ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สั่งระดมกำลัง จนท.ดูแลความปลอดภัยเข้มรับนายกฯนำทัพลงนราฯ 7 ม.ค.นี้ ติดตามงานภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง-เปิดถนนสาย 418-คุยสื่อท้องถิ่น
ที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (5 ม.ค.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการลงพื้นที่ภาคใต้ของนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า ในวันที่ 7 ม.ค.นี้ นายกรัฐมนตรี พร้อมรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เตรียมการลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อติดตามการทำงานภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง และตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของทหารพรานในพื้นที่ และการดำเนินงานฟาร์มตัวอย่าง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังจะเป็นประธานเปิดถนนสาย 418 ที่เชื่อมต่อระหว่าง จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส และพบปะพูดคุยกับนักข่าวในพื้นที่ภาคใต้ไปในคราวเดียวกันด้วย
"ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยระหว่างการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีนั้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยจะไม่ดึงเจ้าหน้าที่ให้มารวมกันในอยู่ในบริเวณเดียว แต่ให้กระจายกำลังไปตามจุดต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสร้างสถานการณ์ป่วน เนื่องจากทางการข่าวทราบว่ามีกลุ่มการเมืองพยายามเคลื่อนไหวในพื้นที่ โดยดึงกลุ่มคนนอกพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้สถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้ถือว่าคลี่คลายความรุนแรงไปพอสมควร" นายปณิธาน กล่าว
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา นำโดย พ.ต.อ.เอกภพ ประสิทธิวัฒนชัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ได้นำตัวนายอัซมะ แหเหล๊ะ อายุ 27 ปีอยู่บ้านเลขที่ 19 บ้านท่าคลอง หมู่ที่ 4 ต.ป่าชิง อ.จะนะ จ.สงขลา 1 ในแกนนำก่อความไม่สงบคนสำคัญในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดน จ.สงขลาที่ก่อเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ และวางระเบิดจนมีผู้สังเวยชีวิตมาแล้ว 11 ศพมาทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม หลังจากถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมมาที่ด่านตรวจเกาะสวาท ต.ไพรวัน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ขณะเดินทางกลับบ้านมาเยี่ยมญาติในช่วงเทศกาลปีใหม่
ผลจากการสอบสวนนายอัซมะ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย มาทั้งหมด 15 คดี ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ทั้งลอบยิงเจ้าหน้าที่ ชาวบ้าน และก่อเหตุลอบวางระเบิด ก่อนที่จะหลบหนีไปกบดานในประเทศมาเลเซีย
นอกจากนี้ นายอัซมะ ยังให้การว่าเป็นคนลงมือยิงนายประคอง ตระกูลกิจ อายุ 63 ปี ผู้ช่วยผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ประจำ อ.จะนะ จ.สงขลา เสียชีวิตเหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ค.2547 ด้วย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้นำภาพของเครือข่ายแนวร่วมก่อความไม่สงบ ทั้งในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลาและในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ถูกขึ้นบัญชี มาให้นายอัซมะ ดูเพื่อขยายผลทางด้านคดีว่า มีส่วนร่วมในการก่อเหตุด้วยหรือไม่ และสามารถขยายผลทราบเบาะแสของเครือข่ายแนวร่วมก่อความไม่สงบได้หลายคน ซึ่งจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามจับกุมตัวต่อไป
ที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (5 ม.ค.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการลงพื้นที่ภาคใต้ของนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า ในวันที่ 7 ม.ค.นี้ นายกรัฐมนตรี พร้อมรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เตรียมการลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อติดตามการทำงานภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง และตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของทหารพรานในพื้นที่ และการดำเนินงานฟาร์มตัวอย่าง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังจะเป็นประธานเปิดถนนสาย 418 ที่เชื่อมต่อระหว่าง จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส และพบปะพูดคุยกับนักข่าวในพื้นที่ภาคใต้ไปในคราวเดียวกันด้วย
"ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยระหว่างการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีนั้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยจะไม่ดึงเจ้าหน้าที่ให้มารวมกันในอยู่ในบริเวณเดียว แต่ให้กระจายกำลังไปตามจุดต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสร้างสถานการณ์ป่วน เนื่องจากทางการข่าวทราบว่ามีกลุ่มการเมืองพยายามเคลื่อนไหวในพื้นที่ โดยดึงกลุ่มคนนอกพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้สถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้ถือว่าคลี่คลายความรุนแรงไปพอสมควร" นายปณิธาน กล่าว
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา นำโดย พ.ต.อ.เอกภพ ประสิทธิวัฒนชัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ได้นำตัวนายอัซมะ แหเหล๊ะ อายุ 27 ปีอยู่บ้านเลขที่ 19 บ้านท่าคลอง หมู่ที่ 4 ต.ป่าชิง อ.จะนะ จ.สงขลา 1 ในแกนนำก่อความไม่สงบคนสำคัญในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดน จ.สงขลาที่ก่อเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ และวางระเบิดจนมีผู้สังเวยชีวิตมาแล้ว 11 ศพมาทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม หลังจากถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมมาที่ด่านตรวจเกาะสวาท ต.ไพรวัน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ขณะเดินทางกลับบ้านมาเยี่ยมญาติในช่วงเทศกาลปีใหม่
ผลจากการสอบสวนนายอัซมะ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย มาทั้งหมด 15 คดี ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ทั้งลอบยิงเจ้าหน้าที่ ชาวบ้าน และก่อเหตุลอบวางระเบิด ก่อนที่จะหลบหนีไปกบดานในประเทศมาเลเซีย
นอกจากนี้ นายอัซมะ ยังให้การว่าเป็นคนลงมือยิงนายประคอง ตระกูลกิจ อายุ 63 ปี ผู้ช่วยผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ประจำ อ.จะนะ จ.สงขลา เสียชีวิตเหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ค.2547 ด้วย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้นำภาพของเครือข่ายแนวร่วมก่อความไม่สงบ ทั้งในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลาและในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ถูกขึ้นบัญชี มาให้นายอัซมะ ดูเพื่อขยายผลทางด้านคดีว่า มีส่วนร่วมในการก่อเหตุด้วยหรือไม่ และสามารถขยายผลทราบเบาะแสของเครือข่ายแนวร่วมก่อความไม่สงบได้หลายคน ซึ่งจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามจับกุมตัวต่อไป