อานิสงส์อาฟต้า ช่วยพานาโซนิคนำเข้าสินค้ามาไทยถูกลง พร้อมเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตพลาสม่าทีวีสู่ 2 ล้านเครื่องต่อปี ตอกย้ำนโยบายรักษ์สิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง
นายฮิโรทากะ มุราคามิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มพานาโซนิคในประเทศไทย เปิดเผยว่า เขตการค้าเสรี หรือ อาฟต้าที่มีผลตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา สำหรับพานาโซนิค มองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยให้การนำเข้าอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำหน่ายในประเทศไทยให้มีต้นทุนที่ลดลงได้
อย่างไรก็ตามในปีนี้ทางบริษัทได้มีการเพิ่มงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับการขยายไลน์การผลิตที่โรงงานในประเทศไทย ในส่วนของจอภาพพลาสม่าทีวี โดยต้องการเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2ล้านเครื่องต่อปี ซึ่งได้เริ่มเดินหน้ากำลังผลิตตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมเป็นต้นมา
โดยในปี 2553นี้ ( เม.ษ 52- มี.ค53) บริษัทตั้งเป้ายอดขายในกลุ่มเอชเอ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนไว้ที่ 9,000 ล้านบาท และกลุ่มเอวีหรือเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มภาพและเสียงอยู่ที่ 9,700 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปี 2551 ขณะที่ผลประกอบการรวมในประเทศไทยปี 2553 นี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็นฝ่ายการผลิตถึง 52,000 ล้านบาทและยอดขายในประเทศราว 18,700 ล้านบาท
นายฮิโรทากะ กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทจะมุ่งสานต่อนโยบายรักษ์สิ่งแวดล้อมภายใต้แนวคิด “อีโคไอเดีย (eco Idea)” ซึ่งจะเป็นนโยบายหลักในการบริหารของบริษัทพานาโซนิคทั่วโลก โดยจะให้ความสำคัญกับ 2 เรื่องหลักได้แก่ ไลฟ์สไตล์เพื่อคุณภาพชีวิตรักษ์สิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตกับเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ปราศจากการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์การสนับสนุนการใช้เครื่องไฟฟ้าที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าขึ้นเป็นอันดับหนึ่งบริษัทที่พัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมในธุรกิจไฟฟ้าในโอกาสครบรอบ 100ปีพานาโซนิคในปี2018
โดยในส่วนของประเทศไทยบริษัทจะดำเนินนโยบายตามบริษัทแม่ภายในแนวคิด 3 ข้อ ได้แก่ การลดคาร์บอนไดออกไซด์, การนำสินค้าประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดเล็ก และการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจแก่ผู้บริโภค ผ่านกิจกรรมต่างๆนอกจากนี้จัดให้มี One Brand ambassadorที่จะมีการเปิดตัวแอมบาสเดอร์ที่สามารถสื่อสารแนวคิดอีโคไอเดีย สู่ผู้บริโภค ภายใต้งบการตลาด 10%ของยอดขายอีกส่วนหนึ่งด้วย
นายฮิโรทากะ มุราคามิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มพานาโซนิคในประเทศไทย เปิดเผยว่า เขตการค้าเสรี หรือ อาฟต้าที่มีผลตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา สำหรับพานาโซนิค มองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยให้การนำเข้าอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำหน่ายในประเทศไทยให้มีต้นทุนที่ลดลงได้
อย่างไรก็ตามในปีนี้ทางบริษัทได้มีการเพิ่มงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับการขยายไลน์การผลิตที่โรงงานในประเทศไทย ในส่วนของจอภาพพลาสม่าทีวี โดยต้องการเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2ล้านเครื่องต่อปี ซึ่งได้เริ่มเดินหน้ากำลังผลิตตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมเป็นต้นมา
โดยในปี 2553นี้ ( เม.ษ 52- มี.ค53) บริษัทตั้งเป้ายอดขายในกลุ่มเอชเอ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนไว้ที่ 9,000 ล้านบาท และกลุ่มเอวีหรือเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มภาพและเสียงอยู่ที่ 9,700 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปี 2551 ขณะที่ผลประกอบการรวมในประเทศไทยปี 2553 นี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็นฝ่ายการผลิตถึง 52,000 ล้านบาทและยอดขายในประเทศราว 18,700 ล้านบาท
นายฮิโรทากะ กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทจะมุ่งสานต่อนโยบายรักษ์สิ่งแวดล้อมภายใต้แนวคิด “อีโคไอเดีย (eco Idea)” ซึ่งจะเป็นนโยบายหลักในการบริหารของบริษัทพานาโซนิคทั่วโลก โดยจะให้ความสำคัญกับ 2 เรื่องหลักได้แก่ ไลฟ์สไตล์เพื่อคุณภาพชีวิตรักษ์สิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตกับเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ปราศจากการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์การสนับสนุนการใช้เครื่องไฟฟ้าที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าขึ้นเป็นอันดับหนึ่งบริษัทที่พัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมในธุรกิจไฟฟ้าในโอกาสครบรอบ 100ปีพานาโซนิคในปี2018
โดยในส่วนของประเทศไทยบริษัทจะดำเนินนโยบายตามบริษัทแม่ภายในแนวคิด 3 ข้อ ได้แก่ การลดคาร์บอนไดออกไซด์, การนำสินค้าประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดเล็ก และการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจแก่ผู้บริโภค ผ่านกิจกรรมต่างๆนอกจากนี้จัดให้มี One Brand ambassadorที่จะมีการเปิดตัวแอมบาสเดอร์ที่สามารถสื่อสารแนวคิดอีโคไอเดีย สู่ผู้บริโภค ภายใต้งบการตลาด 10%ของยอดขายอีกส่วนหนึ่งด้วย
