นายคเณศ ขาวจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPC แจ้งงบการเงินงวดสิ้นปี 52 สิ้นสุด 31 ธ.ค. 52 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 1,866.24 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 2,210.26 ล้านบาท หรือลดลง 344.02 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 15.56% เนื่องจากบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและจากการให้บริการรวม24,622 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 6,966 ล้านบาท หรือ 22% เนื่องจากปริมาณและราคาขายที่ลดลง
อย่างไรก็ดี จากมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2553 ได้พิจารณาและมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2552 ในอัตราหุ้นละ 1.40 บาท ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกในอัตราหุ้นละ 0.65 บาท โดยเงินปันผลดังกล่าวจะแบ่งจ่ายดังนี้
1) จากกำไรสุทธิของกิจการที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิจำนวน 0.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย 10% และสามารถนำไปขอเครดิตภาษีคืนเงินปันผลได้เท่ากับเงินปันผลคูณสามส่วนเจ็ด
2) จากกำไรสุทธิของกิจการที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิจำนวน 0.25 บาทต่อหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย 10% และสามารถนำไปขอเครดิตภาษีคืนเงินปันผลได้เท่ากับเงินปันผลคูณยี่สิบห้าส่วนเจ็ดสิบห้า
3) จากกำไรสุทธิของกิจการที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 15 ของกำไรสุทธิจำนวน 0.20 บาท ต่อหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย 10% และสามารถนำไปขอเครดิตภาษีคืนเงินปันผลได้เท่ากับเงินปันผลคูณสิบห้าส่วนแปดสิบห้า
ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวให้จ่ายแก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามที่ปรากฎ รายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 7 เมษายน 2553 และปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 8 เมษายน 2553 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 เมษายน 2553
กำหนดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 45 ประจำปี 2553 ในวันพุธที่ 24 มีนาคม 2553 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2553 ในวันที่ 4 มีนาคม 2553 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2535 โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 5 มีนาคม 2553
อย่างไรก็ดี จากมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2553 ได้พิจารณาและมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2552 ในอัตราหุ้นละ 1.40 บาท ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกในอัตราหุ้นละ 0.65 บาท โดยเงินปันผลดังกล่าวจะแบ่งจ่ายดังนี้
1) จากกำไรสุทธิของกิจการที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิจำนวน 0.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย 10% และสามารถนำไปขอเครดิตภาษีคืนเงินปันผลได้เท่ากับเงินปันผลคูณสามส่วนเจ็ด
2) จากกำไรสุทธิของกิจการที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิจำนวน 0.25 บาทต่อหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย 10% และสามารถนำไปขอเครดิตภาษีคืนเงินปันผลได้เท่ากับเงินปันผลคูณยี่สิบห้าส่วนเจ็ดสิบห้า
3) จากกำไรสุทธิของกิจการที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 15 ของกำไรสุทธิจำนวน 0.20 บาท ต่อหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย 10% และสามารถนำไปขอเครดิตภาษีคืนเงินปันผลได้เท่ากับเงินปันผลคูณสิบห้าส่วนแปดสิบห้า
ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวให้จ่ายแก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามที่ปรากฎ รายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 7 เมษายน 2553 และปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 8 เมษายน 2553 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 เมษายน 2553
กำหนดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 45 ประจำปี 2553 ในวันพุธที่ 24 มีนาคม 2553 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2553 ในวันที่ 4 มีนาคม 2553 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2535 โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 5 มีนาคม 2553