ASTVผู้จัดการรายวัน-หิมะตกหนักดันน้ำมันดิบโลกพุ่งทะลุ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สูงสุดรอบ 15 เดือน ระทึกขายปลีกไทยจ้องขยับตามหากสิงคโปร์ขยับอีก 1-2 วันนี้ ดีเซล (บี 2) มีโอกาสแตะ 29 บาทต่อลิตร นักวิชาการประเมินน้ำมัน1-2เดือนนี้เป็นช่วงขาขึ้น
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยว่า 1-2 เดือนนี้ แนวโน้มราคาน้ำมันจะเป็นช่วงขาขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาวที่ส่งผลให้เกิดการใช้น้ำมันเพื่อทำความอบอุ่นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว ดังนั้น คาดว่าราคาน้ำมันจะมีโอกาสขยับไปอยู่ระดับ 85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้ในช่วงสั้นๆ แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวแล้ว หากเศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ก็อาจมีผลให้ระดับราคาน้ำมันทะยานต่อได้ แต่เฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ระดับ 80-85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าปี 2552
“ช่วงนี้น้ำมันเป็นขาขึ้น เพราะฤดูหนาวค่อนข้างยาวกว่าปกติในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงเอเชียตอนบน ขณะที่เศรษฐกิจโลกขณะนี้ฟื้นตัวจริง แต่ยังเปราะบาง ดังนั้น ต้องรอดูไตรมาสแรก ถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจนแบบยั่งยืนจะมีโอกาสให้น้ำมันโลกวิ่งต่ออีกได้ แต่สต็อกน้ำมันของโลกภาพรวมยังสูง จึงไม่น่าจะไปแตะระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลอย่างแน่นอน”นายมนูญกล่าว
ทั้งนี้ ภาพรวมน้ำมันขายปลีกของไทยในช่วงสัปดาห์นี้จึงยังคงเป็นขาขึ้นตามทิศทางตลาดโลก แม้ว่าจะมีการปรับราคาขายไปแล้ว 80 สตางค์ต่อลิตร แต่เฉลี่ยค่าการตลาดอยู่ระดับต่ำเพียง 1 บาทต่อลิตร หากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับขึ้นอีก 1-2 วันเชื่อว่าราคาขายปลีกน้ำมันของไทยปลายสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับขึ้นอีกครั้ง ส่วนภาพรวมดีเซล (บี2) ไม่น่าจะเกินระดับ 30
บาทต่อลิตร แต่โอกาสจะขยับไปแตะระดับ 29 บาทต่อลิตรก็มีโอกาส ซึ่งล่าสุดน้ำมันขายปลีกดีเซล (บี2) อยู่ที่ระดับ 27.99 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 อยู่ที่ 31.24 บาทต่อลิตร อี-20 อยู่ที่ 29.74 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ออกเทน 95 อยุ่ที่ 32.04 บาทต่อลิตร
รายงานข่าวจากไทยออยล์ แจ้งว่า ราคาน้ำมันดิบเวสเท็กซัสปิดตลาดวันที่ 4 ธ.ค. ซื้อขายล่วงหน้าสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.15 เหรียญสหรัฐ ปิดที่บาร์เรลละ 81.51 เหรียญสหรัฐ สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.2551 หรือสูงสุดในรอบเกือบ 15 เดือน ส่วนน้ำดิบเบรนท์อังกฤษเพิ่มขึ้น 2.19 เหรียญสหรัฐ ปิดที่บาร์เรลละ 80.12 เหรียญสหรัฐ ขณะที่น้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์เบนซิน 95 ปิดเพิ่มขึ้น 0.43 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 86.83 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ดีเซลเพิ่มขึ้น 0.23 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 84.82 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้น คือ สภาพอากาศหนาวเย็นในสหรัฐฯ และเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่า คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันให้ความอบอุ่นในสหรัฐฯ จะสูงกว่าระดับปกติ 21% หลังจากเดือนธ.ค. อากาศหนาวที่สุดในรอบ 9 ปี ทำให้ราคาน้ำมันให้ความอบอุ่นเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ส่วนที่อังกฤษคาดว่าอากาศจะหนาวเย็นต่อไปในช่วงครึ่งหลังของเดือนนี้ หลังจากเดือนธ.ค. หนาวเย็นที่สุดในรอบ 14 ปี ขณะที่ในยุโรปอากาศหนาวเย็นจะค่อยๆ แผ่จากตะวันออกเฉียงเหนือลงไปยังตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า เช่นเดียวกับในเอเชีย ที่มีสภาพอากาศหนาวจัดและมีหิมะตกหนักทั้งในจีน อินเดีย เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยว่า 1-2 เดือนนี้ แนวโน้มราคาน้ำมันจะเป็นช่วงขาขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาวที่ส่งผลให้เกิดการใช้น้ำมันเพื่อทำความอบอุ่นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว ดังนั้น คาดว่าราคาน้ำมันจะมีโอกาสขยับไปอยู่ระดับ 85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้ในช่วงสั้นๆ แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวแล้ว หากเศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ก็อาจมีผลให้ระดับราคาน้ำมันทะยานต่อได้ แต่เฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ระดับ 80-85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าปี 2552
“ช่วงนี้น้ำมันเป็นขาขึ้น เพราะฤดูหนาวค่อนข้างยาวกว่าปกติในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงเอเชียตอนบน ขณะที่เศรษฐกิจโลกขณะนี้ฟื้นตัวจริง แต่ยังเปราะบาง ดังนั้น ต้องรอดูไตรมาสแรก ถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจนแบบยั่งยืนจะมีโอกาสให้น้ำมันโลกวิ่งต่ออีกได้ แต่สต็อกน้ำมันของโลกภาพรวมยังสูง จึงไม่น่าจะไปแตะระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลอย่างแน่นอน”นายมนูญกล่าว
ทั้งนี้ ภาพรวมน้ำมันขายปลีกของไทยในช่วงสัปดาห์นี้จึงยังคงเป็นขาขึ้นตามทิศทางตลาดโลก แม้ว่าจะมีการปรับราคาขายไปแล้ว 80 สตางค์ต่อลิตร แต่เฉลี่ยค่าการตลาดอยู่ระดับต่ำเพียง 1 บาทต่อลิตร หากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับขึ้นอีก 1-2 วันเชื่อว่าราคาขายปลีกน้ำมันของไทยปลายสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับขึ้นอีกครั้ง ส่วนภาพรวมดีเซล (บี2) ไม่น่าจะเกินระดับ 30
บาทต่อลิตร แต่โอกาสจะขยับไปแตะระดับ 29 บาทต่อลิตรก็มีโอกาส ซึ่งล่าสุดน้ำมันขายปลีกดีเซล (บี2) อยู่ที่ระดับ 27.99 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 อยู่ที่ 31.24 บาทต่อลิตร อี-20 อยู่ที่ 29.74 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ออกเทน 95 อยุ่ที่ 32.04 บาทต่อลิตร
รายงานข่าวจากไทยออยล์ แจ้งว่า ราคาน้ำมันดิบเวสเท็กซัสปิดตลาดวันที่ 4 ธ.ค. ซื้อขายล่วงหน้าสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.15 เหรียญสหรัฐ ปิดที่บาร์เรลละ 81.51 เหรียญสหรัฐ สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.2551 หรือสูงสุดในรอบเกือบ 15 เดือน ส่วนน้ำดิบเบรนท์อังกฤษเพิ่มขึ้น 2.19 เหรียญสหรัฐ ปิดที่บาร์เรลละ 80.12 เหรียญสหรัฐ ขณะที่น้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์เบนซิน 95 ปิดเพิ่มขึ้น 0.43 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 86.83 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ดีเซลเพิ่มขึ้น 0.23 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 84.82 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้น คือ สภาพอากาศหนาวเย็นในสหรัฐฯ และเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่า คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันให้ความอบอุ่นในสหรัฐฯ จะสูงกว่าระดับปกติ 21% หลังจากเดือนธ.ค. อากาศหนาวที่สุดในรอบ 9 ปี ทำให้ราคาน้ำมันให้ความอบอุ่นเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ส่วนที่อังกฤษคาดว่าอากาศจะหนาวเย็นต่อไปในช่วงครึ่งหลังของเดือนนี้ หลังจากเดือนธ.ค. หนาวเย็นที่สุดในรอบ 14 ปี ขณะที่ในยุโรปอากาศหนาวเย็นจะค่อยๆ แผ่จากตะวันออกเฉียงเหนือลงไปยังตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า เช่นเดียวกับในเอเชีย ที่มีสภาพอากาศหนาวจัดและมีหิมะตกหนักทั้งในจีน อินเดีย เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
