00 คำสั่งของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ที่ได้สั่งยกเลิกการไต่สวนพยานเพิ่มเติมในวันที่ 14 ม.ค. ในคดียึดทรัพย์ “ทักษิณ ชินวัตร” 7.6 หมื่นล้านบาท และให้คู่ความแถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 30 วัน และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 26 ก.พ. เวลาบ่ายโมง ก็ถือว่าคดีได้มาถึงบทสรุปแล้ว และรอเพียงการชี้ชะตา ชี้ขาดเท่านั้น
00 นาทีนี้ถ้าพูดกันแบบฟันธง แบบความเชื่อกันโดยบริสุทธิ์ใจแบบไม่มีอะไรให้ซับซ้อนมากนัก ผลคงออกมาแบบยึดบางส่วน และคืนบางส่วน ส่วนจะยึดมากกว่าหรือคืนมากกว่า ตามความรู้สึกแล้วก็ยังให้น้ำหนักประเภท “ยึดมากกว่า” และยิ่งได้ยินพยานแต่ละคนที่ถูกเรียกมาให้การ ไม่ว่าพิจารณาในมุมไหนล้วนแล้วแต่ดิ้นไม่ออก แต่ด้วยความเคารพก็ต้องขึ้นอยู่กับศาลท่านว่าจะชี้ออกมาอย่างไร ไม่อาจก้าวล่วงมากกว่านี้
00 ขณะเดียวกันเมื่อกำหนดเวลากันชัดเจนเป็นทางการแบบนี้ มันก็เหมือนกับการนับถอยหลัง ซึ่งเจ้าตัวก็คงรู้ผลออกมาตั้งนานแล้วว่าน่าจะเป็นแบบไหน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีรายการส่งสัญญาณป่วนขั้นแตกหักตั้งแต่ปลายเดือนนี้เป็นต้นไป และจะโหมแรงขึ้นเรื่อยๆ ประสานกันเข้ามาเป็นระลอกคลื่น
00 เริ่มจาก“ซักฟอก” ในสภา จากนั้นก็ประสานจากกำลัง “แดง” ข้างนอก รวมไปถึงงานใต้ดิน ทั้งในและนอกประเทศแถบชายแดนเขมร ยิ่งล่าสุด “ฮุนเซน” ผู้นำถ่อยเขมรยังสามหาวก็ยิ่งเห็นได้ชัด แต่เชื่อว่านาทีนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เพราะยิ่งชุมนุมคนก็ยิ่งรำคาญ หลังจากประเทศไทยได้ตกอยู่ในวังวนของการชุมนุมจนเฝือไปแล้ว และยิ่งเป็นการชุมนุมเพื่อผลประโยชน์ของคนเพียงคนเดียว ก็ยิ่งไม่มีพลัง
00 นานวันก็ยิ่งเห็นธาตุแท้ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ยังเป็นนักการเมืองพันธุ์โบราณ ที่คงจะถูกลบเลือนไปตามกาลเวลา การเล่นการเมืองที่ยึดเอาแต่พวกพ้องผลประโยชน์ หวังผลเฉพาะหน้า บางครั้งอาจใช้ได้ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารถูกบิดเบือนได้ง่าย แต่ในยุคนี้ซึ่งเป็นโลกยุคใหม่ นักการเมืองต้องมีวิสัยทัศน์ ต้องยึดบรรทัดฐานทางกฎหมายถึงจะมีคุณค่า
00 กรณี 7 ตุลาทมิฬ แม้กระทั่งถูก ป.ป.ช.วินิจฉัยสั่งลงโทษ 3 นายตำรวจ คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบ.ชน. รวมไปถึงอดีตผู้การอุดรฯ กรณีไม่ป้องกันระงับเหตุกลุ่ม “อันธพาลการเมือง” รุมทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมทางการเมืองตามกฎหมาย แต่ในฐานะที่เป็นประธาน ก.ตร. กลับไปเห็นดีเห็นงามแย้งคำสั่งของ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ไปยกเลิกคำสั่งให้กลับเข้ามารับราชการอีกครั้งหน้าตาเฉย ทั้งที่เคยมีตัวอย่างที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเอาไว้ชัดเจนแล้วว่าทำไม่ได้ แต่ก็ยังดันทุรัง มีเจตนาปกป้องคนที่ทำผิด ก็อย่าได้แปลกใจที่นับวันบารมีหดหาย เฮ้อ !!
00 นาทีนี้ถ้าพูดกันแบบฟันธง แบบความเชื่อกันโดยบริสุทธิ์ใจแบบไม่มีอะไรให้ซับซ้อนมากนัก ผลคงออกมาแบบยึดบางส่วน และคืนบางส่วน ส่วนจะยึดมากกว่าหรือคืนมากกว่า ตามความรู้สึกแล้วก็ยังให้น้ำหนักประเภท “ยึดมากกว่า” และยิ่งได้ยินพยานแต่ละคนที่ถูกเรียกมาให้การ ไม่ว่าพิจารณาในมุมไหนล้วนแล้วแต่ดิ้นไม่ออก แต่ด้วยความเคารพก็ต้องขึ้นอยู่กับศาลท่านว่าจะชี้ออกมาอย่างไร ไม่อาจก้าวล่วงมากกว่านี้
00 ขณะเดียวกันเมื่อกำหนดเวลากันชัดเจนเป็นทางการแบบนี้ มันก็เหมือนกับการนับถอยหลัง ซึ่งเจ้าตัวก็คงรู้ผลออกมาตั้งนานแล้วว่าน่าจะเป็นแบบไหน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีรายการส่งสัญญาณป่วนขั้นแตกหักตั้งแต่ปลายเดือนนี้เป็นต้นไป และจะโหมแรงขึ้นเรื่อยๆ ประสานกันเข้ามาเป็นระลอกคลื่น
00 เริ่มจาก“ซักฟอก” ในสภา จากนั้นก็ประสานจากกำลัง “แดง” ข้างนอก รวมไปถึงงานใต้ดิน ทั้งในและนอกประเทศแถบชายแดนเขมร ยิ่งล่าสุด “ฮุนเซน” ผู้นำถ่อยเขมรยังสามหาวก็ยิ่งเห็นได้ชัด แต่เชื่อว่านาทีนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เพราะยิ่งชุมนุมคนก็ยิ่งรำคาญ หลังจากประเทศไทยได้ตกอยู่ในวังวนของการชุมนุมจนเฝือไปแล้ว และยิ่งเป็นการชุมนุมเพื่อผลประโยชน์ของคนเพียงคนเดียว ก็ยิ่งไม่มีพลัง
00 นานวันก็ยิ่งเห็นธาตุแท้ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ยังเป็นนักการเมืองพันธุ์โบราณ ที่คงจะถูกลบเลือนไปตามกาลเวลา การเล่นการเมืองที่ยึดเอาแต่พวกพ้องผลประโยชน์ หวังผลเฉพาะหน้า บางครั้งอาจใช้ได้ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารถูกบิดเบือนได้ง่าย แต่ในยุคนี้ซึ่งเป็นโลกยุคใหม่ นักการเมืองต้องมีวิสัยทัศน์ ต้องยึดบรรทัดฐานทางกฎหมายถึงจะมีคุณค่า
00 กรณี 7 ตุลาทมิฬ แม้กระทั่งถูก ป.ป.ช.วินิจฉัยสั่งลงโทษ 3 นายตำรวจ คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบ.ชน. รวมไปถึงอดีตผู้การอุดรฯ กรณีไม่ป้องกันระงับเหตุกลุ่ม “อันธพาลการเมือง” รุมทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมทางการเมืองตามกฎหมาย แต่ในฐานะที่เป็นประธาน ก.ตร. กลับไปเห็นดีเห็นงามแย้งคำสั่งของ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ไปยกเลิกคำสั่งให้กลับเข้ามารับราชการอีกครั้งหน้าตาเฉย ทั้งที่เคยมีตัวอย่างที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเอาไว้ชัดเจนแล้วว่าทำไม่ได้ แต่ก็ยังดันทุรัง มีเจตนาปกป้องคนที่ทำผิด ก็อย่าได้แปลกใจที่นับวันบารมีหดหาย เฮ้อ !!