ASTVผู้จัดการรายวัน - "อาม่า" เหยื่อวัย 60 ปี ที่ถูก พ.ต.ต. กับลูกน้องนับสิบรุมกระทืบบนโรงพัก กลับบ้านได้แล้ว แต่ยังเกรงเรื่องความปลอดภัย ร้องขอเสื้อเกราะป้องกันตัว ขณะที่ สตช.สั่งฟันวินัยร้ายแรงตำรวจเถื่อน มีโทษถึงไล่ออกและปลดออก พร้อมออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 ราย
จากกรณี นางธนิดา ศรีสุวรรณ อายุ 60 ปี ผู้เสียหายที่ถูก พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ช่วยราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับพวกรวม 10 คน กระทืบบน สน.เพชรเกษม จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อคืนวันที่ 29 พ.ย.ปีที่ผ่านมา สาเหตุจากเคลียร์เรื่องบุกรุกบ้านเลขที่ 11/69 หมู่บ้านนาราศิริ ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตบางแค ของนางธนิดาไม่ได้ แต่หลังก่อเหตุ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ถูกตำรวจ สน.เพชรเกษม จับกุมตัวเอาไว้ได้ทันที และ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ กิตติชัยเดช ตำรวจอีก 1 นาย เดินทางเข้ามอบตัวไปแล้วนั้น
วานนี้ (5 ม.ค.) พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร.พร้อม นพ.ประภาศน์ รัชตะสัมฤทธิ์ ผอ.รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ เดินทางเข้าเยี่ยมนางธนิดา ศรีสุวรรณ ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยศัลยกรรม ชั้น 15 ของโรงพยาบาลเป็นวันสุดท้าย พร้อมมอบคุกกี้เป็นของขวัญปีใหม่ให้ ส่วนนางธนิดา ก็ได้มอบ ส.ค.ส.เป็นของขวัญปีใหม่ตอบแทน พล.ต.ท.พงศพัศ เช่นกัน ก่อนที่ทางโรงพยาบาลจะจัดรถพยาบาลไปส่งนางธนิดาถึงบ้านพักต่อไป
นางธนิดาเปิดเผยว่า ขณะนี้อาการบาดเจ็บทางร่างกายดีขึ้น แผลฟกช้ำที่หลังก็ดีขึ้นมากแล้ว เหลือเพียงแค่สายตาที่ยังเป็นปัญหามองเห็นภาพซ้อน ยังอ่านหนังสือไม่ได้ ท่องบดสวดมนต์ก็ไม่ได้ ส่วนสภาพจิตใจของตัวเองก็ดีขึ้น ยิ่ง พล.ต.ท.พงศพัศ เดินทางมารับกลับบ้านด้วยตัวเองรู้สึกดีใจ ขอขอบคุณแพทย์กับพยาบาลที่คอยดูแลเป็นอย่างดีมาโดยตลอด หลังจากนี้ก็จะกลับบ้านไปจะพักอยู่กับลูกชายที่ย่านวัดพระยาไกร แต่ตนยังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวในช่วงหลังจากนี้ เพราะกลัวว่าจะได้รับอันตราย ถ้าเป็นไปได้ขอเสื้อเกราะเพราะ หลังจากหายดีแล้วตนต้องขับรถไปทำธุรกิจเอง
พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวว่า ขอบคุณคณะแพทย์และโรงพยาบาลที่ดูแลนางธนิดาเป็นอย่างดี รวมทั้งจัดรถพยาบาลไปส่งถึงบ้าน ส่วนเรื่องความปลอดภัย ได้สั่งการให้ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ไปดูแลความปลอดภัยให้อีกระยะหนึ่งจนกว่านางธนิดา จะสบายใจ ส่วนความคืบหน้าทางคดีนั้น ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม เดินทางไปขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุจากศาลอาญาธนบุรี เพิ่มอีก 1 คนคือ ชายไทยไม่ทราบชื่อตามภาพสเก็ตช์ ตามหมายจับศาลอาญาบุรี เลขที่ 3/2553 ลงวันที่ 4 ม.ค.53 ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ได้รับการทำร้ายร่างกายได้รับอันตรายสาหัส และร่วมกันทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และทางสน.เพชรเกษม ก็อยู่ระหว่างดำนเนินการจับกุมมาดำเนินคดี
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องในดคีนี้เรียบร้อยหมดแล้ว เหลือเพียงสอบปากคำนางธนิดาเพิ่มเป็นปากสุดท้าย ซึ่งภายหลังที่นางธนิดา เดินทางกลับไปพักฟี้นที่บ้านแล้ว พนักงานสอบสวนก็จะเดินทางไปสอบปากคำ ก่อนจะสรุปสำนวนและมีความเห็นส่งไปยังพนักงานอัยการต่อไปภายสัปดาห์นี้ ซึ่งตนยังระบุไม่ได้ว่ามีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่เพราะไม่ได้เป็นพนักงานงานสอบสวน
"สำหรับเรื่องการดำเนินการทางวินัยนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่ได้เงียบหรือละเลย ใครทำผิดก็ต้องได้รับโทษต่อไป โดยทางต้นสังกัดของ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ คือกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (บช.ภ.4 ) กับ ต้นสังกัดของ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ คือ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ส่งสำนวนการสืบสวนมาที่กองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว มีความเห็นว่า พฤติกรรมของตำรวจทั้งสองนายนั้น สมควรจะต้องถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง มีโทษไล่ออกกับปลดออกเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ทางกองวินัย กำลังพิจารณาผลการสืบสวน เพื่อมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อไป" พล.ต.ท.พงศพัศกล่าว
จากกรณี นางธนิดา ศรีสุวรรณ อายุ 60 ปี ผู้เสียหายที่ถูก พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ช่วยราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับพวกรวม 10 คน กระทืบบน สน.เพชรเกษม จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อคืนวันที่ 29 พ.ย.ปีที่ผ่านมา สาเหตุจากเคลียร์เรื่องบุกรุกบ้านเลขที่ 11/69 หมู่บ้านนาราศิริ ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตบางแค ของนางธนิดาไม่ได้ แต่หลังก่อเหตุ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ถูกตำรวจ สน.เพชรเกษม จับกุมตัวเอาไว้ได้ทันที และ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ กิตติชัยเดช ตำรวจอีก 1 นาย เดินทางเข้ามอบตัวไปแล้วนั้น
วานนี้ (5 ม.ค.) พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร.พร้อม นพ.ประภาศน์ รัชตะสัมฤทธิ์ ผอ.รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ เดินทางเข้าเยี่ยมนางธนิดา ศรีสุวรรณ ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยศัลยกรรม ชั้น 15 ของโรงพยาบาลเป็นวันสุดท้าย พร้อมมอบคุกกี้เป็นของขวัญปีใหม่ให้ ส่วนนางธนิดา ก็ได้มอบ ส.ค.ส.เป็นของขวัญปีใหม่ตอบแทน พล.ต.ท.พงศพัศ เช่นกัน ก่อนที่ทางโรงพยาบาลจะจัดรถพยาบาลไปส่งนางธนิดาถึงบ้านพักต่อไป
นางธนิดาเปิดเผยว่า ขณะนี้อาการบาดเจ็บทางร่างกายดีขึ้น แผลฟกช้ำที่หลังก็ดีขึ้นมากแล้ว เหลือเพียงแค่สายตาที่ยังเป็นปัญหามองเห็นภาพซ้อน ยังอ่านหนังสือไม่ได้ ท่องบดสวดมนต์ก็ไม่ได้ ส่วนสภาพจิตใจของตัวเองก็ดีขึ้น ยิ่ง พล.ต.ท.พงศพัศ เดินทางมารับกลับบ้านด้วยตัวเองรู้สึกดีใจ ขอขอบคุณแพทย์กับพยาบาลที่คอยดูแลเป็นอย่างดีมาโดยตลอด หลังจากนี้ก็จะกลับบ้านไปจะพักอยู่กับลูกชายที่ย่านวัดพระยาไกร แต่ตนยังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวในช่วงหลังจากนี้ เพราะกลัวว่าจะได้รับอันตราย ถ้าเป็นไปได้ขอเสื้อเกราะเพราะ หลังจากหายดีแล้วตนต้องขับรถไปทำธุรกิจเอง
พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวว่า ขอบคุณคณะแพทย์และโรงพยาบาลที่ดูแลนางธนิดาเป็นอย่างดี รวมทั้งจัดรถพยาบาลไปส่งถึงบ้าน ส่วนเรื่องความปลอดภัย ได้สั่งการให้ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ไปดูแลความปลอดภัยให้อีกระยะหนึ่งจนกว่านางธนิดา จะสบายใจ ส่วนความคืบหน้าทางคดีนั้น ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม เดินทางไปขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุจากศาลอาญาธนบุรี เพิ่มอีก 1 คนคือ ชายไทยไม่ทราบชื่อตามภาพสเก็ตช์ ตามหมายจับศาลอาญาบุรี เลขที่ 3/2553 ลงวันที่ 4 ม.ค.53 ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ได้รับการทำร้ายร่างกายได้รับอันตรายสาหัส และร่วมกันทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และทางสน.เพชรเกษม ก็อยู่ระหว่างดำนเนินการจับกุมมาดำเนินคดี
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องในดคีนี้เรียบร้อยหมดแล้ว เหลือเพียงสอบปากคำนางธนิดาเพิ่มเป็นปากสุดท้าย ซึ่งภายหลังที่นางธนิดา เดินทางกลับไปพักฟี้นที่บ้านแล้ว พนักงานสอบสวนก็จะเดินทางไปสอบปากคำ ก่อนจะสรุปสำนวนและมีความเห็นส่งไปยังพนักงานอัยการต่อไปภายสัปดาห์นี้ ซึ่งตนยังระบุไม่ได้ว่ามีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่เพราะไม่ได้เป็นพนักงานงานสอบสวน
"สำหรับเรื่องการดำเนินการทางวินัยนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่ได้เงียบหรือละเลย ใครทำผิดก็ต้องได้รับโทษต่อไป โดยทางต้นสังกัดของ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ คือกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (บช.ภ.4 ) กับ ต้นสังกัดของ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ คือ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ส่งสำนวนการสืบสวนมาที่กองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว มีความเห็นว่า พฤติกรรมของตำรวจทั้งสองนายนั้น สมควรจะต้องถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง มีโทษไล่ออกกับปลดออกเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ทางกองวินัย กำลังพิจารณาผลการสืบสวน เพื่อมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อไป" พล.ต.ท.พงศพัศกล่าว