คนไทยอ่วม! ปี 53 สินค้าดาหน้าขึ้นราคา รับเศรษฐกิจฟื้น หลังอั้นมาตลอดทั้งปี 52 คาดราคาวัสดุก่อสร้าง สินค้าอุปโภคบริโภค และเกษตรราคาปรับเพิ่มขึ้นแน่นอน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า แนวโน้มราคาในช่วงปี 2553 คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นจากปี2552 หลายรายการ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และวัสดุก่อสร้าง หลังจากปีที่ผ่านนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ มีนโยบายให้ตรึงราคาสินค้าไว้ตลอดทั้งปี โดยไม่พิจารณาให้สินค้าปรับขึ้นราคา และในปี 2552 เป็นปีที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว กำลังซื้อยังมีไม่มาก ผู้ผลิตจึงแข่งขันกันลดราคา และไม่สามารถปรับราคาเพิ่มขึ้นได้ แต่ปี 2553 เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวชัดเจน อีกทั้งต้นทุนการผลิตสินค้าเริ่มสูงขึ้นตามแนวโน้มวัตถุดิบ และค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่รัฐบาลเพิ่งอนุมัติเพิ่มอีกวันละ 1-8 บาท จะเป็นแรงกดดันให้ภาคเอกชนขอปรับราคาสินค้าจากภาครัฐมากขึ้น
“ปีก่อน นางพรทิวา มีนโยบายดูแลปัญหาปากท้องประชาชนด้วยการไม่อนุญาตให้สินค้าปรับขึ้นราคา แต่ในปี 2553 กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะพิจารณาให้สินค้าปรับขึ้นราคาได้ตามความเหมาะสม เพื่อให้เป็นธรรมแก่ทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค”
ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี 2552 ที่ผ่านมา สินค้าที่ได้ปรับราคาเพิ่มขึ้นไปแล้ว เช่น ปุ๋ย เนื่องจากราคาแม่ปุ๋ยยูเรียปรับเพิ่มขึ้นจากตันละ 278 เหรียญสหรัฐในเดือน ต.ค.เพิ่มเป็น 300 เหรียญสหรัฐในช่วงปลายปีส่งผลให้ราคาจำหน่ายปุ๋ยในประเทศได้ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สินค้าหมวดยานยนต์ ได้แก่ แบตเตอรี่ที่มีการปรับราคาขึ้นแล้วประมาณ 6% เฉลี่ยลูกละ 90-150 บาท โดยราคาเพิ่มจากลูกละ 1,450-2,250 บาท มาอยู่ที่ 1,540-2,400 บาท เนื่องจากวัตถุดิบในการผลิตโดยเฉพาะตะกั่วบริสุทธิ์ปรับสูงขึ้น ขณะที่หมวดวัสดุก่อสร้าง สายไฟฟ้าปรับขึ้น 6% เฉลี่ยเพิ่มราคาขดละ 38.25 บาท หลังจากทองแดงปรับเพิ่มขึ้น
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปี 2553 ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ไม่น่าจะแพงจากเดิมมากนัก เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบยังทรงตัว ขณะที่อัตราค่าแรงที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ใช่ต้นทุนหลัก ที่สำคัญปัจจุบันตลาดสินค้ากลุ่มนี้ยังแข่งขันกันสูง หากรายใดขอปรับราคาอาจกระทบต่อยอดขายได้ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าสินค้าหมวดวัสดุก่อสร้างน่าจะแพงขึ้นบ้าง เช่น เหล็ก หิน ปูน ทราย ตามแนวโน้มราคาโลก และจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ซึ่งจะมีการลงทุนก่อสร้างและต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีหมวดสินค้าเกษตร ที่อาจจะปรับขึ้น เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด ยางพารา ตามภาวะราคาสินค้าเกษตรโลกที่คาดว่าจะปรับสูงขึ้น
ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการใดเดือดร้อน กระทรวงฯ ก็พร้อมจะพิจารณาราคาให้อย่างเป็นธรรม รวมถึงจะเข้าไปตรวจสอบการลดขนาดสินค้า ตามที่ประชาชนร้องเรียน
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า นโยบายตรึงราคาตลอดปี 2552 ตามนโยบายรมว.พาณิชย์ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนแนวโน้มราคาสินค้าปี 2553 แม้หลายฝ่ายจะกังวลว่าจะมีสินค้าเตรียมขอปรับขึ้นราคา แต่กรมฯ อยากให้เข้าใจว่าเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ราคาสินค้าก็มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นตามต้นทุนที่สูงซึ่งหากผู้ผลิตรายใดที่ไม่สามารถแบกรับต้นทุนต่อไปได้ หรือขาดทุนติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็สามารถเข้ามาชี้แจงว่าสาเหตุที่ต้องขอปรับขึ้นนั้นมาจากสาเหตุใดกันแน่ กรมฯ ก็พร้อมพิจารณา
“ไม่ได้ปิดทางว่าจะไม่ให้ผู้ผลิตขึ้นราคา แต่จะขอดูตามความเหมาะสม เพราะเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น แสดงว่าประชาชนก็จะมีเงินมากขึ้น หากตอนนั้นสินค้าขึ้นราคาบ้างเพื่อธุรกิจอยู่รอดและไม่ปิดกิจการหายไป ก็ถือเป็นการทำให้มีการแข่งขันที่หลากหลาย ไม่ใช่ว่ามีผู้ผลิตแข่งกันอยู่ไม่กี่ราย ซึ่งมันจะขัดกับระบบการค้าเสรี”น.ส.ชุติมากล่าว