นายจิระพงษ์ วินิชบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA แจ้งการเปลี่ยนแปลงของเงินลงทุนในบริษัทย่อย ทั้ง 2 บริษัท ดังนี้คือบริษัท โรจนะเพาเวอร์ จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ได้ทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 1,600 ล้านบาท เพิ่มเป็น 2,100 ล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 41% การเพิ่มทุนในครั้งนี้เพิ่มตามสัดส่วนที่ถือ โดยภายหลังการเพิ่มทุนจะมีผลทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเท่าเดิม และบริษัท โรจนะ ดิซทีลเลอรี่ จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตสุรากลั่นประเภทวิสกี้ บรั่นดี สุราขาวและสุราแช่ ได้ทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 200 ล้านบาท เพิ่มเป็น 410 ล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 100% โดยภายหลังการเพิ่มทุนจะมีผลทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเท่าเดิม
สำหรับการเพิ่มทุนทั้ง 2 บริษัท เพื่อใช้ในการลงทุนขยายโครงการและเพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ ซึ่งบริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนในการเพิ่มทุน ใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและการเพิ่มทุนในบริษัทย่อยดังกล่าวเชื่อว่าจะเกิดผลประโยชน์ที่ คาดว่าจะเกิดกับบริษัท ย่อยและบริษัท ฯ จะทำให้บริษัทย่อยเกิดสภาพคล่องในการดำเนินกิจการและขยายโครงการได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีผลประกอบการที่ดีต่อบริษัทย่อยและบริษัท
นอกจากนี้ เมื่อเดือนตุลาคม 52 คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติลงทุนในบริษัทย่อยที่จัดตั้งใหม่ คือบริษัท โรจนะ เอ็นเนอร์จี จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 100,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท และ ROJNA ถือหุ้น 100% เพื่อประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งบริษัทใช้เงินทุนของบริษัท เพื่อเป็นการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงาน ซึ่งอยู่ในความต้องการของตลาด
สำหรับผลการดำเนินงานของ ROJNA ไตรมาส 3 ปี 52 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 471.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 156.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 315.73 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 202.27% อันเป็นผลจากการขายที่ดินเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทได้ลงนามในสัญญาขายที่ดินขนาดใหญ่ให้กับลูกค้าและมีการโอนกรรมสิทธิ์ขายที่ดินให้ลูกค้า ประกอบกับบริษัทมีการรับรู้รายได้ตามเปอร์เซ็นต์งานที่ทำเสร็จสำหรับที่ดินที่ขายได้ในปีก่อนตามส่วนที่เหลือ และรายได้จากการขายอาคารชุดเพิ่มขึ้นเนื่อง
สำหรับการเพิ่มทุนทั้ง 2 บริษัท เพื่อใช้ในการลงทุนขยายโครงการและเพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ ซึ่งบริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนในการเพิ่มทุน ใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและการเพิ่มทุนในบริษัทย่อยดังกล่าวเชื่อว่าจะเกิดผลประโยชน์ที่ คาดว่าจะเกิดกับบริษัท ย่อยและบริษัท ฯ จะทำให้บริษัทย่อยเกิดสภาพคล่องในการดำเนินกิจการและขยายโครงการได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีผลประกอบการที่ดีต่อบริษัทย่อยและบริษัท
นอกจากนี้ เมื่อเดือนตุลาคม 52 คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติลงทุนในบริษัทย่อยที่จัดตั้งใหม่ คือบริษัท โรจนะ เอ็นเนอร์จี จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 100,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท และ ROJNA ถือหุ้น 100% เพื่อประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งบริษัทใช้เงินทุนของบริษัท เพื่อเป็นการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงาน ซึ่งอยู่ในความต้องการของตลาด
สำหรับผลการดำเนินงานของ ROJNA ไตรมาส 3 ปี 52 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 471.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 156.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 315.73 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 202.27% อันเป็นผลจากการขายที่ดินเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทได้ลงนามในสัญญาขายที่ดินขนาดใหญ่ให้กับลูกค้าและมีการโอนกรรมสิทธิ์ขายที่ดินให้ลูกค้า ประกอบกับบริษัทมีการรับรู้รายได้ตามเปอร์เซ็นต์งานที่ทำเสร็จสำหรับที่ดินที่ขายได้ในปีก่อนตามส่วนที่เหลือ และรายได้จากการขายอาคารชุดเพิ่มขึ้นเนื่อง
