ บางครั้งก็ไม่ได้เอาน้ำมันเครื่องใหม่ใส่ หรือเติมให้เต็ม ปิดไขน็อตโดยไม่มีน้ำมันเครื่องอยู่เลย วิ่งไปได้พักเดียวเครื่องร้อน โดยผู้ใช้ไม่รู้สาเหตุก็ต้องลากด้วยระยะทางไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตรถึงภาวีกิจ ซึ่งมีคิวซ่อมลูกค้าของอู่ตัวเองอยู่หลายคัน กว่าจะซ่อมลูกค้าเสี่ยสมหวังเสร็จก็ 2-3 วัน เข้าไปแล้ว ลูกค้าเหม็นเบื่อก็บอกต่อๆ กันไป
การถอดอะไหล่จากรถใหม่ทำกันจนเสียรถไปเปล่าๆ 4-5 คัน พอสั่งรถใหม่ บริษัทแม่ก็บอกว่ารถที่ส่งมอบไปและให้เครดิตด้วยยังมีเหลือ 4-5 คัน ก็ปฏิเสธเสี่ยสมหวัง
ลูกน้องก็ไม่บอกความจริงว่า รถถูกถอดเป็นชิ้นๆ แล้ว กระทั่งบริษัทแม่ต้องให้คนมาตรวจสอบ คนมาตรวจเห็นซากรถใหม่ กลวงโบ๋ ขึ้นแท่นอยู่ไม่เหลือแม้แต่วงล้อ, ยาง, ฝากระโปรง, ประตู, ไฟหน้า, ไฟท้ายก็แทบเป็นลม กลับไปรายงานให้นายทราบ
นายสมหวังถูกตัดขาดไม่ได้เป็นเอเยนต์มาสด้าอีก เพื่อป้องกันไม่ให้นายสมหวังได้ผุดได้เกิด นายสมหวังโดนขึ้นบัญชีดำ หากินไม่ได้ ไม่ว่ารถยนต์ยี่ห้อใดก็เถอะ
บริษัทมาสด้าส่งบัญชีดำให้กับรถยนต์ทุกบริษัทที่มีจำหน่ายในประเทศไทย และเรียกรถยนต์ที่เหลือคืนอีก 7 คัน
แต่นายสมหวังไม่คืน อ้างว่าขายไปหมดแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ขายแม้แต่คันเดียว เพียงแต่เขาพูดกับภาวีกิจว่าจะขายต่อในครึ่งราคาเท่านั้น ภาวีกิจไม่ทราบเรื่องว่ามาสด้าเรียกรถคืนก็รับไว้ ลงท้ายบริษัทมาสด้าก็ส่งหมายศาลมาถึงสมหวัง สมหวังก็ไม่ได้ว่าอะไร เขารับเงินจากภาวีกิจไปแล้ว
เรื่องการขายรถยนต์จบลง แต่นายสมหวังก็ไม่ได้ขึ้นศาล เพราะยอมความกันก่อน ทนายจากธนาคารไปพูดกับทางมาสด้าเพื่อที่จะจ่ายเงินคืนทยอยเป็นงวดๆ ไปจนกว่าจะครบจำนวน
สมหวังเลยเป็นหนี้ธนาคารหลายล้านบาทตามมูลค่ารถใหม่ 7 คัน แต่โชคชะตาของสมหวังยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าเขาทำบุญมาชาติก่อนไว้มากหรืออย่างไร? แม้จะชั่วช้าอย่างไร รูปสมบัติก็ดูไม่ได้ อ้วน หน้าตาปุปะดีอย่างเดียวคือปากหวาน เป็นเสน่ห์อย่างเดียวที่เขาทำได้ จากแม่ที่เคยเป็นแม่ค้าขายบัวลอยไข่หวานในตลาดเมืองเพชรขึ้นชื่อมากในสมัยนั้น
สมหวังพบรักแท้ครั้งแรก
และสมหวังตามชื่อ เมื่อขึ้นไปลองรถโฟร์วีลคันใหม่ที่เชียงราย ผู้หญิงที่เขาเห็นทำงานอยู่ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ เธออายุแค่ 22 เท่านั้น ผิวขาว สวยสะดุดตา มีแฟนเป็นครูอยู่วิทยาลัยเทคนิค และรู้จักกับพ่อแม่ฝ่ายหญิงด้วย หล่อกว่าความอัปลักษณ์ของสมหวังมาก
แต่การที่สมหวังมีเงินเยอะที่ธนาคารสำนักงานใหญ่ พนักงานธนาคารก็ตรวจสอบได้ หลังจากที่สมหวังมาขึ้นเช็คและพบกับมยุรีเป็นครั้งแรก
เพื่อนมยุรีแอบกระซิบให้ฟังว่าผู้ชายที่มาแลกเช็คเมื่อกี้มีเงินหลายล้านบาท โดยส่วนตัวมยุรีมีเงินมากกว่าหลายเท่า ฐานะที่บ้านของเธอดีกว่าสมหวังมาก พ่อเธอค้าเพชรพลอย โดยมีเหมืองอยู่ในเขตพม่า และเป็นคนซื่อตรง การมีเหมืองไม่ใช่เรื่องแปลก
พ่อเธอจริงๆ ก็เป็นตระกูลเก่าแก่ เป็นคนพม่า และเป็นคนได้สัญชาติไทย ครอบครัวญาติพี่น้องฝั่งพม่าก็เป็นผู้ดีเก่า มีความสัมพันธ์กับรัฐบาลพม่า และใกล้ชิดกับผู้นำพม่าในขณะนั้น
พ่อเธอเลยได้อานิสงส์เพราะเหตุนี้ แค่ตัดพลอยหรือหยกก็ทำกำไรได้หลายล้านแล้ว
มยุรีนั้นเป็นคนมัธยัสถ์ ใช้เงินน้อยมาก ทำงานที่ธนาคารได้ก็เพราะมีเงินฝากในธนาคารเกือบ 50 ล้านบาท น้อยคนที่รู้ว่าเธอมีเงินมากมายขนาดนี้
สมหวังก็นึกว่า เธอคงไม่มีเงินมาก หาไม่คงไม่แต่งตัวง่ายๆ สบายๆ ไม่ใส่เครื่องเพชรพลอยเหมือนสาวคนอื่นๆ ที่เคยคบมา
มยุรีเห็นหน้าเสี่ยสมหวังก็ไม่ชอบขี้หน้า
“ไม่รู้นะ ฉันว่าขี้โอ่ คุยใหญ่คุยโต ไม่รู้ว่าทำงานทำการอะไร ขี้เหร่ คนแบบนี้สู้วัลลภไม่ได้เลย รายนั้นทั้งหล่อ จนหน่อยแต่ก็สุภาพ ผู้ดีทุกระเบียดนิ้ว เธอชอบเหรอคนแบบนี้ รวยก็จนได้นะ”
เพื่อนมยุรีก็เห็นด้วย และไม่คิดว่าสมหวังจะกลับมาธนาคารอีก แต่สมหวังมาทุกวัน โดยทำเป็นไม่สนใจมยุรีเลย เขาเฝ้าติดตามว่า มยุรีไปรับประทานอาหารกลางวันที่ไหน ชอบรับประทานอะไร เคยตามไปสถานที่ต่างๆ รู้ว่ามยุรีชอบฟังเพลงอะไร เพลงไหนเป็นเพลงโปรด สถานที่ไหนที่เธอไปบ่อยๆ ชอบไปชอปปิ้งที่ไหนบ้าง แม้แต่ดูภาพยนตร์เรื่องใด เสื้อผ้าใช้ยี่ห้ออะไร เรียกว่า ไม่ว่ามยุรีกระดิกตัวไปไหน สมหวังรู้หมดทุกอย่าง ไม่พ้นสายตาของเสี่ยไปได้ ว่างั้นเถอะ
แต่พบกันสมหวังก็ไม่เคยทักทายมยุรีเลย (อ่านต่อวันพฤหัสฯ หน้า)
จู่ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านหน้า และชะลอนิดหนึ่งทำให้เสี่ยฮะชะงัก
ทันใดนั้น รถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งตามมาก็เบรกกะทันหัน ชายที่สวมหมวกกันน็อกปิดหน้าสีดำ เดินช้าๆ เข้ามายิงกระหน่ำกระชั้นชิด 5 นัดซ้อน โดนหัว และเข้าที่อกตรงหัวใจ อีก 2 นัด
เสี่ยฮะตายคาที่ ต่อหน้าลูกๆ และคนใช้ กว่าตำรวจจะรู้ และมาถึงที่เกิดเหตุก็ 20 นาทีแล้ว มอเตอร์ไซค์ไม่ติดป้ายทะเบียนทั้ง 2 คัน เตลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหนนานพอสมควร มีแต่ไทยมุงยืนดูศพอยู่เท่านั้น
ชายหน้าเหี้ยมปะปนอยู่ในบรรดาไทยมุงด้วย เขาเป็นมือปืนที่ยิงเสียฮะ เมื่อกี้นี้เอง ต้องการมาสืบดูว่า ตำรวจรู้อะไรบ้าง
ในงานศพสวดศพให้กับผู้ตาย มีพวงหรีดใหญ่เบ้อเริ่มของนายสมหวังรวมอยู่ด้วย พร้อมข้อความว่า “แด่ผู้มีพระคุณ” เป็นของนายสมหวัง นุกูลธนวัตร
เป็นพระคุณตอบแทนให้กับผู้ตายที่ทำให้นายสมหวังได้เกิดพร้อมกับธุรกิจขายรถยนต์มาสด้า แต่กรรมดีที่นายฮะสร้างไว้ สวรรค์มองเห็น จึงลงโทษนายสมหวังในเวลาต่อมาชนิดติดจรวด
นายสมหวังขายรถใหม่แต่ไม่มีอู่บริการ เขาต้องส่งรถยนต์ใหม่ไปเช็กระยะที่ภาวีกิจถึงเพชรบุรีทุกคัน โดยจ่ายเงินให้ภาวีกิจคันละพันบาททุกครั้ง
สมหวังไม่กล้าเบี้ยวเงินจำนวนนี้ เพราะภาวีกิจสนิทกับเจ้าพ่อเมืองเพชรดุจญาติ ที่ไม่มีอู่บริการยังไม่สำคัญเท่ากับที่เขาไม่รู้จักการบริหารอะไหล่รถยนต์เลย
ดังนั้น เมื่ออะไหล่ขาดชิ้นใด เขาก็ไม่สั่งมันเสียดื้อๆ แต่ให้ลูกน้องเอารถป้ายแดงใหม่เอี่ยมมาถอดชิ้นส่วนออกทีละชิ้น แล้วก็เอามาซ่อมแซมรถยนต์ของลูกค้าเป็นอะไหล่ใหม่
ช่างที่เขาเอามาใช้งาน ก็ใช่ว่าจะเก่ง แค่เด็กฝึกงานที่เขาอาศัยภารกิจช่วยฝึกเท่านั้น และฝึกระยะสั้นๆ เดือนเดียว
เด็กพวกนี้ทำงานกันชุ่ยๆ บางครั้งก็ไม่ได้เอาน้ำมันเครื่องใหม่ใส่ หรือเติมให้เต็ม ปิดไขน็อตโดยไม่มีน้ำมันเครื่องอยู่เลย วิ่งไปได้พักเดียวเครื่องร้อน โดยผู้ใช้ไม่รู้สาเหตุก็ต้องลากด้วยระยะทางไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตรถึงภาวีกิจ ซึ่งมีคิวซ่อมลูกค้าของอู่ตัวเองอยู่หลายคัน กว่าจะซ่อมลูกค้าเสี่ยสมหวังเสร็จก็ 2-3 วัน เข้าไปแล้ว ลูกค้าเหม็นเบื่อก็บอกต่อๆ กันไป
การถอดอะไหล่จากรถใหม่ทำกันจนเสียรถไปเปล่าๆ 4-5 คัน พอสั่งรถใหม่ บริษัทแม่ก็บอกว่ารถที่ส่งมอบไปและให้เครดิตด้วยยังมีเหลือ 4-5 คัน ก็ปฏิเสธเสี่ยสมหวัง
ลูกน้องก็ไม่บอกความจริงว่า รถถูกถอดเป็นชิ้นๆ แล้ว กระทั่งบริษัทแม่ต้องให้คนมาตรวจสอบ คนมาตรวจเห็นซากรถใหม่ กลวงโบ๋ ขึ้นแท่นอยู่ไม่เหลือแม้แต่วงล้อ, ยาง, ฝากระโปรง, ประตู, ไฟหน้า, ไฟท้ายก็แทบเป็นลม กลับไปรายงานให้นายทราบ
นายสมหวังถูกตัดขาดไม่ได้เป็นเอเยนต์มาสด้าอีก เพื่อป้องกันไม่ให้นายสมหวังได้ผุดได้เกิด นายสมหวังโดนขึ้นบัญชีดำ หากินไม่ได้ ไม่ว่ารถยนต์ยี่ห้อใดก็เถอะ
บริษัทมาสด้าส่งบัญชีดำให้กับรถยนต์ทุกบริษัทที่มีจำหน่ายในประเทศไทย และเรียกรถยนต์ที่เหลือคืนอีก 7 คัน
แต่นายสมหวังไม่คืน อ้างว่าขายไปหมดแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ขายแม้แต่คันเดียว เพียงแต่เขาพูดกับภาวีกิจว่าจะขายต่อในครึ่งราคาเท่านั้น ภาวีกิจไม่ทราบเรื่องว่ามาสด้าเรียกรถคืนก็รับไว้ ลงท้ายบริษัทมาสด้าก็ส่งหมายศาลมาถึงสมหวัง สมหวังก็ไม่ได้ว่าอะไร เขารับเงินจากภาวีกิจไปแล้ว
เรื่องการขายรถยนต์จบลง แต่นายสมหวังก็ไม่ได้ขึ้นศาล เพราะยอมความกันก่อน ทนายจากธนาคารไปพูดกับทางมาสด้าเพื่อที่จะจ่ายเงินคืนทยอยเป็นงวดๆ ไปจนกว่าจะครบจำนวน
สมหวังเลยเป็นหนี้ธนาคารหลายล้านบาทตามมูลค่ารถใหม่ 7 คัน แต่โชคชะตาของสมหวังยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าเขาทำบุญมาชาติก่อนไว้มากหรืออย่างไร? แม้จะชั่วช้าอย่างไร รูปสมบัติก็ดูไม่ได้ อ้วน หน้าตาปุปะดีอย่างเดียวคือปากหวาน เป็นเสน่ห์อย่างเดียวที่เขาทำได้ จากแม่ที่เคยเป็นแม่ค้าขายบัวลอยไข่หวานในตลาดเมืองเพชรขึ้นชื่อมากในสมัยนั้น
สมหวังพบรักแท้ครั้งแรก
และสมหวังตามชื่อ เมื่อขึ้นไปลองรถโฟร์วีลคันใหม่ที่เชียงราย ผู้หญิงที่เขาเห็นทำงานอยู่ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ เธออายุแค่ 22 เท่านั้น ผิวขาว สวยสะดุดตา มีแฟนเป็นครูอยู่วิทยาลัยเทคนิค และรู้จักกับพ่อแม่ฝ่ายหญิงด้วย หล่อกว่าความอัปลักษณ์ของสมหวังมาก
แต่การที่สมหวังมีเงินเยอะที่ธนาคารสำนักงานใหญ่ พนักงานธนาคารก็ตรวจสอบได้ หลังจากที่สมหวังมาขึ้นเช็คและพบกับมยุรีเป็นครั้งแรก
เพื่อนมยุรีแอบกระซิบให้ฟังว่าผู้ชายที่มาแลกเช็คเมื่อกี้มีเงินหลายล้านบาท โดยส่วนตัวมยุรีมีเงินมากกว่าหลายเท่า ฐานะที่บ้านของเธอดีกว่าสมหวังมาก พ่อเธอค้าเพชรพลอย โดยมีเหมืองอยู่ในเขตพม่า และเป็นคนซื่อตรง การมีเหมืองไม่ใช่เรื่องแปลก
พ่อเธอจริงๆ ก็เป็นตระกูลเก่าแก่ เป็นคนพม่า และเป็นคนได้สัญชาติไทย ครอบครัวญาติพี่น้องฝั่งพม่าก็เป็นผู้ดีเก่า มีความสัมพันธ์กับรัฐบาลพม่า และใกล้ชิดกับผู้นำพม่าในขณะนั้น
พ่อเธอเลยได้อานิสงส์เพราะเหตุนี้ แค่ตัดพลอยหรือหยกก็ทำกำไรได้หลายล้านแล้ว
มยุรีนั้นเป็นคนมัธยัสถ์ ใช้เงินน้อยมาก ทำงานที่ธนาคารได้ก็เพราะมีเงินฝากในธนาคารเกือบ 50 ล้านบาท น้อยคนที่รู้ว่าเธอมีเงินมากมายขนาดนี้
สมหวังก็นึกว่า เธอคงไม่มีเงินมาก หาไม่คงไม่แต่งตัวง่ายๆ สบายๆ ไม่ใส่เครื่องเพชรพลอยเหมือนสาวคนอื่นๆ ที่เคยคบมา
มยุรีเห็นหน้าเสี่ยสมหวังก็ไม่ชอบขี้หน้า
“ไม่รู้นะ ฉันว่าขี้โอ่ คุยใหญ่คุยโต ไม่รู้ว่าทำงานทำการอะไร ขี้เหร่ คนแบบนี้สู้วัลลภไม่ได้เลย รายนั้นทั้งหล่อ จนหน่อยแต่ก็สุภาพ ผู้ดีทุกระเบียดนิ้ว เธอชอบเหรอคนแบบนี้ รวยก็จนได้นะ”
เพื่อนมยุรีก็เห็นด้วย และไม่คิดว่าสมหวังจะกลับมาธนาคารอีก แต่สมหวังมาทุกวัน โดยทำเป็นไม่สนใจมยุรีเลย เขาเฝ้าติดตามว่า มยุรีไปรับประทานอาหารกลางวันที่ไหน ชอบรับประทานอะไร เคยตามไปสถานที่ต่างๆ รู้ว่ามยุรีชอบฟังเพลงอะไร เพลงไหนเป็นเพลงโปรด สถานที่ไหนที่เธอไปบ่อยๆ ชอบไปชอปปิ้งที่ไหนบ้าง แม้แต่ดูภาพยนตร์เรื่องใด เสื้อผ้าใช้ยี่ห้ออะไร เรียกว่า ไม่ว่ามยุรีกระดิกตัวไปไหน สมหวังรู้หมดทุกอย่าง ไม่พ้นสายตาของเสี่ยไปได้ ว่างั้นเถอะ
แต่พบกันสมหวังก็ไม่เคยทักทายมยุรีเลย (อ่านต่อวันพฤหัสฯ หน้า)