xs
xsm
sm
md
lg

วุฒิฯเดินหน้าถอดถอนสมชายตัดสิทธิ์5ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ส่งเรื่องให้วุฒิสภาตัดสิทธิ์ 5 ปีของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ลาออกไปแล้วว่า อยู่ที่ สมาชิกวุฒิสภาต้องโหวตกันว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ควรจะยุติหรือดำเนินการ ถอดถอน หากมีมติให้มีการถอดถอนก็จะต้องมีการประชุมพิเศษ 3-4 ครั้ง ถ้าไม่มีดำเนินการเรื่องก็ยุติ
นายประสพสุข กล่าวว่าเรื่องนี้ไม่ใช่กากรเล่นเกมการเมือง เพราะทุกคนก็อยาก จะให้เด็ดขาดไปเลยว่าวุฒิสภามีความเห็นอย่างไร จะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไป เพราะยังมีเรื่องที่ป.ป.ช.เสนอถอดถอนนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯและนายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ เข้าวาระการประชุมแจ้งเพื่อทราบไปแล้วด้วย ถ้ากรณีของ นายสมชายวุฒิสภามีมติให้ดำเนินการถอดถอน ก็คงต้องรื้อเรื่องของนายสมัครและนายนพดลกลับมาด้วย แต่ตน ห้ามวิจารณ์หรือให้ความเห็นใดๆทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในการประชุมวุฒิสภาสมัยสามัญทั่วไปนัดแรก วานนี้ (25 ม.ค.) ซึ่งมีน.ส. ทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม วาระเรื่องด่วนที่ 6 เป็นเรื่องรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช. กรณีถอดถอนนาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง โดยวาระดังกล่าวบรรจุในวาระตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย. 2552 โดยน.ส.ทัศนา ได้สั่งให้แจกเอกสาร สำนวนที่ป.ป.ช.ชี้มูลแก่ ส.ว. เพื่อศึกษาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนถึงวันประชุมนัดแรก ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาข้อ 115
อย่างไรก็ดี นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ทักท้วงว่า วันนี้ควรจะมาหารือว่า จะดำเนินการต่อหรือหยุดดำเนินการ เพราะนายสมชาย พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เรื่องนี้ ตอนบรรจุวาระครั้งแรกเมื่อเดือนต.ค. ประธานเพียงแจ้งให้รับทราบว่า หยุดดำเนินการ เพราะนายสมชาย พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งไม่มีใครเอะใจ ต่อมาการประชุมครั้งถัดไป ที่ประชุมวุฒิสภา จึงทักท้วงว่า ต้องดำเนินการต่อ เพราะถ้าวุฒิสภามีมติถอดถอน มีโทษห้าม ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี ด้วย ซึ่งประธานจึงมอบให้คณะกรรมการที่ปรึกษา กฎหมายประธานวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การยุติธรรมและการตำรวจ ไปศึกษามาจนได้ข้อสรุป ฉะนั้นวันนี้หากแจกเอกสาร หมายความว่าจะต้องดำเนินการต่อ ตามข้อบังคับการประชุมข้อ 117 ที่ ประธานต้องนัดประชุมนัดแรกภายใน 20 วัน นับแต่ได้รับรายงานและความเห็นของป.ป.ช. เพื่อกำหนดวันแถลงของป.ป.ช.และผู้ถูกกล่าวหา
ภายหลังการทักท้วง ทำให้นายทัศนา สั่งระงับการแจกเอกสารสำนวน และชี้แจงว่า จะให้ที่ประชุมหารือว่าจะดำเนินการในกรณีนี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม มีกรณีเทียบเคียงคือ กรณีนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีตรมช.พาณิชย์ ถือครองหุ้น ไม่ถูกต้อง ตอนนั้น ป.ป.ช.ชี้มูลและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ปรากฏว่า นายวิรุฬ ลาออกจากตำแหน่ง ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญจำหน่ายคดี
จากนั้นนายสมัคร เชาวภานันท์ ประธานกมธ.การยุติธรรม ชี้แจงว่า ที่อ้างถึง ศาลรัฐธรรมนูญจำหน่ายคดี เป็นคนละเรื่องเพราะกรณีนั้นเป็นเรื่องฐานะความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่จากการกรทำการต้องห้าม และเข้ามายังวุฒิสภาคนละมาตรา แต่กรณีนี้เป็นไปตามมาตรา 270 หากวุฒิสภามีมติถอดถอน ทำให้สิทธิ์เฉพาะตัวหายไป นั่นคือการห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี
ฉะนั้นวันนี้ควรพิจารณาว่า จะต้องดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา หมวด 6 หรือไม่ ทั้งนี้รายงานของ กมธ. มี 2 แนวทางคือ 1.การพ้นจากตำแหน่งไปก่อน ที่จะดำเนินการถอดถอน ไม่เป็นเหตุที่ต้องยุติกระบวนการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐด้วยการถอดถอน มิฉะนั้นมาตรการการลงโทษจะไร้ผล ไม่ต้องด้วยเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ต้องการผลักดันผู้ที่มีพฤติการณ์ส่อไปในทางมิชอบให้ออกจากระบบ และป้องกันไม่ให้ผู้นั้นกลับเข้ามาอีก
2.เมื่อบุคคลได้พ้นตำแหน่งไปแล้วก่อนที่วุฒิสภาจะมีมติถอดถอน ย่อมทำให้ องค์ประกอบที่กฎหมายกำหนดให้วุฒิสภาพิจารณาถอดถอนบุคคลดังกล่าวหมดสิ้นไป เพราะการดำรงตำแหน่งของบุคคลผู้ถูกถอดถอนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่กฎหมาย มุ่งจะบังคับแก่บุคคลนั้น
ด้านนาย ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษา กฎหมายประะานวุฒิสภา ชี้แจงว่า คณะกรรมการฯ มีความเห็นออกเป็น 2 แนวทาง คือ 1.หากบุคคลผู้ถูกกล่าวเพื่อให้วุฒิสภามีมติถอดถอน ได้พ้นจากตำแหน่งก่อนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะมีมติว่าข้อกล่าวหาตามคำร้องขอให้ถอดถอนมีมูลแล้ว ทางวุฒิสภา ไม่อาจที่จะดำเนินการเพื่อมีมติถอดถอนบุคคลดังกล่าวออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 274 ต่อไปได้ โดยเหตุที่ตำแหน่งซึ่งเป็นองค์ประกอบและสาระสำคัญในการที่จะขอให้วุฒิสภามีมติถอนถอนตามกฎหมายได้หมดสิ้นไปหรือ พ้นจากตำแหน่งไปก่อนแล้ว ประกอบกับหากบุคคลผู้ที่ถูกกล่าวหาได้พ้นจากตำแหน่ง ไปก่อนแล้วก็ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องหยุดปฏิบัติในตำแหน่งนั้นไปโดยปริยาย
2.เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติว่าข้อกล่าวหาใดมีมูล และได้ส่งรายงานและเอกสารมายังประธานวุฒิสภาเพื่อให้ดำเนินการตามมาตรา 273 แล้ว ประธานวุฒิสภา จะต้องจัดให้มีการประชุมวุฒิสภาเพื่อให้พิจารณาว่าจะถอดถอนบุคคลนั้นออกจาก ตำแหน่งหรือไม่ แม้ข้อเท็จจริงบุคคลผู้ถูกกล่าวหาจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว ก็ตาม โดยมีเหตุผลคือ 1. แม้บุคคลที่กระทำผิดจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่วุฒิสภายังสามารถ ดำเนินการเพื่อลงโทษถอดถอนได้ ประกอบกับไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดที่บัญญัติให้วุฒิสภาต้องยุติกระบวนการการถอดถอนออกจากตำแหน่ง 2. รัฐธรรมนูญมาตรา 274 มีเจตนารมณ์ที่จะลงโทษแก่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนอกเหนือจากโทษ ทางอาญาไว้
2. กรณี คือ การถอดถอนจากตำแหน่ง และการตัดสิทธิในการดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี 3. การตีความโดยยึดหลักการดำรงตำแหน่งเป็นหลัก จะมีผลทำให้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 270-274ไม่มีผลบังคับใช้ไปโดยปริยาย ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดแล้ว ผู้ดำรงตำแหน่งนั้นๆ ก็จะหาทางลาออกจากตำแหน่ง เพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการถอดถอนของวุฒิสภา
และ 4. ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 57 บัญญัติให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังคงมีอำนาจ ดำเนินการไต่สวน ข้อเท็จจริงต่อไปได้ แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะพ้นจากตำแหน่งหรือพ้นจาก ราชการ นอกจากจะถึงแก่ความตาย ทั้งนี้เพื่อที่จะดำเนินคดีอาญา ดำเนินการทางวินัย หรือขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน และเมื่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนเสร็จแล้ว จะต้องส่งเรื่องไปยัง ประธานวุฒิสภา เพื่อให้พิจารณาถอดถอน และอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป ดังนั้นแม้ผู้ถูกกล่าวหาไปแล้ว วุฒิสภาก็ยังคงมีอำนาจที่จะต้องพิจารณาลงโทษ ทางการเมือง หรือการถอดถอนบุคคลนั้นออกจากตำแหน่งออกไปได้
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ดังนั้นคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายประธานวุฒิสภา พิจารณาแล้ว มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 3 เห็นชอบในความเห็นที่ 2 คือให้วุฒิสภา มีอำนาจดำเนินการเพื่อลงมติถอดถอนนายสมชาย ออกจากตำแหน่ง และมีมติเป็น เอกฉันท์เห็นสมควรที่จะได้มีการเสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภาเป็นผู้พิจารณาเพื่อหา ข้อยุติร่วมกัน เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นน.ส.ทัศนา ได้เปิดให้ที่ประชุมอภิปรายถึงแนวทาง การดำเนินการว่า จะสามารถถอดถอนหรือยุติการถอดถอน โดยที่ประชุมได้มีความเห็น แบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือเห็นว่าควรดำเนินการถอดถอนนายสมชายต่อไป ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าขั้นตอนควรยุติตั้งแต่ที่นายสมชาย พ้นจากตำแหน่งเมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชนแล้ว โดยใช้เวลาถกเถียงกันกว่า 3 ชั่วโมง ที่สุดที่ประชุมวุฒิสภามีมติให้ดำเนินกระบวนการถอดถอนนายสมชายต่อไป ด้วยคะแนน 41 ต่อ 37 งดออกเสียง 19 ซึ่งนายประสพสุขได้นัดให้มีการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาดำเนินการในขั้นตอนการถอดถอนนัดแรก ในวันที่ 9 ก.พ. เวลา 10.00 น. โดยจะเปิดให้กรรมการป.ป.ช. และผู้ถูกกล่าวหาได้แถลงสำนวน โดยให้กรรมการป.ป.ช.เป็นฝ่ายแถลงก่อน จากนั้นจึงเป็นผู้ถูกกล่าวหาแถลงสำนวน ทั้งนี้นายประสพสุขได้แจ้งขั้นตอนสุดท้ายในการลงมติ ให้เป็นการลงมติลับในคูหา
กำลังโหลดความคิดเห็น