xs
xsm
sm
md
lg

ข้อมูลอ่อนฟันฟิลลิปไม่คืบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “พาณิชย์”ใบ้กินฟันผิดฟิลลิป มอร์ริส หลังดีเอสไอไม่ยอมให้ข้อมูลเพิ่ม เผยหลักฐานที่มีอยู่ยกเลิกการคุ้มครองตามสนธิสัญญาไมตรีไม่ได้ เหตุไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนจีจีเอฟ ทำได้แค่ส่งตำรวจปรับโทษฐานย้ายสำนักงานแล้วไม่แจ้ง แต่ฟันผิดนอมินียังหาบทสรุปไม่เจอ อ้าง“อลงกรณ์”ให้ข่าวตามข้อมูลดีเอสไอ
นายบรรยง ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอให้ตรวจสอบบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด บริษัทสัญชาติอเมริกันที่เข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทย ปฎิบัติผิดเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจในประเทศไทยตามสิทธิของสนธิสัญญาทางไมตรีและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย-สหรัฐฯ ปี 2511ว่า กรมฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบตามข้อกล่าวหาของดีเอสไอแล้ว โดยตรวจสอบจากหลักฐานที่กรมฯ มีอยู่ในฐานะผู้ออกหนังสือรับรองการเข้ามาประกอบธุรกิจของบริษัทที่มีสัญชาติเป็นอเมริกัน ซึ่งตามสนธิสัญญาฯ ระบุว่าไม่ต้องขออนุญาต แต่ให้ขอหนังสือรับรองเท่านั้น และพบว่าตั้งแต่วันที่ 24ก.ย.2534 จนถึงขณะนี้ ตามข้อมูลไม่มีการเเจ้งการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางธุรกิจ
ทำให้กรมฯ ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ตามข้อกล่าวหาของดีเอสไอ
“ดีเอสไอแจ้งมาว่าบริษัทดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นไปเป็นสัญชาติอื่น คือ ออสเตรเลีย และอินเดีย ซึ่งไม่ใช่อเมริกัน ทั้งที่สนธิสัญญาฯ ระบุว่า ให้สิทธิเฉพาะบุคคลสัญชาติอเมริกันเท่านั้น หากบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการหรือผู้ควบคุมและจัดการเป็นบุคคลสัญชาติอื่นจะไม่อยู่ในการคุ้มครองของสนธิสัญญาฯ แต่จากการตรวจสอบข้อมูลที่กรมฯ มีอยู่ พบว่า บริษัทอเมริกันที่เข้ามาเปิดสาขาในไทยแห่งนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้น”นายบรรยงกล่าว
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้มีหนังสือถึงดีเอสไอ2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 25ธ.ค.2552และวันที่ 18ม.ค.2553ขอใด้ดีเอสไอเร่งส่งหลักฐานที่ดีเอสไออ้างว่า บริษัทดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงกรรมการหรือผู้ควบคุมและจัดการเป็นบุคคลสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่อเมริกัน มา เพื่อกรมฯ จะได้ตรวจสอบต่อไป หากพบว่าเป็นไปตามที่ดีเอสไอกล่าวอ้าง กรมฯ จะพิจารณาส่งเรื่องดังกล่าวดำเนินการตามกฎหมายทันที
ส่วนการตรวจสอบ บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทอีกแห่งที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ในฐานะนิติบุคคลไทย จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทไม่ได้อยู่ภายใต้บังคับพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว พ.ศ. 2542และยังไม่ได้เริ่มต้นประกอบธุรกิจใด
นายบรรยงค์กล่าวว่า สำหรับกรณีบริษัท จีจีเอฟ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่เป็นบริษัทที่ทำสัญญาเช่าไซโลกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และมีปัญหาว่ากระทำผิดกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยให้คนไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทน (นอมินี) นั้น ยอมรับว่าจนถึงขณะนี้ ในส่วนของกรมฯ ยังไม่สามารถสรุปความผิดดังกล่าวได้อย่างชัดเจน เพราะกรมฯ มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเพียงเรียกมาให้ถ้อยคำ และเรียกให้ส่งเอกสารตามที่ร้องขอ หากไม่ดำเนินการตามจะมีโทษเพียงปรับครั้งละไม่เกิน 5พันบาท และแม้จีจีเอฟ
จะให้ความร่วมมือแล้วระดับหนึ่ง ก็ยังไม่พบหลักฐานที่ชัดเจนระบุว่าบริษัทหรือผู้ถือหุ้นที่เป็นคนไทยมีพฤติกรรมเป็นนอมินี
“สิ่งที่ท่านรัฐมนตรีช่วย (นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์) แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ว่าจีจีเอฟเป็นนอมินี เป็นข้อมูลที่ได้จากดีเอสไอ ซึ่งได้มีการสอบสวนในเชิงลึกตามอำนาจหน้าที่ที่ดีเอสไอทำได้ แต่ในส่วนของกรมฯ ทำได้ยากกว่า เพราะถ้ากรมฯ เรียกไม่มา แค่ถูกปรับ แต่ถ้าดีเอสไอเรียกไม่มาติดคุก การสอบเชิงลึกจึงทำได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม กรมฯ จะนำข้อมูลจากดีเอสไอใช้เป็นแนวทางการสวบสวนต่อไป” นายบรรยงกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25ม.ค.ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ส่งหลักฐานความผิดต่อบริษัท จีจีเอฟ ให้แก่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ในข้อหาย้ายสำนักงานโดยไม่แจ้งให้กรมฯทราบ มีโทษปรับไม่เกิน 7หมื่นบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น