xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์ยืนจำคุก 10 ปี "เกริกเกียรติ" โกงบีบีซี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก"เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์" 10 ปี ปรับ 2,264 ล้านบาท และให้ร่วมกับพวกชดใช้เงินจำนวน 1,132 ล้าน ในคดียักยอกทรัพย์ - ทุจริตปล่อยกู้ บ.ซิตี้ เทรดดิ้งฯ ด้าน “เกริกเกียรติ” มาศาลด้วยสีหน้าอิดโรย พร้อมสวมหน้ากากอนามัยเพราะอยู่ระหว่างรักษาโรคมะเร็ง

วานนี้ ( 26 ม.ค.) เ วลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 601 ศาลอาญากรุงเทพฯใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่4714/2539 ,5443/2539 และ 1604 /2540 คดีหมายเลขแดงที่ 212-214/2546 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 3 และธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องนายพิเศษ พานิชสมบัติ อดีตเจ้าหน้าที่ประเมินหลักทรัพย์ , นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ แบงก์บีบีซี , บริษัทซิตี้ เทรดดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด , น.ส.สุนันทา หาญวรเกียรติ อดีตกรรมการบริษัทซิตี้ ฯ, นายเอกชัย อธิคมนันทะ อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ แบงก์บีบีซี, และนายเทอร์รี่ อีสเตอร์ อดีตกรรมการบริษัทซิตี้ ฯ เป็นจำเลย 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ มูลค่า 1,657 ล้านบาท และเป็นกรรมการซึ่งรับผิดชอบการดำเนินงานของธนาคาร กระทำผิดหน้าที่ ร่วมกับพวกเบียดบังทรัพย์สินไปโดยทุจริตและรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 , 353 , 354 , 357 และพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 3 , 4 , 307, 308 , 309 , 311,313 ,315 และ 334

โดยกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 10 ก.พ. - 20 ก.ค. 2538 นายเกริกเกียรติ ได้อนุมัติเงินสินเชื่อให้กับ บ.ซิตี้ เทรดดิ้งฯ โดยทุจริต จำนวน 1,657 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดให้สินเชื่อได้เพียง 30 ล้านบาท โดยจำเลยยังร่วมกันประเมินราคาหลักทรัพย์ที่ดินสูงเกินกว่ามูลค่าความเป็นจริง

สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 48 ให้จำคุกนายเกริกเกียรติ 10 ปี ปรับ 2,264 ล้านบาท และปรับบริษัทซิตี้ เทรดดิ้ง ฯ จำเลยที่ 3 จำนวน 1 ล้านบาท ส่วนน.ส.สุนันทา และนายเทอร์รี่ จำเลยที่ 4 และ 6 ให้จำคุกคนละ 7 ปี ปรับคนละ 1 ล้านบาท และให้จำเลยที่ 2,4 และ 6 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1,132 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 17.25 ต่อปี คืนธนาคารบีบีซีด้วย

ส่วนนายเอกชัย จำเลยที่ 5 ให้จำคุก 8 ปี ปรับ 1 ล้านบาท พร้อมให้ชดใช้เงิน 75 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 17.25 ต่อปีด้วย ขณะที่นายพิเศษ จำเลยที่ 1 ศาลพิพากษาให้ยกฟ้อง เนื่องจากทางนำสืบโจทก์ ยังไม่ชัดเจนว่านายพิเศษ ร่วมลงชื่ออนุมัติสินเชื่อดังกล่าวด้วย ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลยกฟ้อง อัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยเพิ่ม

**บ่อนทำลายเศรษฐกิจสมควรรับโทษหนัก
ทั้งนี้ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าสมควรลงโทษจำเลยทั้ง 6 สถานใด แม้ไม่ปรากฎว่าจำเลยทั้ง 6 เคยกระทำความผิดหรือต้องโทษจำคุกมาก่อน แต่การกระทำผิดของจำเลยทั้ง 6 ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมและประชาชนผู้ฝากเงินจำนวนมาก เป็นความผิดร้ายแรง บ่อนทำลายเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ จึงสมควรที่จะได้รับโทษหนักเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่นที่คิดจะกระทำความผิด ส่วนที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้ง 6 ชำระดอกเบี้ยนั้น ตาม ป.วิอาญา ม. 43 พนักงานอัยการมีอำนาจเรียกทรัพย์สินหรือราคาในส่วนแพ่งแทนผู้เสียหายเท่านั้น ไม่เปิดช่องให้โจทก์เรียกดอกเบี้ยด้วย ทั้งโจทก์ไม่ได้ขอดอกเบี้ยมาในฟ้องจึงไม่ต้องรับผิดในดอกเบี้ยร้อยละ 17.25 ของเงินต้นที่ต้องคืนโจทก์ร่วม

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ฐานความผิดเป็นว่า นายเกริกเกียรติ จำเลยที่ 2 กระทำผิด ป.อาญา ม.352-354 ประกอบ 83 และ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ม.4 , 307 ,308 ,311 ซึ่งมีโทษจำคุกเหมือนกับที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 2,264 ล้านบาท ส่วนนายพิเศษ จำเลยที่ 1 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษาแก้เป็นว่า นายพิเศษ จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ป.อาญา ม. 352-354 ประกอบ 86 และ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ม. 4 , 307-309 และ 311 ลงโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1 ล้านบาท พิพากษายืนบ.ซิตี้เทรดดิ้ง จำเลยที่ 3 , น.ส.สุนันทา จำเลยที่ 4 และนายเทอร์รี่ จำเลยที่ 6 กระทำผิด ป.อาญา ม.352 ประกอบ 83 และ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ม.4, 307-308, 311 และ 315 ตามที่ศาลชั้นต้นลงโทษปรับ บ.ซีตี้เทรดดิ้ง จำเลยที่ 3 จำนวน 1 ล้านบาท และจำคุก น.ส.สุนันทา จำเลยที่ 4 และ นายเทอร์รี่ จำเลยที่ 6 เป็นเวลาคนละ 7 ปี ปรับ คนละ 1 ล้านบาท

ส่วน นายเอกชัย จำเลยที่ 5 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 8 ปี ปรับ 1 ล้านบาทนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วยพิพากษาแก้เป็น ให้ลดโทษจำคุกนายเอกชัย จำเลยที่ 5 เหลือจำคุก 5 ปี ไม่มีโทษปรับ และพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นที่ให้ จำเลยที่ 2-6 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1,132 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 17.25 ต่อปี และกำหนดวงเงินต้นเฉพาะจำเลยที่ 5 จำนวน 75 ล้านบาท เป็นให้ จำเลยที่ 1-4 และ 6 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1,132 คืนแก่โจทก์ร่วม โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 17.25 เพียงแต่ผู้เดียว นอกจากนี้ศาลอุทธรณ์ยังมีคำสั่งให้ออกหมายจับ นายพิเศษ จำเลยที่ 1 และนายเทอร์รี่จำเลยที่ 6 ที่ศาลอุทธรณ์นัดฟังคำพิพากษามานานเกินกว่า 1 เดือน แล้วไม่มาตามกำหนด เชื่อว่ามีพฤติกรรมหลบหนี จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับมารับโทษและชำระค่าปรับตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

**ประกันตัวสู้ต่อชั้นฎีกา

ภายหลังนายเกริกเกียรติ ซึ่งยังมีปัญหาสุขภาพต้องสวมหน้ากากอนามัยปิดปากปิดจมูก ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินและเงินสดรวมมูลค่า 25 ล้านบาทขอประกันตัวระหว่างฎีกา

สำหรับคดีนายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษานายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ที่ร่วมกับนายเกริกเกียรติ กับพวกกระทำผิดคดีนี้ อัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 3 ได้ยื่นฟ้องนายราเกซ ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นคดีหมายเลขดำ อ.3054/2552 ซึ่งนายราเกซ ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 1 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.

ต่อมาศาลได้อนุมติคำร้องขอปล่อยตัวที่นายเกริกเกียรติยื่นประกันตัวโดยยื่นหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินและเงินสดรวมมูลค่า 25 ล้านบาท โดยตีราคาประกัน 25 ล้านบาทและสั่งห้ามนายเกริกเกียรติเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต
กำลังโหลดความคิดเห็น