ASTVผู้จัดการรายวัน - ผงะ! แพทย์ทั่วประเทศติดหวัด 2009 แล้ว 30 ราย “อู๊ดด้า”เล่นเป็น รับเป็นพรีเซ็นเตอร์ฉีดวัคซีน โชว์สร้างความมั่นใจวัคซีนปลอดภัย หลังกลุ่มเสี่ยงเมินฉีดวัคซีนป้องกันรวม 10 วัน ฉีดแค่ 1.5 หมื่นคน ปลัด สธ.ชี้แพทย์ส่วนใหญ่ติดเชื้อจากคนป่วยในห้องผ่าตัด-แล็ป-ดมยา-เอ็กซเรย์
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการรายงานทั่วประเทศพบว่าขณะนี้มีแพทย์ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ประมาณ 30 ราย ได้มอบหมายให้ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดสธ.ทำหนังสือเวียนถึงโรงพยาบาลทั่วประเทศ รวมถึง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ(สสอ.) สถานีอนามัย(สอ.) เร่งเฝ้าระวังโรคและรณรงค์ให้ประชาชนรู้จักการป้องกันตนเอง เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ทำให้เชื้อแพร่ระบาดง่ายขึ้น หากพบผู้ป่วยต้องให้การรักษาอย่างรวดเร็ว ลดการเสียชีวิต ซึ่งสธ.ได้เตรียมความพร้อมโดยมีการกระจายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ กระจายทั่วประเทศแล้ว
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกัน ชนิดเชื้อตายที่ สธ.นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศสจำนวน 2 ล้านโด๊ส และเริ่มฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11ม.ค.ที่ผ่านมานั้น พบว่า จนถึงขณะนี้ผ่านไป 10 วัน มีประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดเพียง 15,056 คนเท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำกว่าจากที่ตั้งเป้าไว้ว่าในระยะเวลา 80 วันจะต้องฉีดให้ได้ครบทั้ง 2 ล้านโด๊สหรือวันละ 1 หมื่นคน
“การที่กลุ่มเสี่ยงมาฉีดวัคซีนน้อยอาจมีความกังวล ในเรื่องความปลอดภัยวัคซีน หรืออาจจะเคยชินกับโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จึงได้มอบให้ปลัดสธ. เร่งรัดการประชาสัมพันธ์แจ้งกลุ่มเสี่ยงให้มาฉีดให้มากขึ้น และในวันจันทร์ที่ 25 ม.ค. ผมจะฉีดเป็นตัวอย่างที่สถาบันบำราศนราดูร แม้ว่าผมจะไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงแต่อยากทำให้ประชาชนมั่นใจและเข้ารับวัคซีนตามที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งอาจจะมีการเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย” นายจุรินทร์กล่าว
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดสธ. กล่าวว่า ตนได้ทำหนังสือถึงสถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ หากมีเจ้าหน้าที่ป่วยเป็นไข้หวัด ขอให้หยุดงานเป็นเวลา 7 วัน เพราะแพทย์ พยาบาลก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่มีโอกาสป่วยได้ หากมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ขอให้หยุดพักอยู่ที่บ้าน อย่ามาทำงาน และจากการลงตรวจสอบพื้นที่ของหน่วยสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว พบว่า บุคลากรทางการแพทย์ที่ติดไข้หวัด2009 จะติดจากผู้ป่วยที่มารับบริการที่สถานพยาบาล เพราะห้องให้บริการมีสภาพค่อนข้างแออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก โดยเฉพาะห้องผ่าตัด ห้องแล็ป ห้องดมยาและห้องเอ็กซเรย์.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการรายงานทั่วประเทศพบว่าขณะนี้มีแพทย์ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ประมาณ 30 ราย ได้มอบหมายให้ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดสธ.ทำหนังสือเวียนถึงโรงพยาบาลทั่วประเทศ รวมถึง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ(สสอ.) สถานีอนามัย(สอ.) เร่งเฝ้าระวังโรคและรณรงค์ให้ประชาชนรู้จักการป้องกันตนเอง เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ทำให้เชื้อแพร่ระบาดง่ายขึ้น หากพบผู้ป่วยต้องให้การรักษาอย่างรวดเร็ว ลดการเสียชีวิต ซึ่งสธ.ได้เตรียมความพร้อมโดยมีการกระจายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ กระจายทั่วประเทศแล้ว
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกัน ชนิดเชื้อตายที่ สธ.นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศสจำนวน 2 ล้านโด๊ส และเริ่มฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11ม.ค.ที่ผ่านมานั้น พบว่า จนถึงขณะนี้ผ่านไป 10 วัน มีประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดเพียง 15,056 คนเท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำกว่าจากที่ตั้งเป้าไว้ว่าในระยะเวลา 80 วันจะต้องฉีดให้ได้ครบทั้ง 2 ล้านโด๊สหรือวันละ 1 หมื่นคน
“การที่กลุ่มเสี่ยงมาฉีดวัคซีนน้อยอาจมีความกังวล ในเรื่องความปลอดภัยวัคซีน หรืออาจจะเคยชินกับโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จึงได้มอบให้ปลัดสธ. เร่งรัดการประชาสัมพันธ์แจ้งกลุ่มเสี่ยงให้มาฉีดให้มากขึ้น และในวันจันทร์ที่ 25 ม.ค. ผมจะฉีดเป็นตัวอย่างที่สถาบันบำราศนราดูร แม้ว่าผมจะไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงแต่อยากทำให้ประชาชนมั่นใจและเข้ารับวัคซีนตามที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งอาจจะมีการเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย” นายจุรินทร์กล่าว
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดสธ. กล่าวว่า ตนได้ทำหนังสือถึงสถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ หากมีเจ้าหน้าที่ป่วยเป็นไข้หวัด ขอให้หยุดงานเป็นเวลา 7 วัน เพราะแพทย์ พยาบาลก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่มีโอกาสป่วยได้ หากมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ขอให้หยุดพักอยู่ที่บ้าน อย่ามาทำงาน และจากการลงตรวจสอบพื้นที่ของหน่วยสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว พบว่า บุคลากรทางการแพทย์ที่ติดไข้หวัด2009 จะติดจากผู้ป่วยที่มารับบริการที่สถานพยาบาล เพราะห้องให้บริการมีสภาพค่อนข้างแออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก โดยเฉพาะห้องผ่าตัด ห้องแล็ป ห้องดมยาและห้องเอ็กซเรย์.
