xs
xsm
sm
md
lg

ขู่ก.ตร.เจอวินัย-อาญาไม่ฟันพัชรวาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วานนี้ (5 ม.ค.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)มีมติให้ทำหนังสือ ถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจของป.ป.ช. ในการพิจารณาชี้มูลความ ผิดของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. และ พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ที่ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอาญาและวินัยร้ายแรงว่า ป.ป.ช.เห็นว่า มติดังกล่าวของ ก.ตร. เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะที่ผ่านมาเคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2546 ยืนยันอำนาจของ ป.ป.ช. ในการชี้มูลความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ดังนั้นคำสั่งของ ป.ป.ช.จึงชอบแล้ว ทราบว่า ก.ตร.ชุดนี้พยายามให้นายกฯ เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเรื่องอำนาจของ ป.ป.ช.อีกครั้ง
ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เคยทำหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ได้รับคำตอบยืนยันว่า ครม.ไม่อยู่ในสถานะที่จะขัดแย้งต่อ คำสั่งของ ป.ป.ช.ได้ เพราะป.ป.ช.มีอำนาจตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งมีศักดิ์สูง กว่าพ.ร.บ.ทั่วไป และทราบว่า ได้มีการนำความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาแจ้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทราบแล้ว แต่เหตุใดจึงไม่มีแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ที่ประชุม ก.ตร.ทราบ
นายวิชากล่าวว่า ดังนั้น ป.ป.ช.จึงทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อสอบถามว่าเหตุใด จึงไม่ยอมนำมติคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ระบุว่า หากหน่วยงานใดไม่ปฏิบัติตามมติ ครม. จะต้องถูกดำเนินคดีทางวินัยและทางอาญา ขอยืนยันว่า ป.ป.ช.พิจารณาชี้มูลความผิด ของตำรวจทั้งสามนายดังกล่าว อย่างรอบคอบ มีการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด ไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นตำรวจสีแดงหรือสีเหลือง แต่พิจารณาจากข้อกฎหมายล้วนๆ
ด้าน นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. แถลงชี้แจงกรณีที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เร่งรัด ให้ป.ป.ช.ดำเนินคดี 5 คดี ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เนื่องจากบางคดีใกล้หมดอายุความว่า ขอยืนยันว่า ป.ป.ช.ได้เร่งรัดไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องสำคัญๆมาตลอด รวมถึง 5 คดีตามที่พรรคเพื่อไทยเร่งรัดมา แต่เนื่องจากบางเรื่องมีข้อเท็จจริง พยานหลักฐานจำนวนมาก ทำให้การดำเนินการล่าช้าไปบ้าง โดยแต่ละคดีมีความคืบหน้าดังนี้
1.การกล่าวหาองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน(ปรส.)และนายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ อดีต รมว.คลัง ขายทรัพย์สินของสถาบันการเงิน ในราคาถูก ซึ่งมีมูลค่าความเสียหาย 2 แสนล้านบาท ซึ่งมีทั้งสิ้น 6 คดี ขณะนี้ได้ไต่สวนข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นเสร็จแล้วทั้ง 6 เรื่อง อยู่ระหว่างพิจารณาว่า มีหลักฐานเพียงพอที่เรียกผู้ถูกกล่าวหามาแจ้งข้อกล่าวหาได้หรือไม่
2.การกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกับเอกชน ออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. และ น.ส.3 ก ทับที่สาธารณะโดยมิชอบ ที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ อยู่ระหว่างให้คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบภูมิสารสนเทศตรวจสอบวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศให้ชัดเจน เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาคดี คาดว่าใช้เวลาอีกไม่นานจะแล้วเสร็จ
3.การกล่าวหาคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กรณีเบิกค่าใช้จ่ายโดยมิชอบในการเดินทางไปดูงานที่ประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง
4. การกล่าวหา นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ สมัยดำรงตำแหน่งรมช.พาณิชย์ กรณีทุจริตโครงการยางพารา ขณะนี้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว จะเสนอสำนวนไต่สวนเพื่อเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช. ชุดใหญ่ได้ภายในเดือน ม.ค.2553
5.กรณีคำร้องถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง กรณีให้บริษัทโทรศัพท์มือถือส่งข้อความเอสเอ็มเอสจากนายกฯ ไปถึงประชาชน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมถึงกรณีการถอดถอนนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ส่งผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ลงสมัครรับเลือกตั้ง การเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยมิชอบ ตลอดจนการถอดถอนรัฐมนตรีคนอื่นอีก 5 คนนั้น คาดว่าจะสามารถพิจารณาวินิจฉัยเรื่องนี้ได้ภายในต้นปี 2553 ซึ่งขอยืนยันว่า ป.ป.ช. ได้ดำเนินการไต่สวนทุกคดี และจะทำหนังสือให้พรรคเพื่อไทยทราบถึง ความคืบหน้าคดีเหล่านี้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายกล้านรงค์ ยังนำภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณหน้าบ้านพักของ น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการ ป.ป.ช. มาเปิดเผยกับสื่อมวลชน พร้อมกล่าวว่า เวลา 21.00 น. วันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา มีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาก่อเหตุ ทุบรถยนต์ส่วนตัวของ น.ส.สมลักษณ์ บริเวณหน้าบ้านพักย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยคนร้ายได้นำทรัพย์สินบางส่วนภายในรถติดตัวไปด้วย
ด้าน น.ส.สมลักษณ์ กล่าวว่า คนร้ายได้โน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือ และทรัพย์สินไปเล็กน้อย คิดว่าเป็นเพียงการโจรกรรมทรัพย์สินเท่านั้น หากคนร้ายเปลี่ยนใจประสงค์ต่อชีวิตและร่างกาย คงเสียชีวิตไปแล้ว เพราะถึงแม้จะใช้รถประจำตำแหน่งเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีโอกาสใช้รถคันดังกล่าวบ้างเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลเข้าไปค้นหาข้อมูลทะเบียนรถของ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ไม่ทราบว่าจะมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่
อยู่ที่บ้านหลังนี้มาประมาณ 20 กว่าปี ตั้งแต่เป็นผู้พิพากษา ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ พอมาอยู่ ป.ป.ช.ก็มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่ามีความกลัวเกรง เราก็ยังยืนยันจะทำหน้าที่โดยบริสุทธิ์ ยุติธรรมต่อไป” น.ส.สมลักษณ์ กล่าว
ด้านนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีกำลังตำรวจสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาดูแลบ้านพัก ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน
กำลังโหลดความคิดเห็น