เอเอฟพี/เอเจนซี/ASTV ผู้จัดการรายวัน- รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศวานนี้(11) ทุ่มงบประมาณก้อนมหึมา เพื่อเดินหน้าตามแผนการของประธานาธิบดีลี-มยอง-บัก ในโครงการพัฒนา “มหานครแห่งใหม่” ให้เป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านวิทยาศาสตร์และการศึกษา โดยที่มีหลายกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่เข้าร่วมมือด้วย ถึงแม้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างรุนแรงจากในประเทศว่า ผู้นำเกาหลีใต้กำลังสุ่มเสี่ยงที่จะหมดอนาคตทางการเมือง ด้วยให้ความสำคัญกับโครงการสร้างเมืองใหม่ มากกว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศซึ่งยังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากวิกฤต
เมื่อช่วงสายวานนี้ คณะรัฐมนตรีเกาหลีใต้ได้มีมติเห็นชอบกับแผนการของประธานาธิบดีลี วัย 68 ปี ในการเดินหน้าโครงการมูลค่า14,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 482,600 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเมืองใหม่ที่ชื่อว่า “เซจอง ซิตี” ซึ่งจะตั้งอยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางใต้ราว 150 กิโลเมตร ให้เป็นศูนย์กลางทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการศึกษา รวมทั้ง ให้เป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนแห่งใหม่ของภาคธุรกิจในเกาหลีใต้และจากนักลงทุนต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรีชอง-อุน-ชาน ของเกาหลีใต้ แถลงที่กรุงโซลว่า ขณะนี้กลุ่มธุรกิจชั้นนำหลายแห่งของประเทศเช่น ซัมซุง กรุ๊ป , ฮันวา คอร์เปอเรชัน, กลุ่มบริษัทวุงจิน,และล็อตเต กรุ๊ป ต่างลงนามในข้อตกลงกับรัฐบาล เพื่อย้ายฐานการผลิตของพวกตนบางส่วนไปตั้งในนครแห่งใหม่นี้แล้ว
การประกาศเดินหน้าโครงการพัฒนานครเซจอง ซิตีของประธานาธิบดีลี ที่ก้าวขึ้นมาครองอำนาจตั้งแต่ปี 2008 ถือเป็นการปิดฉากแผนการของอดีตผู้นำหัวเสรีนิยมอย่างประธานาธิบดีโนห์ มู-ฮยุน ผู้ล่วงลับ ที่ได้ประกาศไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2005 ว่าต้องการให้มีการย้ายที่ทำการของกระทรวงต่างๆ ของรัฐบาลรวม 9 กระทรวง และหน่วยงานในสังกัดอีกอย่างน้อย 4 แห่ง ไปยังเขตจังหวัดชุงชองทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาท้องถิ่นให้มากขึ้น หลังจากเกาหลีใต้เผชิญปัญหาความไม่สมดุลระหว่างเขตเมืองกับชนบท จากการที่ประชากรเกือบครึ่งของประเทศแห่กันมาอาศัยกระจุกตัวอยู่ในกรุงโซลหรือพื้นที่โดยรอบเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอนุรักษ์นิยมชุดปัจจุบันของเกาหลีใต้ ตัดสินใจไม่ดำเนินงานตามแผนของประธานาธิบดีโนห์ โดยระบุว่า แผนการดังกล่าวเป็นการใช้งบประมาณอย่างไร้ประสิทธิภาพ แต่จะจัดสร้างศูนย์กลางการศึกษาและวิทยาศาสตร์แห่งนครเซจงแทน โดยคาดว่านครเซจงแห่งนี้จะเติบโตไปสู่การเป็นเมืองที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ด้วยการมีจำนวนประชากรราว 500,000 คน และมีตำแหน่งงานใหม่ราว 246,000 ตำแหน่งภายในปี 2020
รัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่า นครใหม่แห่งนี้ตั้งชื่อตามพระนามของ “พระเจ้าเซจองมหาราช” กษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราช วงศ์โชซอนโบราณของเกาหลี ซึ่งครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 1418-1450และได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดตัวอักษรเกาหลี หรือ “ฮันกุล” ที่นำมาใช้แทนตัวอักษรจีน หรือ “ฮันจา”
อย่างไรก็ตาม แผนการพัฒนาเมืองใหม่ดังกล่าวของผู้นำเกาหลีใต้ ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากในประเทศเอง คัง-วอน-แต็ก ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยซุงซิล ระบุว่า โครงการนี้อาจทำให้ประธานาธิบดีลีมีคะแนนนิยมลดฮวบ และกระทั่งเสี่ยงที่จะหมดอนาคตทางการเมือง
“ ผมไม่คิดว่าการหันมาพัฒนานครแห่งวิทยาศาสตร์และการศึกษาจะส่งผลดีกับประธานาธิบดีลีมากนัก เพราะสิ่งที่ชาวเกาหลีใต้ต้องการในขณะนี้ ไม่ใช่เมืองแห่งใหม่ แต่พวกเขาต้องการเห็นการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างจริงจังจากรัฐบาลมากกว่า” ศาสตราจารย์คังกล่าว
ขณะเดียวกันลี-แฮ-ชาน อดีตนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ซึ่งอยู่ในตำแหน่งระหว่างปี 2004-2006 ชี้ว่าการประกาศโครงการพัฒนาเซจอง ซิตี เป็นเพียงความพยายามของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่ต้องการล้มล้างโครงการของอดีตประธานาธิบดีโนห์ พร้อมระบุว่า โครงการพัฒนาเมืองใหม่อาจทำให้ประธานาธิบดีลีไม่ได้รับเลือกตั้งในสมัยหน้าซึ่งจะมีขึ้นในปลายปี 2012
เมื่อช่วงสายวานนี้ คณะรัฐมนตรีเกาหลีใต้ได้มีมติเห็นชอบกับแผนการของประธานาธิบดีลี วัย 68 ปี ในการเดินหน้าโครงการมูลค่า14,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 482,600 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเมืองใหม่ที่ชื่อว่า “เซจอง ซิตี” ซึ่งจะตั้งอยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางใต้ราว 150 กิโลเมตร ให้เป็นศูนย์กลางทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการศึกษา รวมทั้ง ให้เป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนแห่งใหม่ของภาคธุรกิจในเกาหลีใต้และจากนักลงทุนต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรีชอง-อุน-ชาน ของเกาหลีใต้ แถลงที่กรุงโซลว่า ขณะนี้กลุ่มธุรกิจชั้นนำหลายแห่งของประเทศเช่น ซัมซุง กรุ๊ป , ฮันวา คอร์เปอเรชัน, กลุ่มบริษัทวุงจิน,และล็อตเต กรุ๊ป ต่างลงนามในข้อตกลงกับรัฐบาล เพื่อย้ายฐานการผลิตของพวกตนบางส่วนไปตั้งในนครแห่งใหม่นี้แล้ว
การประกาศเดินหน้าโครงการพัฒนานครเซจอง ซิตีของประธานาธิบดีลี ที่ก้าวขึ้นมาครองอำนาจตั้งแต่ปี 2008 ถือเป็นการปิดฉากแผนการของอดีตผู้นำหัวเสรีนิยมอย่างประธานาธิบดีโนห์ มู-ฮยุน ผู้ล่วงลับ ที่ได้ประกาศไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2005 ว่าต้องการให้มีการย้ายที่ทำการของกระทรวงต่างๆ ของรัฐบาลรวม 9 กระทรวง และหน่วยงานในสังกัดอีกอย่างน้อย 4 แห่ง ไปยังเขตจังหวัดชุงชองทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาท้องถิ่นให้มากขึ้น หลังจากเกาหลีใต้เผชิญปัญหาความไม่สมดุลระหว่างเขตเมืองกับชนบท จากการที่ประชากรเกือบครึ่งของประเทศแห่กันมาอาศัยกระจุกตัวอยู่ในกรุงโซลหรือพื้นที่โดยรอบเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอนุรักษ์นิยมชุดปัจจุบันของเกาหลีใต้ ตัดสินใจไม่ดำเนินงานตามแผนของประธานาธิบดีโนห์ โดยระบุว่า แผนการดังกล่าวเป็นการใช้งบประมาณอย่างไร้ประสิทธิภาพ แต่จะจัดสร้างศูนย์กลางการศึกษาและวิทยาศาสตร์แห่งนครเซจงแทน โดยคาดว่านครเซจงแห่งนี้จะเติบโตไปสู่การเป็นเมืองที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ด้วยการมีจำนวนประชากรราว 500,000 คน และมีตำแหน่งงานใหม่ราว 246,000 ตำแหน่งภายในปี 2020
รัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่า นครใหม่แห่งนี้ตั้งชื่อตามพระนามของ “พระเจ้าเซจองมหาราช” กษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราช วงศ์โชซอนโบราณของเกาหลี ซึ่งครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 1418-1450และได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดตัวอักษรเกาหลี หรือ “ฮันกุล” ที่นำมาใช้แทนตัวอักษรจีน หรือ “ฮันจา”
อย่างไรก็ตาม แผนการพัฒนาเมืองใหม่ดังกล่าวของผู้นำเกาหลีใต้ ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากในประเทศเอง คัง-วอน-แต็ก ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยซุงซิล ระบุว่า โครงการนี้อาจทำให้ประธานาธิบดีลีมีคะแนนนิยมลดฮวบ และกระทั่งเสี่ยงที่จะหมดอนาคตทางการเมือง
“ ผมไม่คิดว่าการหันมาพัฒนานครแห่งวิทยาศาสตร์และการศึกษาจะส่งผลดีกับประธานาธิบดีลีมากนัก เพราะสิ่งที่ชาวเกาหลีใต้ต้องการในขณะนี้ ไม่ใช่เมืองแห่งใหม่ แต่พวกเขาต้องการเห็นการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างจริงจังจากรัฐบาลมากกว่า” ศาสตราจารย์คังกล่าว
ขณะเดียวกันลี-แฮ-ชาน อดีตนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ซึ่งอยู่ในตำแหน่งระหว่างปี 2004-2006 ชี้ว่าการประกาศโครงการพัฒนาเซจอง ซิตี เป็นเพียงความพยายามของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่ต้องการล้มล้างโครงการของอดีตประธานาธิบดีโนห์ พร้อมระบุว่า โครงการพัฒนาเมืองใหม่อาจทำให้ประธานาธิบดีลีไม่ได้รับเลือกตั้งในสมัยหน้าซึ่งจะมีขึ้นในปลายปี 2012