ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – รองผู้ว่าการ ททท.เผยปี 2553 มีเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนไทย 16 ล้านคน รายได้ 600,000 ล้านบาท เชื่อฉลุยหากไร้เหตุวิกฤตส่งผลกระทบ ขณะที่ภาคเหนือรอกำหนดเป้าคาดไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่มีนักท่องเที่ยวไทย-เทศรวมกว่า 9 ล้านคน ชูจุดเด่นวัฒนธรรมประเพณีและแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ พร้อมกระจายกิจกรรมสู่เมืองเล็กมากขึ้น
นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ด้านการตลาดต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2552 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 14.1 ล้านคน ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งที่ก่อนนี้มีความเป็นห่วงกังวลว่าจากปัญหาวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ทั้งปัญหาการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบด้านลบ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยต่ำกว่าเป้าหมาย ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยในปีที่ผ่านมามีการเดินทางท่องเที่ยวทั้งสิ้นประมาณ 87 ล้านคน(ครั้ง)
ขณะที่เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2553 นายวันเสด็จ กล่าวว่า มีเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 15.8-16 ล้านคน รายได้ประมาณ 600,000 ล้านบาท และนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนประมาณ 90 ล้านคน(ครั้ง) รายได้ประมาณ 400,000 ล้านบาท โดยหากไม่มีปัญหาความวุ่นวายใดๆ โดยเฉพาะหากการเมืองมีความนิ่ง มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย
ส่วนเป้าหมายเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ในปี 2552 ภาคเหนือมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมทั้งสิ้นประมาณ 9 ล้านคน ซึ่งเป้าหมายในปีนี้จะมีการประชุมวางแผนการท่องเที่ยวร่วมกัน เพื่อกำหนดกิจกรรม และกำหนดเป้าหมายอีกครั้ง
สำหรับแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาคเหนือ นายวันเสด็จ กล่าวว่า ภาคเหนือมีจุดเด่นในเรื่องวัฒนธรรมประเพณี และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่แล้ว ทั้งนี้ในปีนี้นอกจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองใหญ่แล้ว จะมีการกระจายกิจกรรมและการส่งเสริมไปยังเมืองเล็กๆ มากขึ้น เช่นที่กำลังจะไปจัดที่จังหวัดกำแพงเพชร ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและความเป็นมรดกโลก ซึ่งสอดคล้องกับกระแสการท่องเที่ยวของโลกที่ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ด้านต่างๆ อย่างมากในปัจจุบัน
นอกจากนี้ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ด้านการตลาดต่างประเทศ กล่าวถึงโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ว่า ทราบว่าเวลานี้การดำเนินโครงการมีความคืบหน้าไปมาก ทั้งนี้หากการก่อสร้างแล้วเสร็จเชื่อว่าจะก่อให้เกิดกิจกรรมใหม่ ที่ทำให้มีการเดินทางเข้ามามากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่เป็นอย่างมาก
นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ด้านการตลาดต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2552 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 14.1 ล้านคน ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งที่ก่อนนี้มีความเป็นห่วงกังวลว่าจากปัญหาวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ทั้งปัญหาการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบด้านลบ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยต่ำกว่าเป้าหมาย ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยในปีที่ผ่านมามีการเดินทางท่องเที่ยวทั้งสิ้นประมาณ 87 ล้านคน(ครั้ง)
ขณะที่เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2553 นายวันเสด็จ กล่าวว่า มีเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 15.8-16 ล้านคน รายได้ประมาณ 600,000 ล้านบาท และนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนประมาณ 90 ล้านคน(ครั้ง) รายได้ประมาณ 400,000 ล้านบาท โดยหากไม่มีปัญหาความวุ่นวายใดๆ โดยเฉพาะหากการเมืองมีความนิ่ง มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย
ส่วนเป้าหมายเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ในปี 2552 ภาคเหนือมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมทั้งสิ้นประมาณ 9 ล้านคน ซึ่งเป้าหมายในปีนี้จะมีการประชุมวางแผนการท่องเที่ยวร่วมกัน เพื่อกำหนดกิจกรรม และกำหนดเป้าหมายอีกครั้ง
สำหรับแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาคเหนือ นายวันเสด็จ กล่าวว่า ภาคเหนือมีจุดเด่นในเรื่องวัฒนธรรมประเพณี และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่แล้ว ทั้งนี้ในปีนี้นอกจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองใหญ่แล้ว จะมีการกระจายกิจกรรมและการส่งเสริมไปยังเมืองเล็กๆ มากขึ้น เช่นที่กำลังจะไปจัดที่จังหวัดกำแพงเพชร ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและความเป็นมรดกโลก ซึ่งสอดคล้องกับกระแสการท่องเที่ยวของโลกที่ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ด้านต่างๆ อย่างมากในปัจจุบัน
นอกจากนี้ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ด้านการตลาดต่างประเทศ กล่าวถึงโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ว่า ทราบว่าเวลานี้การดำเนินโครงการมีความคืบหน้าไปมาก ทั้งนี้หากการก่อสร้างแล้วเสร็จเชื่อว่าจะก่อให้เกิดกิจกรรมใหม่ ที่ทำให้มีการเดินทางเข้ามามากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่เป็นอย่างมาก