พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึงปัญหาเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด จีที 200 ที่ทางการอังกฤษไม่รับรองการทำงานและการนำไปใช้ในพื้นที่ภาคใต้ก็เกิดปัญหาบ่อยครั้งว่าไม่มีปัญหา เขายืนยันใช้มานานแล้ว ไม่ใช่เฉพาะ กอ.รมน. ใช้ ตำรวจก็ใช้ ทุกหน่วยงานก็ใช้หมด ไม่มีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่มั่นใจได้ คงไม่ต้องชี้แจง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (26 ม.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.บรรพต พูลเพียร หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าว ถึงการใช้เครื่องมือ จีที 200 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเครื่องจีที 200 ที่นำมาประจำการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2549 มีจำนวนทั้งสิ้น 535 เครื่อง ซึ่งปัจจุบันเครื่องดังกล่าวเป็นที่สงสัยของทุกฝ่าย ได้มีการนำเสนอผ่านสื่อมวลชนมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งคณะกรรมาธิการวุฒิสภา ก็ได้เรียกให้เข้าไปชี้แจง และทำการทดสอบ รวมทั้งนำเสนอ ผ่านสื่อมวลชนในลักษณะเปิดเผยหลายครั้ง โดยตนจะข้อชี้แจงในฐานะเป็นหน่วยที่ใช้เครื่องมือดังกล่าว ไม่ได้เป็นหน่วยที่จัดหา
ผมขอชี้แจงการทำงานของเครื่องมือนี้ว่า เครื่องมือตัวนี้ไม่ใช่เครื่องมือวิเศษ ที่สามารถชี้ หรือค้นหา มวลสารต่างๆ ได้อย่างใจนึก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เครื่อง จีที 200 เป็นเพียงเครื่องมือช่วยชนิดหนึ่ง โดยวิธีการใช้จะใช้ในพื้นที่ทั่วไป พื้นที่ต้องสงสัย วัตถุต้องสงสัย และเมื่อนำเครื่องมือมาตรวจสอบแล้วสงสัยว่าอาจจะมีวัตถุแปลกปลอม ก็จะมีการดำเนินการปิดกั้นพื้นที่ จากนั้นก็จะนำเครื่องมือชนิดอื่น เข้ามาร่วมตรวจสอบอีก 2 ชนิด เพื่อทำการพิสูจน์และยืนยันให้แน่นอน เครื่องจีที 200 เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้เพื่อตรวจสอบเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้เครื่องนี้ใช้พิสูจน์ เพียงอย่างเดียว ตามที่คนทั่วไปเข้าใจ รวมทั้งเครื่องจีที 200 ก็ไม่ได้นำไปเป็นเครื่อง ยืนยันในชั้นศาลแต่อย่างใด
พ.อ.บรรพต กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำงานของเครื่อง จีที 200 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่นำมาประจำการในพื้นที่ ก็พบว่าสามารถใช้ตรวจสอบตามหลักการข้างต้น ได้เป็นอย่างดีในหลายๆ ภารกิจ แต่กรณีที่เกิดความผิดพลาดใน 2 กรณี ก็ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบความผิดพลาด ซึ่งผลการตรวจสอบก็ยืนยันว่าเกิดจาก ความผิดพลาดของผู้ใช้ ที่ไม่พร้อมในการใช้เครื่องมือ ตรวจสอบขั้นต้นแล้วไปพบ มวลสารระเบิด จึงไม่ได้นำเครื่องมืออีก 2 ชนิด มาดำเนินการใช้ตรวจสอบซ้ำ
อย่างไรก็ตามปัจจุบันเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการใช้เครื่องมือดังกล่าว ก็มีการฝึกการใช้ รวมทั้งเตรียมร่างกายให้พร้อม เพื่อป้องกันการผิดพลาด ในอนาคตแล้ว ซึ่งตนอยากให้ประชาชนมั่นใจในการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ที่ต้องการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างดีที่สุด
ด้าน ร.ท.ทศดล วงค์บุตร ตำแหน่ง หัวหน้าชุดปฏิบัติการทำลายวัตถุระเบิด อโณทัย ประจำ ฉก.นราธิวาส เปิดเผยว่า ถึงแม้จะมีการวิพากวิจารว่าเครื่อง จีที200 มีปัญหาสำหรับชุดของตนนั้น ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องใช้เครื่อง ทีจี 200 เพราะถ้าไม่มีทำให้ขาดกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งในช่วงเช้าของทุกวันก่อนออกไปทำงาน กำลังพลซึ่งจะมีอยู่ 5 นาย ที่เป็นคนถือเครื่องตรวจ ซึ่งก่อนออกไปทำงานจะต้องนำเครื่องมาเดินตรวจก่อนว่า เครื่องชี้หรือไม่ ถ้าหากเครื่องไม่ชี้ รางกายคนไม่พร้อม ก็จะไม่ให้เดิน จะเปลี่ยนคนใหม่เดินทันที หากคนไหนถือแล้ว เครื่องชี้ก็จะเอาคนนั้น ถือเครื่องตรวจออกทำงาน
กำลังพลของผม ยังจำเป็นต้องใช้เครื่องจีที 200 เพราะเป็นเครื่องมือตัวหนึ่งที่ชุดของผมมี ซึ่งยังหาเครื่องมือที่ดีกว่านี้ยังไม่ได้ ถ้าเครื่องชี้วัตถุต้องสงสัย ทำให้เราเพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น หากเครื่องไม่ชี้เราก็ไม่ประมาณ จะต้องระวังตัวเองให้มากขึ้น ดีกว่าทำงานมือเปล่า ซึ่งเสี่ยงมาก อย่างน้อยที่ผ่านมา เครื่องตัวนี้ก็รักษาชีวิต กำลังพลชุดปฏิบัติการทำลายระเบิด ในชุดผมให้ปลอดภัยขณะทำงานในพื้นที่มาหลายครั้งแล้ว ผมยังมั่นใจว่าเครื่องจีที200 ยังใช้ได้ แต่ถ้าหากมีเครื่องตรวจที่มีปะสิทธิภาพกว่านี้ ก็ดีจะเป็นการ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ด้วย
ด้าน นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ เปิดเผยว่า กระแสการเรียกร้องให้ฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด จีที 200 ที่ใช้ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้นเป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐต้องชี้แจงให้เกิดความชัดเจน แม้เบื้องต้นจะพบว่าลักษณะของตัวเครื่อง ADE-651 กับจีที 200 จะแตกต่างกัน แต่ในทางปฏิบัติแล้วอุปกรณ์ชนิดนี้ใช้หลักการเดียวกันในการประมวลผล และตรวจหาวัตถุเป้าหมาย
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวไม่ปฏิเสธว่าเครื่อง 200ที่ใช้ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้น สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่อยากให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องพิสูจน์และตรวจสอบว่าเครื่องมือชนิดนี้สามารถตรวจสอบและวัดผลได้มากน้อยระดับใด เพื่อจะได้หาแนวทางอื่นๆเข้ามาทำงานเสริมในส่วนที่ยังเป็นช่องว่างของเครื่องมือที่ไม่สามารถทำงานได้เต็ม100เปอร์เซ็นต์
เราไม่ได้ว่าบอกว่าจีท ี200 ใช้งานไม่ได้ แต่เราอยากรู้ว่าประสิทธิภาพ สามารถตรวจหาวัตถุระเบิดได้กี่เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้หากสามารถตรวจสอบได้ผล 50-70 เปอร์เซ็นต์ เราก็จะได้รู้ว่าเครื่องมือมีขีดความสามารถระดับใด เพื่อจะได้หาทางป้องกันในช่องว่างที่เหลือเพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐด้วยเช่นเดียวกัน
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวคณะกรรมาธิการฯได้เชิญ ผู้เกี่ยวข้อง มาชี้แจงถึงปัญหาเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 และเครื่องอัลฟ่า 6 ที่กระทรวงมหาดไทยจัดซื้อมาตรวจตรวจยาเสพติด เพราะเห็นว่าเครื่องตรวจ ทีจี 200 ตรวจระเบิด 10 ครั้งเจอเพียง 2 ครั้ง ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานมาก
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้กองทัพไทยถูกต้มหรือตั้งใจอยากโดนต้มกันแน่ เพราะราคาที่สูงถึงเครื่องละ 1.2 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ต้นทุนไม่น่าจะถึง 4 แสนบาทแล้ว ทำให้คิดได้ว่าที่ตั้งใจซื้อเช่นนั้นเพราะผู้ใหญ่ของกองทัพหวังค่าคอมมิสชั่นหรือเปล่า อยากเตือนว่าขอให้คิดถึงชีวิตของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงด้วย ชีวิตของเขาเหล่านั้นมีค่ากว่าค่าคอมมิสชั่นที่พวกผู้ใหญ่ในกองทัพได้รับมากมายนัก ผมกำลังพิจารณาจะตั้งกระทู้ถามนายกฯ และรมว.กลาโหม ในวันที่ 28 ม.ค.ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (26 ม.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.บรรพต พูลเพียร หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าว ถึงการใช้เครื่องมือ จีที 200 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเครื่องจีที 200 ที่นำมาประจำการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2549 มีจำนวนทั้งสิ้น 535 เครื่อง ซึ่งปัจจุบันเครื่องดังกล่าวเป็นที่สงสัยของทุกฝ่าย ได้มีการนำเสนอผ่านสื่อมวลชนมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งคณะกรรมาธิการวุฒิสภา ก็ได้เรียกให้เข้าไปชี้แจง และทำการทดสอบ รวมทั้งนำเสนอ ผ่านสื่อมวลชนในลักษณะเปิดเผยหลายครั้ง โดยตนจะข้อชี้แจงในฐานะเป็นหน่วยที่ใช้เครื่องมือดังกล่าว ไม่ได้เป็นหน่วยที่จัดหา
ผมขอชี้แจงการทำงานของเครื่องมือนี้ว่า เครื่องมือตัวนี้ไม่ใช่เครื่องมือวิเศษ ที่สามารถชี้ หรือค้นหา มวลสารต่างๆ ได้อย่างใจนึก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เครื่อง จีที 200 เป็นเพียงเครื่องมือช่วยชนิดหนึ่ง โดยวิธีการใช้จะใช้ในพื้นที่ทั่วไป พื้นที่ต้องสงสัย วัตถุต้องสงสัย และเมื่อนำเครื่องมือมาตรวจสอบแล้วสงสัยว่าอาจจะมีวัตถุแปลกปลอม ก็จะมีการดำเนินการปิดกั้นพื้นที่ จากนั้นก็จะนำเครื่องมือชนิดอื่น เข้ามาร่วมตรวจสอบอีก 2 ชนิด เพื่อทำการพิสูจน์และยืนยันให้แน่นอน เครื่องจีที 200 เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้เพื่อตรวจสอบเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้เครื่องนี้ใช้พิสูจน์ เพียงอย่างเดียว ตามที่คนทั่วไปเข้าใจ รวมทั้งเครื่องจีที 200 ก็ไม่ได้นำไปเป็นเครื่อง ยืนยันในชั้นศาลแต่อย่างใด
พ.อ.บรรพต กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำงานของเครื่อง จีที 200 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่นำมาประจำการในพื้นที่ ก็พบว่าสามารถใช้ตรวจสอบตามหลักการข้างต้น ได้เป็นอย่างดีในหลายๆ ภารกิจ แต่กรณีที่เกิดความผิดพลาดใน 2 กรณี ก็ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบความผิดพลาด ซึ่งผลการตรวจสอบก็ยืนยันว่าเกิดจาก ความผิดพลาดของผู้ใช้ ที่ไม่พร้อมในการใช้เครื่องมือ ตรวจสอบขั้นต้นแล้วไปพบ มวลสารระเบิด จึงไม่ได้นำเครื่องมืออีก 2 ชนิด มาดำเนินการใช้ตรวจสอบซ้ำ
อย่างไรก็ตามปัจจุบันเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการใช้เครื่องมือดังกล่าว ก็มีการฝึกการใช้ รวมทั้งเตรียมร่างกายให้พร้อม เพื่อป้องกันการผิดพลาด ในอนาคตแล้ว ซึ่งตนอยากให้ประชาชนมั่นใจในการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ที่ต้องการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างดีที่สุด
ด้าน ร.ท.ทศดล วงค์บุตร ตำแหน่ง หัวหน้าชุดปฏิบัติการทำลายวัตถุระเบิด อโณทัย ประจำ ฉก.นราธิวาส เปิดเผยว่า ถึงแม้จะมีการวิพากวิจารว่าเครื่อง จีที200 มีปัญหาสำหรับชุดของตนนั้น ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องใช้เครื่อง ทีจี 200 เพราะถ้าไม่มีทำให้ขาดกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งในช่วงเช้าของทุกวันก่อนออกไปทำงาน กำลังพลซึ่งจะมีอยู่ 5 นาย ที่เป็นคนถือเครื่องตรวจ ซึ่งก่อนออกไปทำงานจะต้องนำเครื่องมาเดินตรวจก่อนว่า เครื่องชี้หรือไม่ ถ้าหากเครื่องไม่ชี้ รางกายคนไม่พร้อม ก็จะไม่ให้เดิน จะเปลี่ยนคนใหม่เดินทันที หากคนไหนถือแล้ว เครื่องชี้ก็จะเอาคนนั้น ถือเครื่องตรวจออกทำงาน
กำลังพลของผม ยังจำเป็นต้องใช้เครื่องจีที 200 เพราะเป็นเครื่องมือตัวหนึ่งที่ชุดของผมมี ซึ่งยังหาเครื่องมือที่ดีกว่านี้ยังไม่ได้ ถ้าเครื่องชี้วัตถุต้องสงสัย ทำให้เราเพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น หากเครื่องไม่ชี้เราก็ไม่ประมาณ จะต้องระวังตัวเองให้มากขึ้น ดีกว่าทำงานมือเปล่า ซึ่งเสี่ยงมาก อย่างน้อยที่ผ่านมา เครื่องตัวนี้ก็รักษาชีวิต กำลังพลชุดปฏิบัติการทำลายระเบิด ในชุดผมให้ปลอดภัยขณะทำงานในพื้นที่มาหลายครั้งแล้ว ผมยังมั่นใจว่าเครื่องจีที200 ยังใช้ได้ แต่ถ้าหากมีเครื่องตรวจที่มีปะสิทธิภาพกว่านี้ ก็ดีจะเป็นการ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ด้วย
ด้าน นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ เปิดเผยว่า กระแสการเรียกร้องให้ฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด จีที 200 ที่ใช้ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้นเป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐต้องชี้แจงให้เกิดความชัดเจน แม้เบื้องต้นจะพบว่าลักษณะของตัวเครื่อง ADE-651 กับจีที 200 จะแตกต่างกัน แต่ในทางปฏิบัติแล้วอุปกรณ์ชนิดนี้ใช้หลักการเดียวกันในการประมวลผล และตรวจหาวัตถุเป้าหมาย
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวไม่ปฏิเสธว่าเครื่อง 200ที่ใช้ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้น สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่อยากให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องพิสูจน์และตรวจสอบว่าเครื่องมือชนิดนี้สามารถตรวจสอบและวัดผลได้มากน้อยระดับใด เพื่อจะได้หาแนวทางอื่นๆเข้ามาทำงานเสริมในส่วนที่ยังเป็นช่องว่างของเครื่องมือที่ไม่สามารถทำงานได้เต็ม100เปอร์เซ็นต์
เราไม่ได้ว่าบอกว่าจีท ี200 ใช้งานไม่ได้ แต่เราอยากรู้ว่าประสิทธิภาพ สามารถตรวจหาวัตถุระเบิดได้กี่เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้หากสามารถตรวจสอบได้ผล 50-70 เปอร์เซ็นต์ เราก็จะได้รู้ว่าเครื่องมือมีขีดความสามารถระดับใด เพื่อจะได้หาทางป้องกันในช่องว่างที่เหลือเพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐด้วยเช่นเดียวกัน
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวคณะกรรมาธิการฯได้เชิญ ผู้เกี่ยวข้อง มาชี้แจงถึงปัญหาเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 และเครื่องอัลฟ่า 6 ที่กระทรวงมหาดไทยจัดซื้อมาตรวจตรวจยาเสพติด เพราะเห็นว่าเครื่องตรวจ ทีจี 200 ตรวจระเบิด 10 ครั้งเจอเพียง 2 ครั้ง ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานมาก
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้กองทัพไทยถูกต้มหรือตั้งใจอยากโดนต้มกันแน่ เพราะราคาที่สูงถึงเครื่องละ 1.2 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ต้นทุนไม่น่าจะถึง 4 แสนบาทแล้ว ทำให้คิดได้ว่าที่ตั้งใจซื้อเช่นนั้นเพราะผู้ใหญ่ของกองทัพหวังค่าคอมมิสชั่นหรือเปล่า อยากเตือนว่าขอให้คิดถึงชีวิตของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงด้วย ชีวิตของเขาเหล่านั้นมีค่ากว่าค่าคอมมิสชั่นที่พวกผู้ใหญ่ในกองทัพได้รับมากมายนัก ผมกำลังพิจารณาจะตั้งกระทู้ถามนายกฯ และรมว.กลาโหม ในวันที่ 28 ม.ค.ด้วย