ASTVผู้จัดการรายวัน - กสิกรฯประกาศปี 52 มีกำไร 14,892 ล้าน ลด 441 ล้าน ตั้งเป้าปีนี้สินเชื่อรายใหญ่โต 4-5% เน้นการให้บริการเทรดไฟแนนซ์ ขณะที่"กรุงไทย"ลดลงเล็กน้อย 252 ล้านบาท เช่นกัน ส่วน"สินเอเซีย"ยังสดใสโชว์กำไรโต 45%
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานก่อนสอบทานของปี 2552 ว่า ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 14,892 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 6.22 บาท เปรียบเทียบกับปี 2551 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 15,333 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 6.41 บาทแล้ว ธนาคารมีกำไรสุทธิลดลง 441 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เฉพาะไตรมาส 4 ปี 2552 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจำนวน 3,668 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.53 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2551 ที่มีกำไรสุทธิ 2,790 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.17 ทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 878 ล้านบาท หรือคิดเป็น 31.47%
ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม 1,358,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 จำนวน 54,487 ล้านบาท หรือ 4.18% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากที่ธนาคารขยายการลงทุนในบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ผ่านการลงทุนในบริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 ทำให้มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 70,820 ล้านบาท ส่วนเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 มีจำนวน 943,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.35%
สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การทำธุรกิจที่มุ่งเพิ่มรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยปี 2552 เครือธนาคารกสิกรไทยมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย จำนวน 27,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 4,693 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.77% โดยมีค่าธรรมเนียมรับจำนวน 19,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.16% และเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (% NPL gross) ปี 2552 อยู่ที่ระดับ 3.76% ขณะที่ปี 2551 อยู่ที่ระดับ 3.09%
ตั้งเป้าปีนี้รายใหญ่โต4-5%
นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า ในปี 2553 นี้ ธนาคารตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ไว้ที่ 4-5% คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 8,000-10,000ล้านบาท โดยเน้นไปที่การให้บริการด้านการค้าระหว่างประเทศ(เทรดไฟแนนซ์) ซึ่งเกี่ยวกับการโอนเงินระหว่างประเทศ เนื่องจากสัญญาณการส่งออกเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2552 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย
โดยล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย เปิดบริการโอนเงินดอลลาร์สหรัฐไปประเทศจีนผ่านบริการ U.S.Dollar Clearing – Asia Direct ของธนาคารเจ.พี. มอร์แกน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีโซลูชั่นอัจฉริยะในการส่งคำสั่งโอนเงินไปยังธนาคารปลายทางโดยตรงในเมืองเศรษฐกิจหลักของประเทศจีนที่มี 40 ธนาคารใน 700 สาขาทั่วมณฑลประเทศจีนได้ภายในวันเดียวกัน พร้อมรับประกันคืนค่าธรรมเนียม หากสาขาของธนาคารปลายทางไม่ได้รับเงินในวันเดียวกัน
จากการที่ในปัจจุบันประเทศจีนนับเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ 3 ของประเทศไทย โดยมูลค่าตลาดนำเข้าสินค้าไทยจากประเทศจีนในปี 2552 อยู่ที่ 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าในปีนี้มูลค่าการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจะเติบโต 20% หรือเพิ่มเป็น 18,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยในมูลค่าดังกล่าวคาดว่าธนาคารกสิกรไทยจะสามารถมีส่วนแบ่งทางการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)จะเพิ่มเป็น 20% ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 10% ส่วนทางด้านเป้าหมายรายได้ค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) จากการให้บริการลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเป็น 25% จากปีที่แล้วเติบโต 21%
ACLรุ่งกำไรโต45%
ด้านธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) แจ้งผลกำไรสุทธิปี 2552 จำนวน 538 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.47 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีกำไร 370 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.34 บาท โดยกำไรสุทธิของธนาคารในปี 2552 เพิ่มขึ้นจำนวน 168 ล้านบาท หรือคิดเป็น 45%
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)(KTB) แจ้งกำไรสุทธิปี 2552 ที่ระดับ 12,019.7 ล้านบาท จากปี 2551 ที่อยู่ในระดับ 12,271.7 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิปรับตัวลดลง 252 ล้านบาท
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานก่อนสอบทานของปี 2552 ว่า ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 14,892 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 6.22 บาท เปรียบเทียบกับปี 2551 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 15,333 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 6.41 บาทแล้ว ธนาคารมีกำไรสุทธิลดลง 441 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เฉพาะไตรมาส 4 ปี 2552 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจำนวน 3,668 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.53 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2551 ที่มีกำไรสุทธิ 2,790 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.17 ทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 878 ล้านบาท หรือคิดเป็น 31.47%
ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม 1,358,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 จำนวน 54,487 ล้านบาท หรือ 4.18% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากที่ธนาคารขยายการลงทุนในบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ผ่านการลงทุนในบริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 ทำให้มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 70,820 ล้านบาท ส่วนเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 มีจำนวน 943,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.35%
สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การทำธุรกิจที่มุ่งเพิ่มรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยปี 2552 เครือธนาคารกสิกรไทยมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย จำนวน 27,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 4,693 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.77% โดยมีค่าธรรมเนียมรับจำนวน 19,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.16% และเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (% NPL gross) ปี 2552 อยู่ที่ระดับ 3.76% ขณะที่ปี 2551 อยู่ที่ระดับ 3.09%
ตั้งเป้าปีนี้รายใหญ่โต4-5%
นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า ในปี 2553 นี้ ธนาคารตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ไว้ที่ 4-5% คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 8,000-10,000ล้านบาท โดยเน้นไปที่การให้บริการด้านการค้าระหว่างประเทศ(เทรดไฟแนนซ์) ซึ่งเกี่ยวกับการโอนเงินระหว่างประเทศ เนื่องจากสัญญาณการส่งออกเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2552 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย
โดยล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย เปิดบริการโอนเงินดอลลาร์สหรัฐไปประเทศจีนผ่านบริการ U.S.Dollar Clearing – Asia Direct ของธนาคารเจ.พี. มอร์แกน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีโซลูชั่นอัจฉริยะในการส่งคำสั่งโอนเงินไปยังธนาคารปลายทางโดยตรงในเมืองเศรษฐกิจหลักของประเทศจีนที่มี 40 ธนาคารใน 700 สาขาทั่วมณฑลประเทศจีนได้ภายในวันเดียวกัน พร้อมรับประกันคืนค่าธรรมเนียม หากสาขาของธนาคารปลายทางไม่ได้รับเงินในวันเดียวกัน
จากการที่ในปัจจุบันประเทศจีนนับเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ 3 ของประเทศไทย โดยมูลค่าตลาดนำเข้าสินค้าไทยจากประเทศจีนในปี 2552 อยู่ที่ 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าในปีนี้มูลค่าการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจะเติบโต 20% หรือเพิ่มเป็น 18,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยในมูลค่าดังกล่าวคาดว่าธนาคารกสิกรไทยจะสามารถมีส่วนแบ่งทางการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)จะเพิ่มเป็น 20% ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 10% ส่วนทางด้านเป้าหมายรายได้ค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) จากการให้บริการลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเป็น 25% จากปีที่แล้วเติบโต 21%
ACLรุ่งกำไรโต45%
ด้านธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) แจ้งผลกำไรสุทธิปี 2552 จำนวน 538 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.47 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีกำไร 370 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.34 บาท โดยกำไรสุทธิของธนาคารในปี 2552 เพิ่มขึ้นจำนวน 168 ล้านบาท หรือคิดเป็น 45%
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)(KTB) แจ้งกำไรสุทธิปี 2552 ที่ระดับ 12,019.7 ล้านบาท จากปี 2551 ที่อยู่ในระดับ 12,271.7 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิปรับตัวลดลง 252 ล้านบาท