ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นายกฯควงฝ่ายความมั่นคงลงใต้เปิดถนน 418 ยะลา-ปัตตานีท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่อารักขาเข้มทุกตารางนิ้ว แต่ไม่วายถูกป่วนแบบหวาดเสียวคนร้ายลอบวางระเบิดต้อนรับ 2 จุดที่ยะลาก่อนคณะจะมาถึงพิธีเพียง 30 นาที ตร.เจ็บ 1 ทหารพลีชีพ 1 ขณะที่ "นายกฯ" ยาหอมทุ่มงบฯพัฒนาคุณภาพชีวิตคน 3 จชต.เต็มที่ พร้อมโวรัฐบาลสางไฟใต้คืบ ตั้งเป้าปี 55 คืนสันติสุขภาคใต้ พร้อมทยอยปรับลดกำลังพล หันใช้กฎหมายพิเศษแทน
วานนี้ (7 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายถาวร เสนเนียม รมช.ทหหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ที่ปรึกษา สบ.10 สตช.เดินทางมาเป็นประธานเปิดและส่งมอบทางหลวงแผ่นดินสาย 418 ยะลา-ปัตตานี ที่บริเวณหัวสะพานบ้านท่าสาป หมู่ที่ 4 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา โดยมีนายกฤษฏา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผบ.พตท. พล.ท.ทวนชัย พันธ์เพิ่มศิริ เจ้ากรมทหารช่าง หัวหน้าส่วนราชการใน จ.ยะลา ปัตตานี และประชาชนในพื้นที่ อ.เมืองยะลาและ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี กว่า 1,000 คนมาให้การต้อนรับและร่วมในพิธีเปิด
เมื่อนายกฯ เดินทางถึงบริเวณพิธีได้เดินไปพบประชาชนที่มารอต้อนรับตลอดแนวยาวและเข้ารับฟังการบรรยายสรุปถึงการก่อสร้างเส้นทางสาย 418 จากผู้บังคับการกรมทหารช่าง ที่รับผิดชอบในการดำเนินการก่อสร้าง ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของชุด ศรภ.และสารวัตรทหารอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ นายกฯได้กล่าวถึงเส้นทางดังกล่าวนี้ว่า ถนนเส้นนี้เป็นเส้นสำคัญที่ทำให้ประชาชนได้เดินทางสะดวกขึ้น ตนจึงขอขอบคุณทุกคนทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมสร้างถนนนี้เป็นเวลา 2 ปีด้วยกัน
"ถนนเส้นนนี้เป็นเส้นทางที่อำนวยความสะดวกในเดินทางระหว่าง จ.ยะลา กับ จ.ปัตตานี และระหว่าง จ.ยะลา ไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เนื่องจากเป็นเส้นทางลัด ย่นระยะทาง ลดต้นทุนการขนส่ง และรองรับอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ที่จะเกิดขึ้น จึงเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ (อ่านรายงาน)" นายกฯ กล่าว
**ยาหอมทุ่มงบฯพัฒนาต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในการปฏิบัติการไทยเข้มแข็งปี 2552-2555 มีงบประมาณในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวน 6.3 หมื่นล้านบาทเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ภาพรวมเศรษฐกิจของประชาชน โดยยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีรายได้ครัวจาก 6.4 หมื่นบาทต่อครัวเรือนต่อปี เป็นเรือนละ 1.2 แสนบาทต่อปีภายใน 5 ปี ซึ่งรัฐบาลได้สนับสนุนการปลูกปาล์มให้มียอดถึง 2 แสนไร่ภายในปีนี้และปลูกข้าวให้ได้ 8.5 หมื่นไร่โดยจะเพิ่มงานสำหรับผู้ที่ว่างงานให้มีถึง 1.2 แสนอัตรา จากที่มีคนว่างงานยอดสูงถึง 7 หมื่นคน
"ในปี 2553 นี้งบประมาณในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีงบฯ 2 หมื่นล้านที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ผมขอเน้นย้ำในเรื่องการให้ความเป็นธรรมกับประชาชนโดยมี ศอ.บต. เป็นผู้ดูแล และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความอดทนอดกลั้นในการแก้ไขปัญหาให้มากที่สุด เพื่อสร้างความเป็นธรรมและความเสมอภาคในพื้นที่" นายกรัฐมนตรี กล่าว
**บึ้มรับก่อนนายกฯ ถึงบริเวณงาน
อย่างไรก็ดี ก่อนที่คณะของนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาถึงบริเวณพิธีเปิดทางหลวงสาย 418 เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณศาลาที่พักผู้โดยสารริมถนนสาย 418 ห่างจากประรำพิธีเพียง 130 เมตร ทำให้ ส.ต.ต.ชัยยุทธ์ บรรณศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ซึ่งเดินทางมาอารักขานายกรัฐมนตรี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณคิ้ว
จากการตรวจสอบพบเป็นระเบิดแสวงเครื่องวางไว้ในพงหญ้าริมศาลา จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ สอบสวนทราบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวดูแลความปลอดภัยตามเส้นทางเข้าสู่ประรำพิธี เมื่อเดินทางถึงที่เกิดเหตุได้เกิดระเบิดขึ้น แต่โชคดีเป็นระเบิดขนาดเล็กน้ำหนักไม่เกิน 3 กิโลกรัม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษบานว่า คนร้ายได้แอบแฝงมากับนักเรียนที่มารอรถโดยสารประจำทางไปโรงเรียน นำระเบิดมาทิ้งไว้แล้วกดระเบิดขึ้นเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เดินมา
ส่วนอีกจุดเกิดเหตุระเบิดในช่วงเวลา 09.45 น.ที่บริเวณศาลาที่พักภายในโรงเรียนบ้านบาตัน หมู่ที่ 4 ต.ลิดล อ.เมือง จ.ยะลา ส่งผลให้อาสาสมัครทหารเสียชีวิต 1 นาย คือ อาสาสมัครทหารสมมาตร เหลืองสว่าง อายุ 37 ปี สังกัด ร้อย ทพ.4712 กรมทหารพรานที่ 47 ส่วนอีกคนได้รับบาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา ทราบชื่อ อาสาสมัครทหารสมโชค ชื่นชม อายุ 26 ปี สังกัดเดียวกัน
สอบสวนทราบว่า ทหารชุดดังกล่าว 4 นายประจำฐานปฏิบัติการบ้านบาตัน เดินทางมารักษาความปลอดภัยโรงเรียนเป็นประจำทุกวัน โดยได้สลับพลัดเปลี่ยนกับชุด ชรบ.ที่เข้ารักษาการดูแลความปลอดภัยในช่วงเช้า เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารพรานมาถึงที่เกิดเหตุก็ได้เกิดระเบิดขึ้น ตรวจสอบพบเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักไม่น้อยกว่า 5 กิโลกรัมซุกซ่อนไว้ในศาลาจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ
**จนท.คุมกันเข้มคณะนายกฯถึง 3 จชต.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้นายกฯ และคณะ ได้ใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศ ขณะที่สื่อมวลชนขึ้นเครื่อง ซี 130 ลงที่ท่าอากาศยานนราธิวาส เมื่อเวลา 09.00 น.จากนั้นใช้เครื่องแบล็คฮ๊อก 4 ลำ ขณะที่สื่อมวลชนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ รุ่น เบล 212 จำนวน 7 ลำ
โดยตลอดระยะเส้นทางทั้งบนอากาศและภาคพื้นดิน จะมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสนธิกำลังร่วมกับ อพปร.กว่า 2,000 นาย อารักขาเข้ม พร้อมเจ้าหน้าที่ยังได้ชี้แจงและกำชับเจ้าหน้าที่รวมถึงสื่อมวลชนในการเดินทางว่า ห้ามแยกจากกลุ่มที่จัดไว้ ซึ่งการเดินทางโดยรถยนต์ในพื้นที่มีรถตัดสัญญาณประกบหัว-ท้ายของขบวนเพื่อตัดสัญญาณโทรศัพท์ตลอดเส้นทาง ในรัศมี 2 กิโลเมตร เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่
**นายกฯ โวรัฐบาลสางไฟใต้คืบ
นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังถึงการเดินทางติดตามนโยบายรัฐบาลในแนวทางแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ได้เห็นความก้าวหน้าในหลายนโยบาย สิ่งที่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง คือ การพัฒนาผ่านกระบวนการประชาคมของประชาชนเอง คิดว่าการตอบสนองการเข้าถึง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนน่าจะดีขึ้นตามลำดับ จะต้องขยายผลไปและใช้เวลาทำให้เห็นว่าเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมได้มากขึ้นในแง่เป้าหมายความสงบสุขด้วย
ส่วนที่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในช่วงลงพื้นที่นั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดา ฝ่ายตรงข้ามอาจเห็นว่าจะมาสร้างความเชื่อมั่น จึงสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดความวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าในอนาคตจะเห็นผลของการทำงานของรัฐบาล
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าในอนาคตจะลดกำลังทหารในพื้นที่และใช้กำลังทหารพรานเข้ามาแทน นายกฯ กล่าวว่า เป็นเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะเราพูดมาตลอดว่าการรักษาความสงบเรียจบร้อย ถ้าเราจะหวังให้การใช้กำลังมากๆ โดยเฉพาะกำลังพลจากภายนอกจำนวนมากเข้ามาอยู่มากมายหาศาลมันไม่ยั่งยืน เป้าหมายสุดท้ายเราต้องลดกำลังลงได้ อันนี้ทางกองทัพเข้าใจดี ความจริงแล้วตอนที่จัดจัดกำลังในส่วนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ปีนี้ก็เริ่มลดลง ซึ่งเราจะทำควบคู่ไปกับการใช้กระบวนการสร้างความเข้าใจกับความสงบโดยลดการใช้อำนาจพิเศษตามกฎหมาย
"ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจของเราตั้งเป้าไว้ที่ปี 2555 แต่การจะดูในแง่ของเหตุการณ์อาจจะเร็วกว่าหรือช้ากว่าก็ต้องประเมินกันอีกทีหนึ่ง แต่สำหรับความรุนแรงในขณะนี้นั้นเร่มลดลง ในบางพื้นที่เมื่อก่อนเรียกสีแดง แสดงให้เห็นว่าหากเราสามารถให้เจ้าหน้าที่ไปสร้างความไว้วางใจของประชาชนได้ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้"
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น 2 จุดใน จ.ยะลาว่า เป็นเพียงการสร้างเหตุการณ์เพื่อแสดงศักยภาพเพื่อให้เป็นข่าว เพราะรู้ว่านายกฯจะเดินทางลงพื้นที่ ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่น่าเป็นห่วงอะไร.
วานนี้ (7 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายถาวร เสนเนียม รมช.ทหหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ที่ปรึกษา สบ.10 สตช.เดินทางมาเป็นประธานเปิดและส่งมอบทางหลวงแผ่นดินสาย 418 ยะลา-ปัตตานี ที่บริเวณหัวสะพานบ้านท่าสาป หมู่ที่ 4 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา โดยมีนายกฤษฏา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผบ.พตท. พล.ท.ทวนชัย พันธ์เพิ่มศิริ เจ้ากรมทหารช่าง หัวหน้าส่วนราชการใน จ.ยะลา ปัตตานี และประชาชนในพื้นที่ อ.เมืองยะลาและ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี กว่า 1,000 คนมาให้การต้อนรับและร่วมในพิธีเปิด
เมื่อนายกฯ เดินทางถึงบริเวณพิธีได้เดินไปพบประชาชนที่มารอต้อนรับตลอดแนวยาวและเข้ารับฟังการบรรยายสรุปถึงการก่อสร้างเส้นทางสาย 418 จากผู้บังคับการกรมทหารช่าง ที่รับผิดชอบในการดำเนินการก่อสร้าง ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของชุด ศรภ.และสารวัตรทหารอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ นายกฯได้กล่าวถึงเส้นทางดังกล่าวนี้ว่า ถนนเส้นนี้เป็นเส้นสำคัญที่ทำให้ประชาชนได้เดินทางสะดวกขึ้น ตนจึงขอขอบคุณทุกคนทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมสร้างถนนนี้เป็นเวลา 2 ปีด้วยกัน
"ถนนเส้นนนี้เป็นเส้นทางที่อำนวยความสะดวกในเดินทางระหว่าง จ.ยะลา กับ จ.ปัตตานี และระหว่าง จ.ยะลา ไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เนื่องจากเป็นเส้นทางลัด ย่นระยะทาง ลดต้นทุนการขนส่ง และรองรับอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ที่จะเกิดขึ้น จึงเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ (อ่านรายงาน)" นายกฯ กล่าว
**ยาหอมทุ่มงบฯพัฒนาต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในการปฏิบัติการไทยเข้มแข็งปี 2552-2555 มีงบประมาณในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวน 6.3 หมื่นล้านบาทเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ภาพรวมเศรษฐกิจของประชาชน โดยยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีรายได้ครัวจาก 6.4 หมื่นบาทต่อครัวเรือนต่อปี เป็นเรือนละ 1.2 แสนบาทต่อปีภายใน 5 ปี ซึ่งรัฐบาลได้สนับสนุนการปลูกปาล์มให้มียอดถึง 2 แสนไร่ภายในปีนี้และปลูกข้าวให้ได้ 8.5 หมื่นไร่โดยจะเพิ่มงานสำหรับผู้ที่ว่างงานให้มีถึง 1.2 แสนอัตรา จากที่มีคนว่างงานยอดสูงถึง 7 หมื่นคน
"ในปี 2553 นี้งบประมาณในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีงบฯ 2 หมื่นล้านที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ผมขอเน้นย้ำในเรื่องการให้ความเป็นธรรมกับประชาชนโดยมี ศอ.บต. เป็นผู้ดูแล และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความอดทนอดกลั้นในการแก้ไขปัญหาให้มากที่สุด เพื่อสร้างความเป็นธรรมและความเสมอภาคในพื้นที่" นายกรัฐมนตรี กล่าว
**บึ้มรับก่อนนายกฯ ถึงบริเวณงาน
อย่างไรก็ดี ก่อนที่คณะของนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาถึงบริเวณพิธีเปิดทางหลวงสาย 418 เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณศาลาที่พักผู้โดยสารริมถนนสาย 418 ห่างจากประรำพิธีเพียง 130 เมตร ทำให้ ส.ต.ต.ชัยยุทธ์ บรรณศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ซึ่งเดินทางมาอารักขานายกรัฐมนตรี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณคิ้ว
จากการตรวจสอบพบเป็นระเบิดแสวงเครื่องวางไว้ในพงหญ้าริมศาลา จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ สอบสวนทราบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวดูแลความปลอดภัยตามเส้นทางเข้าสู่ประรำพิธี เมื่อเดินทางถึงที่เกิดเหตุได้เกิดระเบิดขึ้น แต่โชคดีเป็นระเบิดขนาดเล็กน้ำหนักไม่เกิน 3 กิโลกรัม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษบานว่า คนร้ายได้แอบแฝงมากับนักเรียนที่มารอรถโดยสารประจำทางไปโรงเรียน นำระเบิดมาทิ้งไว้แล้วกดระเบิดขึ้นเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เดินมา
ส่วนอีกจุดเกิดเหตุระเบิดในช่วงเวลา 09.45 น.ที่บริเวณศาลาที่พักภายในโรงเรียนบ้านบาตัน หมู่ที่ 4 ต.ลิดล อ.เมือง จ.ยะลา ส่งผลให้อาสาสมัครทหารเสียชีวิต 1 นาย คือ อาสาสมัครทหารสมมาตร เหลืองสว่าง อายุ 37 ปี สังกัด ร้อย ทพ.4712 กรมทหารพรานที่ 47 ส่วนอีกคนได้รับบาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา ทราบชื่อ อาสาสมัครทหารสมโชค ชื่นชม อายุ 26 ปี สังกัดเดียวกัน
สอบสวนทราบว่า ทหารชุดดังกล่าว 4 นายประจำฐานปฏิบัติการบ้านบาตัน เดินทางมารักษาความปลอดภัยโรงเรียนเป็นประจำทุกวัน โดยได้สลับพลัดเปลี่ยนกับชุด ชรบ.ที่เข้ารักษาการดูแลความปลอดภัยในช่วงเช้า เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารพรานมาถึงที่เกิดเหตุก็ได้เกิดระเบิดขึ้น ตรวจสอบพบเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักไม่น้อยกว่า 5 กิโลกรัมซุกซ่อนไว้ในศาลาจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ
**จนท.คุมกันเข้มคณะนายกฯถึง 3 จชต.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้นายกฯ และคณะ ได้ใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศ ขณะที่สื่อมวลชนขึ้นเครื่อง ซี 130 ลงที่ท่าอากาศยานนราธิวาส เมื่อเวลา 09.00 น.จากนั้นใช้เครื่องแบล็คฮ๊อก 4 ลำ ขณะที่สื่อมวลชนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ รุ่น เบล 212 จำนวน 7 ลำ
โดยตลอดระยะเส้นทางทั้งบนอากาศและภาคพื้นดิน จะมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสนธิกำลังร่วมกับ อพปร.กว่า 2,000 นาย อารักขาเข้ม พร้อมเจ้าหน้าที่ยังได้ชี้แจงและกำชับเจ้าหน้าที่รวมถึงสื่อมวลชนในการเดินทางว่า ห้ามแยกจากกลุ่มที่จัดไว้ ซึ่งการเดินทางโดยรถยนต์ในพื้นที่มีรถตัดสัญญาณประกบหัว-ท้ายของขบวนเพื่อตัดสัญญาณโทรศัพท์ตลอดเส้นทาง ในรัศมี 2 กิโลเมตร เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่
**นายกฯ โวรัฐบาลสางไฟใต้คืบ
นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังถึงการเดินทางติดตามนโยบายรัฐบาลในแนวทางแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ได้เห็นความก้าวหน้าในหลายนโยบาย สิ่งที่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง คือ การพัฒนาผ่านกระบวนการประชาคมของประชาชนเอง คิดว่าการตอบสนองการเข้าถึง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนน่าจะดีขึ้นตามลำดับ จะต้องขยายผลไปและใช้เวลาทำให้เห็นว่าเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมได้มากขึ้นในแง่เป้าหมายความสงบสุขด้วย
ส่วนที่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในช่วงลงพื้นที่นั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดา ฝ่ายตรงข้ามอาจเห็นว่าจะมาสร้างความเชื่อมั่น จึงสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดความวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าในอนาคตจะเห็นผลของการทำงานของรัฐบาล
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าในอนาคตจะลดกำลังทหารในพื้นที่และใช้กำลังทหารพรานเข้ามาแทน นายกฯ กล่าวว่า เป็นเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะเราพูดมาตลอดว่าการรักษาความสงบเรียจบร้อย ถ้าเราจะหวังให้การใช้กำลังมากๆ โดยเฉพาะกำลังพลจากภายนอกจำนวนมากเข้ามาอยู่มากมายหาศาลมันไม่ยั่งยืน เป้าหมายสุดท้ายเราต้องลดกำลังลงได้ อันนี้ทางกองทัพเข้าใจดี ความจริงแล้วตอนที่จัดจัดกำลังในส่วนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ปีนี้ก็เริ่มลดลง ซึ่งเราจะทำควบคู่ไปกับการใช้กระบวนการสร้างความเข้าใจกับความสงบโดยลดการใช้อำนาจพิเศษตามกฎหมาย
"ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจของเราตั้งเป้าไว้ที่ปี 2555 แต่การจะดูในแง่ของเหตุการณ์อาจจะเร็วกว่าหรือช้ากว่าก็ต้องประเมินกันอีกทีหนึ่ง แต่สำหรับความรุนแรงในขณะนี้นั้นเร่มลดลง ในบางพื้นที่เมื่อก่อนเรียกสีแดง แสดงให้เห็นว่าหากเราสามารถให้เจ้าหน้าที่ไปสร้างความไว้วางใจของประชาชนได้ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้"
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น 2 จุดใน จ.ยะลาว่า เป็นเพียงการสร้างเหตุการณ์เพื่อแสดงศักยภาพเพื่อให้เป็นข่าว เพราะรู้ว่านายกฯจะเดินทางลงพื้นที่ ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่น่าเป็นห่วงอะไร.